อสูรมังกรฟ้า เล้งซาน ตอนที่ 17 ข้าจะเป็นขยะให้เจ้าดู
เซี่ยวหลินหลุน ตื่นตระหนกอย่างมาก อัจฉริยะ ผู้นี้ในปีที่แล้ว มันอายุเพียง 14 ปี นับว่าน้อยที่สุดตั้งแต่มีการจัดการประลองเมืองเมฆคราม แต่กลับสร้างความตื่นตระหนกแก่ทุกคนในเมืองเมฆครามด้วยการคว้าอันดับ 1 ไปครอง ในตอนนั้นมันยังอยู่เพียงขั้นที่ 4 ของลมปราณสีคราม ในรอบชิงชนะเลิศ มันกับเอาชนะ เซี่ยวหลินจื่อ อัจฉริยะผู้เยาว์ของพรรคตระกูลเซี่ยวหลิน ที่อายุ 18 ปี และอยู่ในขั้นที่ 6 ของลมปราณสีคราม การประลองในครานั้นลือเลื่องไปทั่วทิศเหนือของอาณาจักรเต่าทมิฬ
"เฮ้อออ..เราคงได้แต่หวังว่า เล้งซานมันจะหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับ อี้หลงหวัง ยังไงซะ หนึ่งในผู้ผ่านเข้ารอบของสายนี้ ย่อมเป็นอี้หลงหวัง เป็นแน่แท้"
เซี่ยวหลินหลุน มือกุมขมับพลางส่ายหน้าเล็กน้อย
............
การประลองในแต่ละสายเป็นอย่างดุเดือดก้ำกึ่งสูสี โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากในสนามประลองสายในมีศิษย์ของสามพรรคใหญ่ในเมือง ที่ในสายมีสมาชิกของพรรคเหล่านั้นซ้อนทับกันเกินกว่าสองคนขึ้นไป จะเกิดการเข้าห้ำหั่นกันอย่างดุเดือดเลือดพล่าน
ด้วยฝีมือศิษย์ของทั้งสามพรรคที่อยู่ในระดับไม่เหลื่อมล้ำกันมาก ถึงแม้จะได้รับชัยชนะแต่ก็ย่อมได้นับบาดเจ็บในระดับหนึ่งในการผ่านเข้ารอบ การประลองดำเนินต่อไปเรื่อยๆด้วยความเร้าใจเหล่าผู้ชม เสียงเฮ้ลั่นกังวานไปทั่วเมืองเมฆคราม จวบจนกระทั่งมาถึงสายที่ 7
"ผู้เข้าประลอง สายที่ 7 จงขึ้นมาบนเวที" หนึ่งในกรรมการ การประลองประกาศเรียก
ผู้เข้าประลองทยอยขึ้นมาบนเวที แต่ทว่า!! ผู้ที่ขึ้นมากลับมีเพียง 18 คนจาก 50 คน!!
เหตุผลนั้น แม้มิต้องสอบถามก็เดาได้มิยาก เป็นเพราะ อี้หลงหวัง!! อัจฉริยะตัวเก็งชนะเลิศของการแข่งในครั้งนี้ ด้วยพลังลมปราณที่ค่อนข้างสูงล้ำกว่าผู้อื่นอยู่หลายขั้น อีกทั้งยังเป็นนายน้อยผู้สืบทอดตำแหน่งผู้นำพรรคกระบี่เหินที่ยิ่งใหญ่ในรุ่นต่อไป แม้ไม่กล่าวถึงพลังลมปราณ อาศัยเพียงวรยุทธวิชาที่ได้รับสืบทอดย่อมต้องเหนือล้ำกว่าเหล่าศิษย์แกนหลักของพรรคที่นับเป็นมังกรในหมู่ชน หากบอกว่าอี้หลงหวังเป็นมังกรในหมู่มังกร ก็ย่อมมิใช่คำกล่าวที่เกินเลยแม้แต่น้อย
พวกที่มิกล้าขึ้นเวทีประลองมานั้น เนื่องจากเกรงว่าหากบาดเจ็บร้ายแรงจะเสียอนาคตในการฝึกยุทธทันที ส่วนพวกที่กล้าขึ้นมานั้นมันหวังเพียงแค่ให้เหลือรอดเป็นคนที่สองต่อจาก อี้หลงหวัง
และเมื่อทันทีที่เล้งซานก้าวขึ้นเวที เสียงวิพากษ์วิจารณ์ ก็ดังกระหึ่มขึ้น!!
