อสูรมังกรฟ้า เล้งซาน ตอนที่ 15 จิตใจมันทำด้วยสิ่งใดกัน
"อ๊าก!!!"
เล้งซานหน้าตาบิดเบี้ยวอัปลักษณ์ ร่างกายสั่นสะท้านด้วยความเจ็บปวด หากบอกว่านี่เป็นความเจ็บปวดที่สุดตั้งแต่เกิดมาก็มิได้เกินเลยแม้แต่น้อย ลมปราณในร่างพลุกพล่านจนถึงขีดสุด อย่ากล่าวถึงการโคจรพลังปราณ แม้แต่จะรักษาสติไว้ยังนับว่ายากยิ่ง เล้งซานพยายามอย่างยิ่งยวด เพื่อมิให้ร้องออกมาอีก มันกัดฟันทนจนเลือดไหลออกจากมุมปากไม่ขาดสาย
"เจ้าเด็กโง่!! รีบออกจากบ่อโลหิตเดี๋ยวนี้!!" เฟรย่าพยายามร้องเรียก เพราะตัวนางที่ใช้สัมผัสทั้งห้าร่วมกับเล้งซานย่อมได้รับความเจ็บปวดเช่นกัน แต่เพราะมิใช่ร่างกายของนางโดยตรงจึงเจ็บปวดแค่ราว หนึ่งส่วนของเล้งซานเท่านั้น
"ไม่!!! แม้เจ็บปวดกว่านี้สักสิบเท่าร้อยเท่า ยังมิได้ครึ่งของความเจ็บปวดที่ครอบครัวถูกสังหารต่อหน้าต่อตา มิอาจปกป้องคนในตระกูลได้!!"
"อ๊าก!!"
'ความมุ่งมั่นของเจ้าเด็กนี่ น่าหวาดหวั่นยิ่งนัก บวกกับความเป็นอัจฉริยะไร้ที่ติของมัน ช่างน่ากลัวสำหรับศัตรูมันยิ่งนัก!!' เฟรย่าที่เฝ้าดูมันอยู่ตลอดเวลารู้สึกได้ถึงความน่าหวาดหวั่นของผู้เยาว์ผู้นี้
บัดนี้ผ่านไปร่วมสองชั่วยาม(4 ชม.)แล้วความเจ็บปวดยังมิอาจพูดได้ว่าเคยชิน มันยังร้องออกมาเป็นระยะมิขาดสาย จนกระทั่งผ่านไป ห้าชั่วยาม(10 ชม.) เสียงร้องค่อยๆหายไปแต่กายมันยังคงสั่นสะท้าน มิต่างจากเดิม
เมื่อผ่านไป สิบชั่วยาม เฟรย่าเริ่มสังเกตเห็นลมปราณสีม่วงค่อยๆกระจายออกจากจุดตันเถียน ค่อยๆโคจรไปทั่วร่างอย่างช้าๆ
ผ่านไป 3 วัน เล้งซานยังมิได้ออกจากบ่อโลหิต แม้แต่ก้าวเดียว ตอนนี้มันเคยชินกับความเจ็บปวด ด้วยความเหนื่อยล้าทั้งกายใจ มันสามารถนอนหลับภายในบ่อโลหิตได้แล้ว แต่ก็หลับได้มิเกิน 20 ลมหายใจก็ถูกดึงออกจากภวังค์ด้วยความเจ็บปวด
"เด็กโง่!! ใกล้ถึงขีดสุดของเจ้าแล้ว เจ้าจำเป็นต้องลุกไปหาเสบียงเพื่อเสริมพลังชีวิต"
"ไม่!! ข้าจะไม่ยอมเสียเวลาแม้แต่น้อยเพื่อจุดมุ่งหมายของข้า!!" เล้งซานย่อมเข้าใจร่างกายตนเองดีกว่าเฟรย่ามันรู้อยู่เต็มอกว่ามันใกล้ถึงขีดสุดแล้ว ทันใดนั้นมันเหลือบไปเห็นร่างของสัตว์อสูร ที่มันรีดโลหิตออกมาอยู่ข้างบ่อ มันใช้ลมปราณเฉียนเนื้อสัตว์อสูรออกมาประมาณ 1ชั่ง(500กรัม) และถือไว้ในมือ
"อย่าแม้แต่จะคิด!! เนื้อของสัตว์อสูรเป็นพิษมิต่างจากโลหิต หากเจ้ากินมันเข้าไปความเจ็บปวดจะแล่นเข้าสู่อวัยวะภายใน หากเป็นเช่นนั้นย่อมน่ากลัวกว่าความเจ็บปวดในการแช่บ่อโลหิตอสูร นับสิบเท่า!!"
