บทที่ 11 คุณค่าอันน้อยนิด
บทที่ 11 คุณค่าอันน้อยนิด
เหมิงเสี่ยวไป่อันที่จริงเขาวางแผนไว้ก่อนหน้านี้แล้ว แต่เนื่องจากจางไคต้องการดึงเขาไปให้พ้นทาง แน่นอนเขาจะไม่ยอมให้จางไคไปง่ายๆอย่างแน่นอน
“ประธานปาน?” เมิ่งเสี่ยวไป่ขมวดคิ้ว เขาเป็นแค่ “พนักงานชั่วคราว” เป็นเรื่องยากมากสำหรับระบบถ่ายทอดสดของเขาที่จะเปลี่ยนไปมาตามอำเภอใจเช่นนี้ หาเกิดการหาประโยชน์จากสถานการณ์นี้ ทุกอย่างอาจจะไม่เป็นไปตามแผนที่วางเอาไว้หลังจากหยุดนิ่งไปสักพักเหมิงเสี่ยวไป่ก็มีความคิดบางอย่างขึ้นมา
ในบริษัท เลอ ไลฟ์ บรอดคาสติ้ง จางไคไปรับปานหยู ด้วยความกระตือรือร้น ไม่เพียง แต่เขาเท่านั้น แต่ กวนหงเหวินซีอีโอของก็ออกมาทักทายเขาด้วย
“ปาน ไม่เจอกันนานเลยนะ!” กวนหงเหวินยิ้มและจับมือกับผานหยู
“น่าจะไม่ถึงหนึ่งเดือนมั้งที่เราได้พบกัน?” ปานหยูพูดติดตลก
“มันเป็นเรื่องบังเอิญจริงๆที่เราพบกันอีกครั้ง!” กวนหงเหวินแต่งตังธรรมดา แต่ยังน้อยเขาก็พูดด้วยท่าทีสุภาพเหล่านี้มาพร้อมกับร้อยยิ้มที่เปิดกว้าง
“เออ! ที่ประธานปาน มาที่บริษัท เลอ ไลฟ์ บรอดคาสติ้ง ของเรา คือคุณได้พิจารณาข้อเสนอของฉันแล้วหรือยัง?” กวนหงเหวิน ถามแบบอ้อนๆขณะพาเขาขึ้นไปชั้นบน
เลอ ไลฟ์ บรอดคาสติ้ง นั้นอยู่ระหว่างการหาแหล่งเงินทุนรอบที่ 2 เมื่อเดือนที่แล้ว เขาได้ไปรับประทานอาหารเย็นกับกลุ่มนักลงทุนในหยางเฉิง ซึ่งหนึ่งในนั้นคือปานหยูจาก อินฟอร์เมชั่น เทคโนโลยี ดังนั้น กวนหงเหวินเชื่อว่าปานหยูอาจถูกชักจูงและต้องการลงทุนในนามของบจก. อินฟอร์เมชั่น เทคโนโลยี.
“เรื่องนั้นทางเราได้พิจารณาแล้ว คราวนี้ฉันจึงได้ลงมาตรวจสอบด้วยตัวเอง” คำพูดของเขาทำให้กวนหงเหวินนั้นดูมีความสุข แต่ปานหยูก็พูดทันทีว่า “แต่ก่อนหน้านั้น ฉันยังมีอีกเรื่องหนึ่ง มันเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องทำ”
“สิ่งที่สำคัญกว่านั้น?” กวนหงเหวิน นั้นดูสงสัย “มันคือเรื่องอะไรอย่างงั้นเหรอครับ?”
กลุ่มของพวกเขามาถึงสำนักงานของกวนหงเหวินแล้ว ข้างหลังพวกเขา จางไคยืนนิ่งเหมือนน้องชายของเขาเอง แน่นอนเขาไม่กล้าไปขัดจังหวะการสนทนานี้เลย
“ท่านประธานกวน ผมนี้อิจฉาความโชคดีของคุณจริงๆ ที่ได้คนที่มีความสามารถระดับสูงเช่นนี้มาทำงานด้วย!” ปานหยูกล่าวชมเชยกวนหงเหวิน
คำพูดของเขาทำให้กวนหงเหวินนั้นถึงกับงงมากยิ่งขึ้น “ความสามารถระดับสูงสุด? ใครกัน?”