"เฮ้ย!! เจ้าขยะลมปราณสีม่วงนั้นมันกล้าขึ้นเวทีด้วย"
"ฮ่าๆๆ ดูเจ้าบ้านั้นสิ"
"กลับบ้านไปเจ้าสวะ!!"
"ตามผู้ปรุงยามาหน่อย ปรุงยาแก้บ้าให้มันที ฮ่าๆๆ"
ไม่มีแม้แต่เสียงเดียวที่กล่าวในด้านดี รอบเวทีประลองโดยทั่วได้ยินชัดเจน เพียง 2 คำ ขยะ!! สวะ!!
เล้งซานฉีกยิ้มเล็กน้อย มันย่อมมิใส่ใจกับคำพูดเช่นนี้
'หากพวกเจ้าต้องการให้ข้าเป็นขยะ ข้าจะเป็นขยะให้พวกเจ้าดูและจากนั้นค่อยขยี้พวกเจ้า!!'
เมื่อเล้งซานขึ้นมาถึงบนเวที กลับสังเกตเห็นว่าผู้เข้าประลองด้านบน ต่างถูกแยกเป็น สองทาง อย่างแจ่มชัด!! ทางหนึ่งคือผู้เข้าประลอง 16 คน ส่วนอีกทาง คือบุรุษร่างเล็กผู้หนึ่ง มันสูงมิพอหัวไหล่ของเล้งซานด้วยซ้ำ แต่แววตาคบกริบ ในหน้าโค้งมน ดูงดงามราวอิสตรี มือสองข้างไขว้หลัง ดูสง่างามอย่างยิ่ง แต่ลมปราณที่กระจายออกมานั้น ชั้นลมปราณสีครามขั้นที่ 7 !!
"เริ่มประลองได้!!"
ทันทีที่กล่าวจบ ทางด้านผู้เข้าประลองทั้ง 16 คนปล่อยกระบวนท่าใส่กันทันที เกิดการต่อสู้นัวเนียชนิดที่ว่ายกทุกอย่างที่มีทุ่มเข้าใส่กัน ดุเดือดถึงขั้นเลือดตกยางออกใช่ชั่วเวลาไม่ถึง ห้าอึดใจ
"ย๊ากกกกกกก"
"ดัชนีพิรุณ"
"กรงเล็บอินทรีสะบั้นศิลา!!"
กระแสลมปราณและรังสีวิชาสาดประกายทั่วทั้งครึ่งสนาม ย้ำว่า ครึ่งสนาม!! เพราะในอีกครึ่งนั้นไร้ซึ่งพลังลมปราณใดๆหลุดรอดเข้าไปแม้แต่นิ้วเดียว
เล้งซานมองไปอีกด้าน กลับเห็นบุรุษร่างเล็กยืนอยู่ที่เดิม มิได้ขยับท่วงท่าแม้แต่น้อย!! อีกทั้งหากฝั่งผู้ประลองทั้ง 16 มีผู้ใดเสียหลักไปทางบุรุษร่างเล็ก มันจะตื่นตระหนกและรีบกระโจนกลับเข้าไปในกลุ่มผู้ประลองทันทีแม้จะเสียท่าก็ตาม
ในกลุ่มผู้ประลองทั้ง 16 ในที่สุดก็มี สองคนในนั้นสังเกตเห็นเล้งซาน มันทั้งคู่พุ่งเข้าใส่ทันที!!
"เจ้าสวะ!! ข้าจะเก็บเจ้าก่อน!!"
เล้งซาน เห็นดังนั้นมันแสยะยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย จากนั้นโคจรลมปราณทั่วร่างหมุนวนเสริมอัดเข้าที่ขาทั้งสองแล้วก็........วิ่งหนี!!
"อย่าพึ่งทำข้า!! ข้ากลัวแล้ว!!"