"หากเปรียบเทียบกับความลำบากในการล้มล้างเผ่าอสูร ความเจ็บปวดนี้ย่อมมิอาจเทียบเท่าแม้แต่ 1 ใน 100 ส่วน!!"
เล้งซานหลับตาลงและกัดชิ้นเนื้อหนึ่งคำ และกลืนทันทีโดนมิเคี้ยวแม้แต่น้อย เนื้อสัตว์อสูรไหลผ่านลำคอเข้าไปสู่กระเพาะ อย่างรวดเร็วเนื่องจากร่างกายขาดอาหารมาหลายวัน และเมื่อผ่านไปสิบลมหายใจ.....
"อ๊ากกกกกกกกกกกกก!!!"
มือทั้งสองข้างกุมที่ท้อง ร่างกายดิ้นพล่านด้วยความเจ็บปวด ราวกับแมลงนับล้านกัดกินอวัยวะภายใน น้ำในบ่อโลหิตอสูร กระเด็นเต็มผนังทั้งสองด้านของถ้ำ สติของมันแทบจะขาดออก เล้งซานในตอนนี้เรียกได้ว่ายืนอยู่บนเส้นแบ่งความเป็นตายอย่างแท้จริง!!
เล้งซานรักษาสติไว้อย่างยากลำบาก มันพยายามหยุดดิ้นพล่านด้วยร่างกายที่สั่นเทา จากนั้นมันก็ดื่มน้ำในบ่อโลหิตอสูร ตามลงไปในทันที!!
'เจ้าเด็กนี่!! จริงอยู่ที่น้ำในบ่อโลหิตอสูร ผสมไปด้วยสมุนไพรขจัดพิษอสูร 16 ชนิด แต่การจะดื่มสิ่งที่สร้างความเจ็บปวดมากมายเช่นนี้ลงไปนั้น ย่อมทรมานเพิ่มกว่าเดิมเป็นเท่าตัว... จิตใจมันทำด้วยสิ่งใดกัน!!'
"อ๊ากกกกกกกกกกกก!!"
เล้งซานยังคงร้องต่อเนื่องไปอีกครึ่งชั่วยาม จากนั้นจึงค่อยๆสงบลง และมันก็หยิบเนื้อสัตว์อสูรกัดต่อคำที่สอง และดื่มน้ำในบ่อโลหิตตามอีกทันที มันทำเช่นนี้ซ้ำไปเรื่อยๆ จนเนื้อ 1 ชั่งทั้งหมด หายเข้าไปในกระเพาะมัน เมื่อชินชากับความเจ็บปวดแล้ว มันก็ได้ค่อยๆโคจรลมปราณ ทีละนิด.....
หากเฟรย่ามีร่างกาย ย่อมต้องเห็นใบหน้าที่ซีดราวกับไร้โลหิตของนาง เมื่อเห็นการกระทำทุกอย่างของเด็กหนุ่ม ซึ่งมีอายุเพียง 15 ปีเท่านั้น!!
.......................
