อสูรมังกรฟ้า เล้งซาน ตอนที่ 16 ณ เมืองเมฆคราม
เมือง เมฆคราม เป็น 1 ใน 7 เมืองใหญ่บนทวีปเต่าทมิฬ และยังเป็นเมืองใหญ่แห่งเดียวในทิศเหนือของทวีป มีประชากรรวมแล้วกว่า 2 ล้านคน เจ้าเมืองคือ เซี่ยวหลินเฟิง เป็นบิดาแท้ๆของ เซี่ยวหลินหลุน
ที่นี่มีพรรค และตระกูลผู้ใช้ลมปราณน้อยใหญ่อยู่มากมาย เกือบทุกสำนักจะส่งผู้เยาว์เข้าร่วมได้สำนักละ 1 คนเท่านั้น ยกเว้น 3 พรรคใหญ่ ที่ส่งผู้เยาว์เข้าร่วมได้ 3 คน ได้แก่ พรรคตระกูลเซี่ยวหลิน พรรคป้อมอัคคี และพรรคกระบี่เหิน ซึ่งทั้ง 3 เป็นพรรคใหญ่ที่ทรงอำนาจที่สุดในเมือง แน่นอนเซี่ยวหลินหลุนเคยสังกัดพรรคตระกูลเซี่ยวหลิน แต่เนื่องจากขอแยกตัวออกมาก่อตั้งหมู่บ้าน เมฆาล่อง ที่นอกเมือง จึงสามารถส่งผู้เยาว์เข้าร่วมได้โดยมิถูกนับรวมกับพรรคตระกูลเซี่ยวหลิน
"เรียนนายท่าน อีกมิเกินครึ่งชั่วยามเราจะถึงประตูทิศตะวันตกของเมืองแล้ว นายท่านจะแวะที่ใดก่อนไปลงสมัครเข้าร่วมประลองหรือไม่" ชุงเกียงตู้ กล่าว
"ไม่ เราจะไปลงสมัครเข้าร่วมประลองก่อน จากนั้นข้า ลูกเฟย ลูกเยว่ จะไปแวะเยี่ยมบิดา เจ้าและเล้งซานไปหาที่พักในเมือง ไว้สำหรับพวกเราทุกคนด้วย"
"รับทราบนายท่าน" ชุนเกียงตู้ โค้งตัวคำนับเล็กน้อย
เมื่อเข้าเมือง เล้งซาน ตื่นตากับสิ่งต่างๆในเมืองเล็กน้อย
'เวลาพันห้าร้อยปีช่างยาวนานนัก สิ่งต่างๆล้วนเปลี่ยนไป จิตรกรรมที่ไม่คุ้นตา ลักษณะบ้านเรือนที่ไม่คุ้นเคย คงมีเพียงเราที่ได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของยุคสมัยเช่นนี้'
หลังการเข้าร่วมสมัครเสร็จสิ้น เล้งซานและชุนเกียงตู้จึงแยกตัวมาหาที่พักในเมือง เล้งซาน เกิดความสงสัยเคลือบแคลงจึงใคร่สอบถาม ชุนเกียงตู้
"ท่านผู้ดูแล เหตุใดพวกเราจึงมิพักที่ตำหนักเจ้าเมืองเล่า? อย่างไรซะนายท่านก็เป็นถึงบุตรชาย ของเจ้าเมือง"
ชุนเกียงตู้ ส่ายหน้าเล็กน้อย
"เจ้ายังมิรู้อะไร ข้าจะเล่าให้เจ้าฟัง เมื่อ 4 ปีก่อน นายท่านยังอยู่ในเมืองนี้ด้วยฐานะบุตรชายของเจ้าเมือง ล้วนมิมีเรื่องลำบากใดๆ อีกทั้งยังอยู่ในตำแหน่งผู้อาวุโสของพรรคตระกูลเซี่ยวหลิน ผู้คนทั่วทั้งเมืองต่างให้ความเคารพนับถือ และในตอนนั้นคุณหนูเซี่ยวหลินเยวาอายุได้ 14 ปี แต่แล้วด้วยความงามล่มเมืองของคุณหนู เกิดต้องตาบุตรชายของผู้นำพรรคป้อมอัคคี ซึ่งเป็นหนึ่งในสามพรรคใหญ่ในเมืองนี้ ผู้นำพรรคจึงได้มาสู่ขอคุณหนูโดยตรงจากท่านเจ้าเมือง นายท่านคัดค้านทันที เพราะบุตรชายของผู้นำพรรคป้อมอัคคีนั้น ลือชื่อไปทั่วเมืองว่าเจ้าชู้ เจ้าสำราญเพียงใด นายท่านที่รักคุณหนูปานแก้วตาย่อมมิยินยอมในเรื่องนี้"
