อสูรมังกรฟ้า เล้งซาน ตอนที่ 23 ที่มา
หลังจากเห็นพลุสัญญาณของพรรคป้อมอัคคี ซูจ้าวรีบทะยานมาประตูทิศใต้ด้วยความเร็วสูง แต่ด้วยความใหญ่โตของเมือง เมฆคราม การจะเดินทางจากประตูทิศตะวันตก มาประตูทิศใต้ แม้จะมีท่าร่างที่รวดเร็วเพียงใด ย่อมต้องใช้เวลาครู่ใหญ่ ในการแหวกว่ายผ่านผู้คนในเมือง
ซูจ้าว เป็นคนแรกของพรรคที่มาถึงประตูทิศใต้ แต่ภาพที่ปรากฏเบื้องหน้า สร้างความตกตะลึงถึงขีดสุดให้แก่ซูจ้าวเป็นอันมาก ระดับอาจารย์ผู้ฝึกสอน ของพรรคใหญ่ที่สุดในเมือง เมฆาล่อง หนึ่งร่างบาดเจ็บสาหัสสิ้นสติข้างกำแพงเมือง อีกร่าง ตาย!! แต่กลับไร้ซึ่งเงาของเล้งซาน!!
ซูจ้าวร่างสั่นสะท้านด้วยความโกรธแค้น หน้าแดงก่ำ ม่านตาหดแคบ
"เล้งซาน !! จากนี้เจ้าและพรรคป้อมอัคคีย่อมไม่อาจอยู่ร่วมโลก ไม่ว่าเจ้าจะหนีไปที่แห่งใด ข้าจะตามล่าเจ้าสุดขอบทวีป!!"
ซูจ้าวตะโกนเสียงดังสนั่นไปทั่วด้วยเพลิงแค้นที่ปะทุ มันมองไปที่ทหารยามเฝ้าประตู ที่ร่างสั่นสะท้านอย่างหวาดกลัว
"มันหนีไปไหน!!!" ซูจ้าวชี้ไปที่ทหารยามเฝ้าประตู
"ระ..เรียนผู้อาวุโส มันบาดเจ็บสาหัสและหอบร่างออกจากเมืองไปแล้ว ตัวผู้น้อย ไม่มีความกล้าพอที่จะขัดขวาง" ทหารเฝ้าประตูตอบด้วยเสียงสั่นเครือ
ซูจ้าว ได้ฟังดังนั้นรีบทะยานร่างออกจากเมืองในทันที...
..................
"ที่นี่มัน...อู๊ยยยยย~"
เล้งซาน ฟื้นจากการพักฟื้น มันนอนอยู่บนเตียงภายในห้องเล็กๆ แต่สิ่งที่อยู่ภายในห้องล้วนแต่หรูหรา มีราคาทั้งสิ้น บาดแผลรอยไหม้ตามร่างกาย ล้วนแล้วแต่ได้รับการเยียวยา แม้ยังไม่หายดี แต่ก็ถูกผ้าพันไว้อย่างเรียบร้อย ลมปราณในร่างฟื้นคืนมากกว่า ห้าส่วน เส้นลมปราณที่บาดเจ็บก็ดูเหมือนว่าจะได้รับการรักษาร่วม 8 ส่วนแล้วเหลือเพียงใช้เวลาสัก 3-4 วันก็จะหายเป็นปรกติ
เมื่อสำรวจร่างกายแล้ว มันก็สัมผัสได้ถึงพลังปราณของคนอีกผู้หนึ่ง อยู่ในห้องนี่เช่นกัน จากสัมผัสมังกรสามารถบอกได้เลยว่า คนผู้นี้อยู่ในชั้นลมปราณสีเหลืองขั้นที่ 9 อีกเพียงครึ่งก้าวจะเข้าสู่ชั้นปราณสีส้ม!! นับว่าเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดนับตั้งแต่เล้งซานข้ามเวลามาในปัจจุบัน
เล้งซานหน้าซีดทันที ที่สัมผัสได้มันรีบโคจรพลังเตรียมพร้อมทุกสถานการณ์
'หรือที่นี่จะเป็นพรรคป้อมอัคคี ไม่สิไม่น่าเป็นไปได้!! หากเป็นพรรคป้อมอัคคีจริง ข้าสมควรจะถูกขังคุก และไม่น่าจะรักษาอาการบาดเจ็บให้ข้า ที่นี่คือที่ใดกัน'
เล้งซานยังคงขมวดคิ้ว มันไม่รู้สถานการณ์ตอนนี้ แม้แต่น้อย ทำให้ยิ่งเพิ่มความระวังตัวจนถึงขีดสุด