เขาจำได้ว่าบริษัทของเขาไม่ได้จ้างผู้บริหารหรือพนักงานคนอื่นเลยในช่วงสองเดือนที่ผ่านมา และการจัดหาเงินทุนรอบแรกของบริษัทเขาก็ได้ใช้เงินพวกนั้นไปจนหมดแล้ว แน่นอนว่ามันแทบจะไม่เพียงพอจะจ้างคนทำงานด้วยซ้ำ และเขายุ่งอยู่กับการมองหาการจัดหาเงินทุนรอบที่สอง
“อย่าถ่อมตัวไปหน่อยเลย!” ปานหยูส่ายหัวและยิ้ม “คนๆนั้นก็คือเหมิงเสี่ยวไป๋ คนออกแบบระบบถ่ายทอดสดยังไงเหล่า! คนๆนี้ช่างเป็นคนที่มีพรสวรรค์และหาตัวจับได้ยากจริงๆ! ผู้อำนวยการด้านเทคนิคของบริษัทเราชื่นชมผลงานของเขาเอามากๆเลยรู้ไหม!”
“หือ?” แน่นอนว่ายิ่งปานหยูเริ่มพรรณนามากขึ้น มันก็ทำให้กวนหงเหวินมึนงงมากขึ้นเท่านั้น ตอนนี้เขาสับสมกับบทสนาทนาที่ปานหยูกับพูดถึง แม้เขาจะรู้สึกประทับใจเล็กน้อยเกี่ยวกับชื่อของเหมิงเสี่ยวไป่ แต่เขาสาบานว่าถึงจะเป็นแบบนั้นแต่เขาก็ยังไม่สามารถนึกใบหน้าของอีกฝ่ายได้
เหมิงเสี่ยวไป๋? เมื่อได้ยินสิ่งที่ปานหยูพูด จางไคก็ตกใจและเริ่มคิดกับตัวเองว่า: “ไม่! เมิ่งเสี่ยวไปรู้จักประธานปานได้ยังไง? เป็นไปไม่ได้! เหมิงเสี่ยวไป๋ไปรู้จักกับประธานปานตอนไหนกัน? ทำไมเขาถึงได้รู้จักกับสุดยอดซีอีโอได้?ทั้งที่เงินเดือนหนึ่งเดือนของเขายังจ่ายค่าเช้าไม่พอด้วยซ้ำ . . มันต้องมีอะไรผิดพลาดอย่างแน่นอน”
"ประธานปานคุณฟังอะไรมาผิดหรือเปล่า" กวนหงเหวินถามอย่างสับสน "เราไม่มีบุคคลนี้ในบริษัทของเรา!"
“อะไร? ไม่ได้อยู่ที่อย่างงั้นหรอ?” ปานหยูรู้สึกแปลกใจและพูดว่า "ดูเหมือนเขาจะบอกผมว่าเขาอยู่บริษัทของคุณนะ? เขาไม่ได้อยู่บริษัทของคุณจริงๆหรอเนี่ย?"
“ไม่เลย” กวนหงเหวินส่ายหัว
"เป็นไปไม่ได้ เขาพูดกับผมมากมายเกี่ยวกับบริษัทของคุณ เป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะโกหกผม! แล้วเขาจะโกหกผมไปเพื่อจุดประสงค์อะไรกันล่ะ" ดูเหมือนตอนนี้ปานหยูเริ่ม งง กับคำตอบที่เขาได้รับ และทันใดนั้นโทรศัพท์มือถือของเขาก็ได้รับข้อความจากเมิ่งเสี่ยวไป่
“ประธานปาน ผมต้องขอโทษด้วย ผมเองเพิ่งจะลาออก และตอนนี้ผมอยู่ที่ชั้นล่างของ เลอ ไลฟ์ บรอดคาสติ้ง”
“ลาออก?”เมื่อปานหยูเห็นข้อความเขาจึงกล่าวว่า “น่าจะไม่ผิด เขาอยู่ในบริษัทนี้ แต่เขาเพิ่งจะลาออก”
“เพิ่งลาออก?” กวนหงเหวินมองจางไคด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัย “จางไคบริษัทมีพนักงานคนนี้ด้วยอย่างงั้นหรอ?”