"แต่ภายในเมืองนี้อำนาจของพรรคป้อมอัคคีนั้น มิได้เป็นรองพรรคตระกูลเซี่ยวหลิน แม้แต่น้อยหากมีการปะทะกัน อาจถูกลบชื่อออกไปจากเมืองได้ทั้งคู่ เพื่อหลีกหนีเรื่องราวใหญ่โต นายท่านจึงประกาศขอแยกตัวออกจากพรรคตระกูลหลิน"
"แต่ถึงแม้จะแยกตัวออกมาแล้ว พรรคป้อมอัคคี ย่อมมิกล้าใช้วิธีรุนแรงบีบบังคับให้นายท่าน ยอมยกลูกสาวให้ได้ เพราะอย่างไรซะนายท่านก็เป็นบุตรของเจ้าเมืองเป็นน้องชายแท้ๆของผู้นำพรรคตระกูลเซี่ยวหลิน"(เจ้าเมืองไม่ใช่ผู้นำพรรคนะครับ ผู้นำพรรคคือลูกชายคนโต)
"ถ้าเช่นนั้น ศัตรูของนายท่านคือพรรคป้อมอัคคีสินะ"
"ถูกแล้ว!! หากในการประลองเจ้าได้เจอพรรคป้อมอัคคี เล่นงานมันให้หนัก มิต้องออมมือ ขอแค่อย่าให้มันตายก็พอ"
"ท่านผู้ดูแลโปรดวางใจ" เล้งซานยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย
'เซี่ยวหลินเยว่ นางมิค่อยชอบหน้าข้าเท่าไหร่ หากกำจัดศัตรูให้นาง นางอาจจะเปลี่ยนท่าทีต่อข้า'
...........
เช้าวันรุ่งขึ้น เป็นรอบแรกของการประลอง มีผู้สมัครมารวมกันที่เวทีประลองอย่างคับคั่ง รวมผู้เข้าร่วมประลองทั้งสิ้น 800 คน ในรอบแรกมีการแบ่งสายออกเป็น 16 สาย สายละ 50 คน การแข่งรอบแรกคือให้ทั้ง 50 ลงสู่เวทีประลองขนาดใหญ่ผู้เหลือรอด 2 คนสุดท้ายคือผู้ชนะในรอบแรกและจะผ่านเข้าไปรอในรอบถัดไป เมื่อครบทั้ง 16 สายจะได้ผู้เข้าประลองในรอบที่ 2 ทั้งสิ้น 32 คน ผลการจับสลากทำให้ เล้งซาน อยู่ในสายที่ 7 เมื่อการจับสลากเสร็จสิ้น ผู้เข้าประลองทุกคน ลงไปรอที่ด้านล่างเวที และสลับขึ้นเวที รอบละสายโดยเริ่มจากสายที่ 1
"เรียนนายท่าน เล้งซาน อยู่ในสายที่ 7 ข้าตรวจสอบดูแล้ว ในสายนี้นอกจากผู้เยาว์ผู้หนึ่ง ทุกคนล้วน มีลมปราณชั้นสีคราม มิเกินขั้นที่ 3" ชุนเกียงตู้ เดินเข้ามารายงานต่อเซี่ยวหลินหลุน
"ยอดเยี่ยม!! ถือว่าเราจับสลากได้มีโชคมากๆ ไม่น่าจะมีปัญหาในการผ่านรอบนี้ ว่าแต่ ผู้เยาว์อีกคนที่เจ้าว่า คือใคร?"
"เอ่อออ...." ชุนเกียงตู้ ทำท่าอ้ำอึ้ง
"อย่ามัว พิรี้พิไร บอกมาว่ามันเป็นใคร มีลมปราณขั้นใด"
"เรียนนายท่าน มันคือตัวเกร็งชนะเลิศในปีนี้ อายุ 15 ปีเท่ากับเล้งซาน มีลมปราณสีครามขั้นที่ 7 สูงสุดในการประลองครั้งนี้ ยอดอัจฉริยะอันดับ 1 ในเมืองเมฆคราม บุตรชายเพียงคนเดียวของผู้นำพรรคกระบี่เหิน ชื่อว่า อี้หลงหวัง!!"
เซี่ยวหลินหลุน ม่านตาเบิกกว้าง หันมามองหน้าชุนเกียงตู้
"จะ..เจ้าว่า อะไรนะ!!"
.............................................