อสูรมังกรฟ้า เล้งซาน ตอนที่ 13 เทพพิโรธถล่มฟ้า
"ปราณอัคคีแห่งมังกร!!" เล้งซานม่านตาเบิกกว้าง ด้วยความตื่นเต้น
"ใช่ การจะได้พลังนั้นมา เจ้าจำเป็นต้องทะลวงชั้นลมปราณสีครามเสียก่อน"
"เข้าใจแล้ว เช่นนั้นปัญหาของข้าในตอนนี้การทะลวงชั้นลมปราณสีครามให้เร็วที่สุด บอกตามตรงข้านั้นไม่มีความมั่นใจในการเข้าประลอง ที่เมือง เมฆคราม แม้แต่น้อย" เล้งซานเริ่มตีสีหน้าสลดอีกครั้ง
"เพราะเหตุใดกัน? ฝีมือของเจ้าในตอนนี้ เรากลับไม่คิดว่าการประลองกับผู้เยาว์คนอื่นจะเป็นปัญหาสำหรับเจ้าแม้แต่น้อย การจะทำร้ายเส้นผมเจ้าสักเส้นยังนับว่ายากสำหรับผู้เยาว์ด้วยกัน" เฟรย่านั่นไม่สงสัยในฝีมือของเล้งซานเลยแม้แต่น้อยเพราะนางยอมรับว่าเล้งซานเป็นอัจฉริยะอย่างแท้จริง
เล้งซาน ส่ายหน้าเล็กน้อย
"บอกตามตรงว่า หากแม้ต้องประมือ กับศัตรูที่มีชั้นลมปราณสีน้ำเงิน ข้าก็มั่นใจกว่า 9 ส่วนว่าสามารถเอาชีวิตรอดได้ แต่การจะได้รับชัยชนะนั้น ผิดกันอย่างยิ่ง ด้วยพลังลมปราณชั้นสีม่วงขั้นกลางนี้ ข้าใช้กระบวนตระกูลเล้ง ได้เพียง 2 กระบวนเท่านั้น นั้นคือปราณมังกรบรรพตที่เป็นพลังปราณคุ้มกันร่าง และวิญญาณมังกร ที่เป็นวิชาตัวเบา ข้าหาได้มีกระบวนท่าใด พอจะไปทำร้ายอีกฝ่ายได้ อย่างมากที่สุดข้าทำได้เพียงห่อหุ้มเพลงหมัด และเพลงเตะด้วยลมปราณเข้าโจมตี แต่การโจมตีเยี่ยงนี้มิอาจผ่านปราณคุ้มกันของผู้มีลมปราณชั้นสีครามได้ แม้แต่น้อย"
"อะไรกัน!!" เฟรย่าร้องด้วยความตกใจ นางมิคิดว่าอัจฉริยะผู้นี้ จะมีแต่กระบวนท่าที่ใช้ป้องกันตัวเอง ไม่สามารถโจมตีได้
"ช่างน่าขำอย่างยิ่งสินะ ฮ่าๆ ข้ายังนึกสมเพชตนเองนักที่มีลมปราณอ่อนด้อยเช่นนี้ ในอดีตข้าทะลวงชั้นปราณสีครามได้ตั้งแต่อายุ 7 ปี แต่ตอนนี้กลับหาวิธีทะลวงขึ้นไปในระยะสั้น มิได้" เล้งซานหัวเราะกับตัวเองเบาๆ อย่างน่าเวทนา
"เฮ้ออ..ถ้างั้นเราจะยอมผิดกฎเทพ สอนเด็กโง่อย่างเจ้าสักกระบวนท่าก็แล้วกัน"
"กระบวนท่าอันใด?" เล้งซานตื่นเต้นอย่างมาก เพราะหากมันมีกระบวนท่าโจมตี จะยกระดับพลังในการต่อสู้อีกมากมาย
"กระบวนท่านี้ชื่อว่า เทพพิโรธถล่มฟ้า จะระเบิดพลังลมปราณในร่างและปล่อยออกไป ยิ่งลมปราณสูงเท่าใด ยิ่งทรงพลังเท่านั้น จงตั้งสมาธิซะ เราจะถ่ายทอดให้เจ้าผ่านจิตสำนึกโดยตรง มิจำเป็นต้องฝึกปรือ ขอเพียงทำความเข้าใจในการควบคุมลมปราณก็เพียงพอแล้ว"
ทันใดนั้นเคล็ดวิชาอันทรงพลังก็ผุดขึ้นมาในหัวทันที เล้งซานตั้งสมาธิและจดจำทุกขั้นตอนการควบคุมลมปราณ