ณ ห้องโถงกลาง เรือนหัวหน้าหมู่บ้าน เมฆาล่อง เซี่ยวหลินหลุน นั่งอยู่ที่เก้าอี้สลักลายพญาอินทรีตัวโปรดของมัน ข้อศอกขวาวางบนพนักพักแขนเก้าอี้ มือขวากุมศีรษะ หน้าตาเคร่งเครียด มีอาการลุกลี้ลุกลนกระสับกระส่ายตลอดเวลา
"นายท่านโปรดรักษาสุขภาพ" ชุนเกียงตู้ข้างกายมัน กล่าวขึ้นด้วยความกังวล
"เหอะ!! อีกสองวันจะถึงวันประลอง ที่เมืองเมฆคราม อยู่แล้ว ไหนพวกเราจะต้องใช้เวลาเดินทางอีก หนึ่งวัน แต่นี่อะไร เหตุใดเล้งซานมันยังมิยอมกลับมา!!" เซี่ยวหลินหลุน กล่าวพลาง คิ้วทั้งสองข้างขมวดเป็นปน
"หรือว่ามันจะถูกสัตว์อสูรฆ่าตายที่หุบเขาหมื่นพฤกษา ด้วยพลังลมปราณอันน้อยนิดของมัน การเข้าไปในหุบเขาหมื่นพฤกษา มิต่างจากเดินไปที่ตาย แต่กระนั้นข้าก็มิอาจห้ามปรามมันได้!!"
"เรียนนายท่าน ข้าคิดว่าด้วยวิชาตัวเบาชั้นสูงของมัน นับว่ายากมาก ที่สัตว์อสูรจะทำอันตรายมันได้" ชุนเกียงตู้กล่าว
"ถ้าเช่นนั้นเหตุใดมันยังมิกลับมา!! หรือมันเป็นคนจากสำนักอื่นแฝงตัวมาหลอกลวง พวกเราจริงๆ"
ทันใดนั้นมีทหารจากหน้าประตูเรือนวิ่งเข้ามา
"เรียนท่านหัวหน้าหมู่บ้าน เล้งซาน มันกลับมาแล้ว!!"
เซี่ยวหลินหลุน เบิกตากว้างลุกพรวดขึ้นจากเก้าอี้
"ตามมันเข้ามาพบข้าเดี๋ยวนี้!!"
สักพักเล้งซาน จึงเดินเข้ามา ประสานมือ โค้งตัวเล็กน้อยด้วยท่านอบน้อมประจำตัวของมัน
"ข้าอภัยนายท่านที่ผู้เยาว์กลับมาช้า หวังว่าคงมิสายเกินไป"
เซี่ยวหลินหลุน ยิ้มไม่หุบด้วยความดีใจ จากนั้นสีหน้าค่อยๆเปลี่ยนไป รูม่านตาเบิกกว่าร่างกายสั่นเทา ขณะยกมือขึ้นชี้ไปที่เล้งซาน
"จะ..จะ...เจ้า ขั้นที่ 9 ลมปราณชั้นสีม่วง ครึ่งก้าวลมปราณชั้นสีคราม!!"
เล้งซานยิ้มเล็กน้อยที่มุมปาก แต่มิพูดสิ่งใด ผิดกับ เซี่ยวหลินหลุน และ ชุนเกียงตู้ ความตื่นตกใจระลอกแล้ว ระลอกเล่า บังเกิดขึ้นภายในจิตใจของมันทั้งสอง
'เลื่อนขึ้น 5 ขั้นลมปราณใน 1 เดือน บ้าชัดๆ!! จวบจนอายุปูนนี้ ข้ามีเคยได้เห็นการบ่งเพาะที่รวดเร็วเพียงนี้ หากนำไปบอกกล่าวแก่ผู้ใด ลังแต่จะถูกหัวเราะเยาะ โดยหาว่าโป้ปดเป็นแน่แท้!!'
"ยอดเยี่ยม!! อัจฉริยะโดนแท้!! ข้ามิรู้ว่าเจ้าได้ไปกระทำสิ่งใดมาจึงมีการบ่มเพาะที่น่าอัศจรรย์เช่นนี้ สิบอันดับแรกในการประลอง ต้องถูกสั่นคลอนโดยเจ้าเป็นแน่แท้!! ฮ่าๆๆๆๆ"
เซี่ยวหลินหลุน ตื่นเต้นเป็นอย่างมากปีนี้มันอาจลบความอับอายของสองปีที่ผ่านมาลงได้
"เตรียมรถม้า!! เราจะออกเดินทางไปเมือง เมฆคราม โดยทันที"
.............................................