"เจ้าฟื้นแล้วหรือ? นับว่าน่าตกใจจริงความอาการของเจ้าไม่น่าที่จะฟื้นได้ใน 5 วัน แต่เจ้ากลับฟื้นมาภายใน วันเดียว"
เสียงชราจากคนอีกคนหนึ่งผ่านในห้องดังขึ้น และคนผู้นั้นค่อยๆเดินมาที่เตียงของเล้งซาน
"ไม่ต้องกลัวไป ข้ามิใช่ศัตรูของเจ้า อีกทั้งข้ายังเป็นคนช่วยเจ้าไว้ คนจากประตูทิศใต้ทั้งหมด เป็นคนของพรรคกระบี่เหิน ข้าสั่งให้พวกนั้นหลอกคนของพรรคป้อมอัคคี ว่าเจ้าไปนอกเมืองแล้ว เพราะฉะนั้นพักฟื้นให้เต็มที่ไม่ต้องกังวล"
ชายชราคนนี้ดูแล้วอายุน่าจะเกินกว่า 80 ใบหน้ายิ้มแย้มดูไร้พิษภัยใดๆ
เล้งซาน แต่ยังมิปักใจเชื่อแน่ชัดถึงเหตุผลของชายชราผู้นี้ แต่อย่างไรซะ คนผู้นี้ก็นับเป็นผู้ช่วยชีวิตของมันไว้ มันฝืนลุกจากเตียงยืนขึ้น ประสานมือ โค้งตัวเล็กน้อย
"ขอบคุณผู้อาวุโส ที่เมตตาผู้เยาว์ไม่ทราบว่าท่านคือใครกัน และมีสิ่งใดต้องการจากผู้เยาว์กัน"
"เจ้านั่งลงก่อนเถอะ ร่างกายเจ้ายังไม่แข็งแรง"
"ขอบคุณผู้อาวุโส" เล้งซานโค้งคำนับอีกครั้งและกลับมานั่งที่เตียง
"ตัวข้าชื่อว่า อี้หลงเทียน ข้าเป็นปู่ของอี้หลงหวัง ที่ประลองรอบชิงกับเจ้าเมื่อวานนี้ และยังเป็นอดีตผู้นำพรรคกระบี่เหิน"
เล้งซานตื่นตะลึง ม่านตาเบิกกว้าง ในทันที
"ที่ข้าช่วยเจ้าไว้ ส่วนหนึ่งมาจากหลานของข้าได้ขอร้องไว้ เพราะเจ้าล่วงรู้ความลับของนาง ว่านางเป็นอิสตรี นางกลัวว่าเจ้าจะหลุดปากบอกแก่ผู้อื่นไป และอีกส่วน..."
"ข้าสังเกตตั้งแต่เริ่มประลองรอบแรกแล้ว วิชาที่เจ้าใช้และแซ่ของเจ้านั้น ช่างคล้ายคลึงวิชาในตระกูลเล้ง แห่งทวีปมังกรฟ้านัก"
ร่างกายของเล้งซาน แข็งค้าง ม่านตาเบิกกว้างถึงขีดสุด จากนั้นร่างกายและริมฝีปากสั่นเทา
"ทะ..ทะ...ท่าน พูดว่า ตระกูลเล้ง!!"
"จากท่าทีแล้ว เจ้าคงรู้จักตระกูลเล้ง ไม่สิเจ้าเป็นคนของตระกูลเล้ง ที่เหลือรอดจากการล่มสลายสินะ แม้ผ่านมาพันห้าร้อยปี ไม่มีแม้กระทั่งข่าวลือเรื่องผู้เหลือรอดของตระกูลเล้ง แต่กลับมีผู้สืบทอดวิชาโผล่มาให้พันห้าร้อยปีให้หลัง ช่างเป็นเรื่องน่าประหลาดใจยิ่งนัก"
"เหตุใดผู้อาวุโส จึงรู้จักวิชาตระกูลเล้ง" เล้งซานยังคงสั่นสะท้าน แต่การที่มีคนรู้จักถึงวิชาตระกูลเล้ง ย่อมเป็นสิ่งที่อันตรายต่อชีวิตของมันอย่างยิ่ง
"ข้าย่อมไม่รู้เคล็ดวิชาและรายละเอียด รู้แต่เพียงลักษณะวิชาจากบันทึกนับพันปีของพรรคเราเท่านั้น ด้วยความที่เจ้าเองเป็นคนตระกูลเล้ง ข้าจะเล่าที่มาของพรรคกระบี่เหินให้เจ้าฟัง"
เล้งซานโล่งใจเล็กน้อย ที่เคล็ดวิชาตระกูลมิได้ถูกเผยแพร่ จึงตั้งใจฟังความเป็นมาจากปากของ อี้หลงเทียน เพราะทุกอย่างย่อมต้องเกี่ยวกับตระกูลเล้งในอดีตไม่มากก็น้อย
"เจ้ารู้จักพรรคมังกรเหิน หรือไม่?"