"อย่าทำร้ายข้า อย่าทำร้ายข้า"
เล้งซานวิ่งหนีพร้อมตะโกนไปทั่วเวที...
ไม่ว่าจะเป็นผู้ชมข้างเวที หรือผู้ประลองบนเวที แม้แต่กรรมการยัง อึ้ง!! กล่าวเป็นคำพูดออกมาไม่ได้แม้แต่น้อย จากนั้นเสียงหัวเราะก็ดังกระหึ่มขึ้นโดยรอบเวที
"ฮ่าๆๆๆ ดูเจ้าสวะนั้นสิ มันวิ่งหนี!!"
"ตั้งแต่ชมการประลอง ไม่ว่าจะไปใดก็มิเคยเห็นคนที่น่าสมเพช เช่นนี้ ฮ่าๆๆ"
"ใครช่างกล้าส่งมันลงเป็นตัวแทน น่าอับอาย...น่าอับอายยิ่งนัก"
หน้าของเซี่ยวหลินหลุน และชุนเกียงตู้ หดแคบเหลือเท่าฝ่ามือ
'เหตุใดมันทำเรื่องน่าทุเรศ เช่นนั้น' ทั้งสองคนคิดมิต่างกัน
แม้เสียงหัวเราะเยาะจะดังขึ้นรอบทิศทาง แต่เล้งซานก็ยังมิหยุดวิ่ง อีกทั้งยังมิหยุดตะโกน
"อย่าทำร้ายข้า ข้ากลัวแล้ว"
แต่เมื่อมีผู้ประลองคนใดเข้าใกล้ตัวมันและโจมตีใส่ มันจะหลบอย่างเฉียดฉิวใช้มือผลักเบาๆ ทุกคนที่ออกกระบวนท่าใส่มันจะเสียหลักล้มลงไปอย่าง งงๆ ว่ามันล้มไปได้อย่างไร แต่ทุกการกระทำของเล้งซาน มิอาจเล็ดลอดสายตา บุคคลผู้หนึ่งบนเวที อี้หลงหวัง
'คนผู้นี้ปกปิดฝีมือที่แท้จริง'
เมื่อดูสักระยะก็เห็นว่า ยังไงเล้งซานก็ไม่ยอมแสดงฝีมือออกมา มันขมวดคิ้วเล็กน้อย
"เพื่อความรวดเร็วในการประลอง ข้าอี้หลงหวัง จะตัดสินพวกแทนกรรมกรให้เอง!!"
"กระบี่ เจิดจรัส!!"
อี้หลงหวังกระจายลมปราณออกจากร่าง ปราณเหล่านั้นค่อยๆเปลี่ยนรูปเป็นกระบี่ ปราณกระบี่จำนวน 17 สายสาดแสงสร่างทั่วเวที พุ่งเข้าใส่ผู้ประลองทุกคนบนเวที ในทันที มันหวังใช้เป็นข้ออ้างในการทดสอบวรยุทธของเล้งซาน
เล้งซานขมวดคิ้วเล็กน้อย รับรู้สึกได้ของปราณกระบี่ที่พุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วเกินกว่าจะหลบ
"ปราณมังกรบรรพต!!"
เกร้งงงงงงง!! เสียงราวกับกระบี่กระแทกเข้ากับโลหะแข็ง
เมื่อแสงจากปราณกระบี่ที่เจิดจ้าหายไป ภาพที่อยู่เบื้องหน้าของทุกคนคือบุรุษผู้เดียวยืนอยู่บนเวที นั่นคือ อี้หลงหวัง ผู้ประลองทั้ง 16 คน นอนร้องโอดอวนอยู่บนพื้น ส่วนเล้งซาน....
มันนั่งคุดคู้อยู่ที่ขอบเวทีด้วยร่างที่สั่นเทา...
อี้หลงหวังขมวดคิ้วแน่น สีหน้าและแววตาแสดงความงงงวยอย่างยิ่งยวด
'มันมีปราณคุ้มกัน อันแข็งแกร่ง!! แต่เหตุใดถึงแกล้งทำตัวอ่อนแอเช่นนี้!!'
.............................................