"วิเศษ!! กระบวนท่านี้ทรงพลังอย่างยิ่งยวด" เล้งซานร่างกายสั่นเทาจากการตื่นเต้น
"ขอบคุณมาก เฟรย่าเพื่อเป็นการขอบคุณ ข้าจะหาวิธีสร้างร่างใหม่ให้เจ้าโดยเร็ว จะว่าไปท่านยังมิได้บอกข้าเลย ว่าต้องใช้สิ่งใดบ้างในการสร้างร่างใหม่ให้ท่าน"
"เหอะ!! ลืมมันไปซะเถอะ เงื่อนไขแรกสุดที่เจ้าจะสร้างร่างใหม่ให้เราได้นั้น เจ้าต้องอยู่ในชั้นลมปราณสีแดงเป็นอย่างน้อย"
"ชั้นลมปราณสีแดง!!" เล้งซานหน้าซีดขึ้นทันที แม้ในอดีตเล้งซานจะใช้เวลา 10 ปีในการไต่ขึ้นมาถึงชั้นลมปราณสีส้ม แต่การจะไปยังชั้นลมปราณสีแดงนั้นยากราวกับปีนป่ายสวรรค์ แม้ตระกูลเล้งจะเป็นตระกูลอันดับ 1 แต่มีเพียงท่านปู่ที่อายุร่วมร้อยปีของมันผู้เดียว ที่อยู่ในชั้นลมปราณสีแดง และยังเป็นเพียงขั้นที่ 1 เท่านั้น!! แต่ก็นับเป็นผู้แข็งแกร่งที่สุดในโลกมนุษย์อย่างแท้จริง
"เด็กโง่ เจ้ามิต้องกังวลใจไป แม้ข้ายังไม่มีร่างใหม่ในเร็วๆนี้ แต่เราก็สามารถอยู่กับเจ้าได้ จนกว่าเจ้าจะสิ้นชีพ" เฟรย่าเห็นท่าทางเล้งซานดูเป็นกังวลจนเกินไปจึงอยากเปลี่ยนข้อสนทนา
"ตอนนี้เจ้ามิจำเป็นต้องทำงานในเรือนแล้ว เหตุใดเรามิออกไปหาสมุนไพรมาทำโอสถ เพื่อเพิ่มความเร็วในการบ่มเพาะพลังปราณเล่า..."
"ไหนท่านบอกว่าการปรุงยาจำเป็นต้องมีปราณธาตุอัคคีก่อน?" เล้งซานขมวดคิ้วเล็กน้อย
"เจ้าเด็กโง่!! เรื่องนั้นเราหมายถึงการปรุงยาเม็ดสำหรับเพิ่มพลังลมปราณโดยตรง แต่ถ้าหากเพียงแค่โอสถสำหรับเพิ่มความเร็วในการฝึก เราย่อมทำได้โดยทันที"
"ทำได้โดยทันที!!" เล้งซานเบิกตากว้างด้วยความตกใจ
"เช่นนั้น ท่านรอข้าสักครู่"
เล้งซานเข้าไปในเรือนเพื่อขอพบ เซี่ยวหลินหลุนโดยทันที จากนั้นจึงสอบถามสถานที่ ที่มีสมุนไพรในบริเวณใกล้ๆหมู่บ้าน แล้วจึงขออนุญาต เซี่ยวหลินหลุนออกจากหมู่บ้าน โดยรับปากมาจะกลับมาภายในหนึ่งเดือนก่อนช่วงประลอง ที่เมืองเมฆคราม เซี่ยวหลินหลุน ลังเลเล็กน้อยแต่ก็อนุญาต ให้มันออกจากหมู่บ้านได้
"เซี่ยวหลินหลุน บอกว่าหุบเขาหมื่นพฤกษา อยู่ทางตะวันตกของหมู่บ้านไป 200ลี้ เป็นป่าที่มีสมุนไพรซ่อนอยู่มากมาย แต่มันอันตรายเป็นอย่างมาก เพราะมีสัตว์อสูรชั้นลมปราณมากมายเช่นกัน เฟรย่าท่านว่าเราสมควรไปเสี่ยงหรือไม่?" (สัตว์อสูร ไม่ใช่เผ่าอสูรนะครับ)
"สมควรอย่างยิ่ง เลือดเนื้อของสัตว์อสูร มีค่าสำหรับการปรุงยาอย่างมาก"
เล้งซานใช้เวลา 3 วันโดยเดินทางแทบไม่หยุดพัก และแล้ว ก็มองเห็นภูเขาขนาดใหญ่ หลายร้อยลูกเรียงกันไกลสุดลูกหูลูกตา....
.............................................