"เรียนผู้อาวุโส ข้าย่อมรู้จัก พรรคมังกรเหิน เป็นพรรคอันดับสองของทวีปมังกรฟ้า อีกทั้งยังเป็นพรรคที่แตกสาขาออกไป จากพรรคตระกูลเล้ง"
"ถูกต้อง!! พรรคมังกรเหินคือพรรคที่ก่อตั้งโดย ปรมาจารย์ เล้งกี้จง ซึ่งได้นำกระบวนท่าของตระกูลเล้ง มาดัดแปลงเป็นเพลงกระบี่ จึงกล่าวได้ว่าต้นสายของพรรคมังกรเหิน นั่นคือตระกูลเล้ง"
"แต่แล้วเมื่อพันห้าร้อยปีก่อน ตระกูลเล้งถูกเผ่าอสูรที่แข็งแกร่งจำนวนมาก ที่มาจากโลกเผ่าอสูรเข้ามาโจมตี พรรคมังกรเหิน จึงผนึกกำลังกับตระกูลเล้งเข้าห้ำหั่นกับเผ่าอสูร แต่ก็ไม่อาจต่อกรได้ เหล่าศิษย์ของพรรคจึงแตกกระจายออกมา จากการไล่กวาดล้างของเผ่าอสูรในทวีปมังกรฟ้า"
"บรรพบุรุษของข้า อี้หลงหยาง เป็นศิษย์สายนอกของพรรคมังกรเหิน ได้หนีมาที่ทวิฬเต่าทมิฬแห่งนี้ ด้วยความที่ท่านเป็นเพียงศิษย์สายนอกจึงได้วิชาจากพรรคมังกรเหินมาเพียง สามส่วนเท่านั้น แต่ก็นับว่าเพียงพอให้มีชื่อเสียงในทวีปเต่าทมิฬแห่งนี้"
"ท่านจึงปกปิดเรื่องราวว่าเคยสังกัดพรรคมังกรเหิน มาก่อตั้งพรรคกระบี่เหินขึ้น และบันทึกเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมด ลงไปยังบันทึกของพรรคกระบี่เหิน และส่งต่อสู่ผู้นำพรรคคนต่อ ๆ ไปโดยกำชับหนักแน่นว่า ท่านมิเคยลืมเรื่องที่สังกัดพรรคมังกรเหิน และหากพบเจอลูกหลานหรือศิษย์ผู้ใดของพรรคมังกรเหินและพรรคตระกูลเล้ง ให้ช่วยเหลือและสนับสนุนจนสุดความสามารถ"
เล้งซานเมื่อได้ยินเรื่องราวทั้งหมด หยดน้ำตาของบุรุษก็ได้อาบดวงตาทั้งสองข้าง มันกล่าวสิ่งใดไม่ออกแม้แต่น้อย ซาบซึ้งในสิ่งที่ พรรคมังกรเหิน และอี้หลงหยาง กระทำเป็นอย่างมาก
"เรียนผู้อาวุโส ขอเรียนตามตรงโดยมิปิดบัง ตัวผู้เยาว์นั้นเป็นเชื้อสายตระกูลเล้งจริงดังท่านว่า ส่วนที่มาของผู้เยาว์นั้นยังมิอาจเปิดเผยได้ หวังว่าผู้อาวุโสจะเข้าใจความลำบากใจนี้ของ ผู้เยาว์"
ม่านตาอี้หลงเทียนเบิกกว้าง และยิ้มด้วยความปิติ
"วิเศษ...วิเศษจริงๆ ไม่คิดว่าข้าจะพบคนตระกูลเล้งที่เป็นดั่งตำนาน ที่ไม่ปรากฏมากว่าพันปีเช่นนี้ เรื่องที่มาของเจ้านั้นข้าก็พอจะเดาได้ มิจำเป็นต้องบอก"
เล้งซานคิ้วทั้งสองข้างขมวดขึ้นทันที มันมิเคยบอกกล่าวผู้ใด และมิเคยมีใคร ในดินแดนนี้ทราบถึงการข้ามเวลามาของมัน แล้วเหตุใดอี้หลงเทียนจึงได้พูดออกมาเช่นนี้!!