“นี่…” ดูเหมือนจางไคจะมีลางสังหรณ์บางอย่างดูเหมือนเขาจะลังเลที่จะพูดออกมาแต่สุดท้ายเขาก็พูดออกมา “ผมเองก็ไม่ทราบเหมือนกันครับ เขาอาจจะเป็นพนักงานระดับปฏิบัติการของบริษัทก็ได้ครับ”
ดูเหมือนกวนหงเหวินเขาเองอยากจะถามอีกแต่บังเอิญว่าโทรศัพท์มือถือของเขาดังขึ้นมาพอดี มันมาจากเจียงเหว่ยแห่งดูยูไลฟ์ ซึ่งเป็นผู้อำนวยการด้านเทคนิคและรองผู้จัดการทั่วไปของดูยูไลฟ์
ดูยูไลฟ์เป็นบริษัทกระจายเสียงที่ใหญ่ติดอันดับต้นของประเทศเช่นกัน นอกจากนี้อีกฝ่ายยังได้ลงทุน 50 ล้านหยวนใน เลอ ไลฟ์ บรอดคาสติ้งในการระดมทุนรอบแรก และอาจลงทุนในรอบที่ 2 ต่อ ในการเผชิญหน้าของนักลงทุนรายใหญ่แบบนี้กวนหงเหิวนไม่กล้าที่จะปฏิเสธสายนี้ และเขาจึงหันไปหาปานหยูและพูดว่า: “ต้องขอโทษด้วย ผมจะขอตัวรับโทรศัพท์สักครู่”
“สวัสดี พี่กวน!” เสียงของเจียงเหว่ยดังขึ้นมาทันทีหลังจากรับโทรศัพท์ “ถ้าจะขายโปรแกรมให้เรา ช่วยติดต่อเราโดยตรงเถอะ ทำไมต้องให้พนักงานมารอคิวด้วย ตอนนี้ทางบริษัทของผมหัวมุมไปหมดแล้ว มันลำบากจริงๆ!”
“เดี่ยวก่อนนะ คุณเจียง ผมให้พนักงานติดต่อคุณตั้งแต่เมื่อไหร่ คุณขายระบบอะไร” กวนหงเหวินคิดว่ามันแปลกมากในวันนี้ ทำไมวันนี้มีแต่เรื่องที่เขาไม่เข้าใจเลย
“ขายอะไร?! ตอนนี้ผมพร้อมจะต่อรองราคากับประธานกวนแล้วนะ!” เจียงเหว่ยกล่าวว่า “อย่าขายให้ใครเป็นอันขาด ผมจะบอกคุณอย่างตรงไปตรงมาว่าบริษัทของเรามีความคิดเกี่ยวกับระบบถ่ายทอดสดและกำลังจะซื้อมัน แน่นอนเราสามารถหารือเกี่ยวกับการจัดหาเงินทุนรอบที่สองได้เช่นกัน แต่ในเดือนนี้อาจจะต้องขอผลัดไปก่อน อย่างที่คุณทราบโดยูของเรากำลังมีโปรแกรมเปิดตัวเผยแพร่สู่สาธารณะในเดือนนี้ และเรื่องเหล่านี้จะต้องพูดคุยกันอีกครั้ง”
“คุณเจียง ผมไม่ได้โกหกคุณจริงๆ ผมไม่รู้ว่าคุณพูดอะไร”กวนหงเหวินเองก็ไม่รู้จะทำอย่างไรกับเรื่องตอนนี้ “คุณพอจะจำพนักงานที่ไปติดต่อได้ไหม ผมจะถามเรื่องนี้กับเขา”
“เขาชื่อเมิ่งเสี่ยวไป่ เขาสร้างระบบถ่ายทอดสด เราทดสอบแล้วพบว่ามันดีมาก” เจียงเหว่ยกล่าว “ฉันกำลังไปและใช้เวลาสิบนาทีที่จะไปถึงบริษัทของคุณ บอกเขา เรื่องนี้ต้องขายให้เราไม่ใช่บริษัทอื่น!”