"เอ่อ...ผู้อาวุโส ท่านทราบที่มาของข้า?"
"แน่นอนข้าย่อมรู้ แม้จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับความลับที่สุดของราชวงศ์เสวียนอู่ แต่ข้าที่ตามสืบข่าวของตระกูลเล้งและพรรคมังกรเหินมานานครึ่งชีวิต ย่อมต้องทราบถึงความลับนี้ แม้เพียงเล็กน้อยแต่ก็พอคาดเดาได้"
"ท่านทราบอะไรบอกข้าได้หรือไม่!!" เล้งซานสงสัยในคำกล่าวของอี้หลงเทียน เหตุใดที่มาจึงเป็นความลับ? เหตุใดจึงเกี่ยวกับราชวงศ์เสวียนอู่?
อี้หลงเทียนขมวดคิ้วเล็กน้อย
"เจ้า มิได้มาจากตระกูลลี้ลับ ที่เป็นดังเงาเบื้องหลังราชวงศ์เสวียนอู่หรอกหรือ?"
"ย่อมมิใช่แน่นอน ข้ามิได้เกี่ยวข้องกับราชวงศ์เสวี่ยนอู่แม้แต่น้อย"
"ห๊ะ!! ถ้าเช่นนั้น เจ้าก็เป็นผู้เหลือรอดจากตระกูลเล้ง ในอีกสายตระกูลหน่ะสิ!!"
"เรียนผู้อาวุโส ข้ามิทราบถึงเรื่องที่ท่านกล่าวแม้แต่น้อย ตัวข้าตอนนี้แม้เป็นสายเลือดของตระกูลเล้ง แต่ข้าเดินทางผู้เดียวในทวีปแห่งนี้"
อี้หลงเทียนม่านตาเบิกกว้าง มันมั่นใจกว่า 9 ส่วนว่าเล้งซานเกี่ยวข้องกับตระกูลลี้ลับ ของราชวงศ์เสวียนอู่ จากนั้นมันค่อยๆสงบลงพลางพยักหน้าเล็กน้อย
"เช่นนั้นข้าจะบอกให้เจ้าฟัง ข้ารู้มาว่า เมื่อราวๆพันกว่าปีก่อนราชวงศ์เสวียนอู่ค่อนข้างตกต่ำลง ด้วยความที่เป็นราชวงศ์ของทวีปนี้ แต่มีกำลังพลที่น้อย ราชวงศ์เสวียนอู่ เสี่ยงอย่างมากต่อการถูกพรรคใหญ่ ณ ตอนนั้นกลืนกิน"
"แต่จู่ๆ ก็ได้มีกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งเข้าร่วมกับราชวงศ์เสวียนอู่ กลุ่มคนพวกนี้วรยุทธสูงส่งนัก ได้เข้าไปลอบสังหารผู้นำพรรคใหญ่ ณ ตอนนั้นทั้งหมด นับแต่นั้นมาก็ไม่มีพรรคใดในทวีปเต่าทมิฬ กล้าเป็นศัตรูกับราชวงศ์เสวี่ยนอู่อีกเลย ตราบเท่าทุกวันนี้"
"ด้วยวรยุทธระดับที่กล่าวมา มีความเป็นไปได้สูงมาก ว่าจะเป็นคนของตระกูลเล้ง!!"
เล้งซานร่างสั่นสะท้าน หากเป็นจริงดังคำของ อี้หลงเทียน แปลว่าตระกูลของมันยังไม่จบสิ้น!! คำกล่าวนี้เปรียบเสมือน แสงเทียนกลางจิตใจที่มืดมิดของเล้งซาน
"ข้าจะไปพบ ตระกูลลี้ลับนี้ ได้ที่ราชวงศ์เสวียนอู่ใช่หรือไม่?"
อี้หลงเทียนส่ายหน้าเล็กน้อย พลางถอนหายใจ
"ว่ากันว่า คนที่รู้ถึงการมีอยู่ของตระกูลลี้ลับนี้ มีน้อยมากนัก แต่คนที่รู้จักตระกูลลี้ลับนี้ มีน้อยยิ่งกว่านับร้อยเท่า มีเพียงจักรพรรดิของราชวงศ์ และขุนนางระดับสูงสุดไม่เกิน 5 คนเท่านั้น ที่รู้ถึงตระกูลลี้ลับนี้......"
...................................................