ทั้งสองบริษัทอยู่ไม่ไกลกัน ดังนั้นเจียงเหว่ยจึงใช้เวลาในการเข้ามาหา
หลังจากวางสายแล้ว ใบหน้าของกวนหงเหวินก็ดูมืดมนลงไป แน่นอนเขาไม่ใช่เขาโง่ นี่เป็นครั้งที่สองที่เขาได้ยินชื่อ "เหมิงเสี่ยวไป่" มันพึงผ่านมาไม่ถึงสามนาทีด้วยซ้ำ กวนหงเหวินดูเหมือนจะเข้าใจเรื่องทั้งหมดแล้ว
ไม่มีอะไรมากไปกว่า "เหมิง เสี่ยวไป๋" ของบริษัทของเขาเอง เขาสร้างระบบรายการสดที่มีประสิทธิภาพมากและได้ติดต่อกับทาง โดยู และ ลังยา ทั้งสองบริษัทต้องการซื้อ และพวกเขามาที่บริษัทด้วยตนเอง เพื่อแสดงว่าพวกเขาให้คุณค่ากับมันมาก
หากมีการพัฒนาตามปกติ นี่เป็นสิ่งที่ดีสำหรับบริษัท ซึ่งไม่เพียงแต่จะได้รับผลประโยชน์เท่านั้น แต่ยังเพิ่มโอกาสสำหรับเลอ ไลฟ์ ในการได้รับเงินทุนอีกด้วย
แต่ประเด็นคือเขาไม่รู้เรื่องนี้ด้วยซ้ำ! แสดงว่าพนักงานไม่อยากยุ่งกับบริษัทเลย!
ในใจของเขาไม่มีความสุข เขาเรียกจางไคและถามด้วยเสียงต่ำ “ใครคือเมิ่งเสี่ยวไป่?”
"ผม……"
“ไปเรียกตัวเขามา เร็วเข้า!” กวนหงเหวินเห็นว่าจางไคพยายามจะหลอก
จางไคดูหมดหนทางและพูดว่า “ประธานกวน ผมเพิ่งบอกคุณเขาคือคนที่ทำตำแหน่งช่างเทคนิคที่เคยมีความขัดแย้งกับเฉียวเสี่ยวหยูมาก่อนเรียกว่าเหมิงเสี่ยวไป่ ผมเพิ่งไล่เขาออก! ไม่ต้องกังวล ผมจะให้คนอื่นทำแทนทันที”
“อะไรนะ นั่นเขาเหรอ?” กวนหงเหวินประหลาดใจ สีหน้าของเขาค่อยๆเปลี่ยนจากความประหลาดใจเป็นความโกรธ และในไม่ช้าเขาก็นึกถึงผลร้ายของเหตุการณ์นี้
ตอนนี้เหมิงเสี่ยวไป่ได้สร้างบางสิ่งที่ โดยู และ ลังยา ให้ความสำคัญอย่างมาก ถ้าเขาใช้มันเพื่อตัวเองเขาจะทำเงินได้มากมายอย่างแน่นอน ในทางตรงกันข้ามถ้าเกิดอีกฝ่ายยังอยู่ในบริษัทของเขา เงินจำนวนมากแค่ไหนกันที่เขาจะได้รับมัน? ไม่ต้องเป็นคนที่มีไอคิวสูงก็สามารถมองออกได้
แต่เรื่องนี้กลับทำให้จางไค่ยุ่งเหยิงเสียจริง! ในทันทีกวนหงเหวินมองมาที่จางไคและดวงตาของเขาจ้องเขม่งด้วยความโกรธ เขาอดไม่ได้ที่จะด่าจางไค: "ดูเรื่องโง่ๆที่แกทำสิ! สิ่งที่เราได้คือชื่อเสียงเพียงน้อยนิดเมื่อเทียบกับความล้อมเหลวมหาศาลเช่นนี้!"
“ท่านประธานกวน? คือผม?” จางไค่ถูกดุ ยังคงตะลึงงัน ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เมื่อเขาเห็นท่าทางของกวนหงเหวิน เขารู้อย่างหนึ่ง - เจ้านายของกำลังอารมณ์เสียถึงขีดสุด!