999-1000

9/10

Ep.999

“ซูเฉิน หลิงเฟยคือผู้ฝึกตนสายพิษ ไม้ศึกในมือนางคือสิ่งประดิษเทวะที่หลอมขึ้นจากเถาวัลย์พิษหมื่นปี มีพิษร้ายแรงเป็นอย่างยิ่ง เจ้าต้องระวังตัวให้มาก” ฉีมู่เล่ยเตือน

ด้วยความแข็งแกร่งของซูเฉิน จริงอยู่ว่าสามารถบดขยี้ระดับเทวะขั้น 5 ได้ ฉะนั้นหากต้องเผชิญหน้ากับทั้งสอง ย่อมไม่น่ามีปัญหาใดๆ ติดก็ตรงต้องระวังเรื่องพิษ ดังนั้นเขาจึงเอ่ยเตือนล่วงหน้า เพื่อหลีกเลี่ยงกรณีซูเฉินอาจพลาดท่า

“เข้าใจแล้ว วางใจได้เลย” ซูเฉินเผยรอยยิ้มบาง

ด้วย [กายาเทพอสูรนิรันดร์] ของเขา มันคือดาวข่มของพิษทั้งหมดทั้งมวล

หากหลิงเฟยคิดใช้พิษเพื่อกำจัดเขาจริงๆ เกรงว่าอีกฝ่ายคงได้ประสบกับความเพลี้ยงพล้ำครั้งใหญ่อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แน่นอน จนถึงตอนนี้ ยังไม่แน่ใจว่าหลี่ฉางเหอและภรรยาของเขาจะเล็งเขาไว้หรือไม่ ยังต้องเฝ้าดูกันต่อไป

ห้านาทีต่อมา [รถศึกอัจฉริยะ] ร้องเตือน “เจ้านาย ทั้งสองคนกำลังใกล้เข้ามาหาพวกเรา”

“เสี่ยวจือ หยุดรถ”

ซูเฉินออกคำสั่ง ตอนนี้ สีหน้าของเขาปราศจากร่องรอยใดๆของความหวาดกลัว  ตรงกันข้าม มันเผยให้เห็นถึงความรู้สึกตื่นเต้น เพราะท้ายที่สุดแล้ว การสังหารระดับเทวะขั้น 4 ถึงสองคน ย่อมนำมาซึ่งชิ้นส่วนดรอปจำนวนมาก

สำหรับเรื่องนี้ เขาตั้งตารออย่างใจจดใจจ่อ

“คนข้างใน ไสหัวออกมาให้หมด!”

หลี่ฉางเหอกับหลิงเฟยมาถึงเบื้องหน้า [รถศึกอัจฉริยะ] กวาดสายตามองสำรวจ ตะโกนเสียงต่ำ

“ทุกคนรอฉันข้างในรถ” ซูเฉินเตือน แล้วเปิดประตู ก้าวลงไปอย่างช้าๆ

“ที่แท้ก็เป็นเผ่ามนุษย์” หลี่ฉางเหออุทานเบาๆ จากนั้นข่มขู่ว่า “เจ้าหนู ข้าบอกให้พวกเจ้าทุกคนลงมา ทำไมมีแค่เจ้าคนเดียว? คนอื่นหูหนวกกันหมดรึไง?”

“ทุกคนได้ยินกันหมดนั่นแหละ แต่ถ้าจะฆ่าพวกแกสองคน แค่ฉันคนเดียวก็พอแล้ว”

ซูเฉินหรี่ตาลง มุมปากยกโค้งเป็นรอยยิ้มหยอกเย้า

หลิงเฟยและหลี่ฉางเหออึ้งไปครู่หนึ่ง ก่อนพากันระเบิดเสียงหัวเราะออกมา “เจ้าหนู  รู้ไหมว่ากำลังเผชิญหน้ากับใคร? กล้าดียังไงมาพูดบ้าๆว่าจะฆ่าพวกเรา ในสมองคงมีแต่น้ำสินะ?”

ใช้เวลาซักพักเลย กว่าหลี่ฉางเหอจะหยุดหัวเราะ จับจ้องไปทางซูเฉิน แค่นเสียงแดกดัน

ซูเฉินเป็นแค่เผ่ามนุษย์ ทั้งยังเด็กมาก อย่างเก่งที่สุดคงอยู่ไม่เกินระดับเทวะขั้น 1

นั่นเป็นเหตุผลที่ว่า ในความคิดเขา ซูเฉินต้องไม่มีทางรู้จักพวกเขาอย่างแน่นอน จึงกล้าเอ่ยวาจาเพ้อเจ้อเช่นนี้

“พวกแกไม่ใช่คู่รักสลัดอวกาศหรอกหรอ?” ซูเฉินกล่าวดูแคลน

“ในเมื่อเจ้ารู้ แต่ยังกล้าอวดดีเช่นนี้อีก แสดงว่าคงอยากตายจริงๆ”

ใบหน้าของหลี่ฉางเหอมืดมนราวกับหนองน้ำ หากเป็นเมื่อก่อน ถ้ามีใครรู้ถึงสถานะของพวกเขา คงหวาดกลัวจนคุกเข่าอ้อนวอนขอความเมตตาแล้ว

แต่ท่าทีที่ซูเฉินแสดงออกมา มันกลับเหมือนไม่เห็นพวกเขาอยู่ในสายตาแม้แต่น้อย จุดนี้ทำให้เขารู้สึกแปลกมาก

“ไอ้เรื่องตายน่ะต้องตายแน่ๆ แต่คนที่ตาย เกรงว่าจะมีแค่พวกแกเท่านั้น” ซูเฉินยิ้มดูแคลน จากนั้นเปิดใช้งาน [เทคนิคปลุกศูนย์รวมวิญญาณสวรรค์] ขยายร่างเป็นสิบจั้งทันที

ในเวลาเดียวกัน แรงกดดันอันบ้าคลั่งของระดับเทวะขั้น 4 ถูกปลดปล่อยออกมา

“วิชาแปลงร่าง! ระดับเทวะขั้น 4!?”

หลี่ฉางเหอตกใจ ฐานฝึกตนของซูเฉินสูงมาก เรื่องนี้ไม่ใช่สิ่งที่เขาคาดคิดมาก่อน

อย่างไรก็ตาม ไม่นานเขาก็ได้สติกลับมา

ระดับเทวะขั้น 4 แล้วอย่างไร?  คู่รักอย่างพวกเขาเคยร่วมมือกัน สังหารระดับเทวะขั้น 4 ไปแล้วหลายต่อหลายคน

“เจ้าหนู คิดหรือว่าอาศัยแค่ระดับเทวะขั้น 4 แล้วจะทำเป็นเก่งต่อหน้าพวกข้าได้? ไปลงนรกซะ!”

หลี่ฉางเหอหัวเราะดุดัน กุมดาบคมเดียวในมือ ฟันไปทางซูเฉิน

“ช่างไม่รู้จักประมาณตน!”

ซูเฉินแผดเสียงเย็นชา ระเบิดพลังจิตของเขา โถมกลืนหลี่ฉางเหอ

วินาทีถัดไป หลี่ฉางเหอถูกพันธนาการด้วยพลังที่มองไม่เห็น  การเคลื่อนไหวทั้งหมดเชื่องช้าซบเซาอย่างหาที่เปรียบมิได้

“รีบมาช่วยข้าเร็ว!”

เมื่อตระหนักว่าซูเฉินคือปรมาจารย์พลังจิตที่ทรงพลัง หลี่ฉาวเหอตกใจแทบอกแตกตาย ตะโกนขอความช่วยเหลือไปทางหลิงเฟย

10/10

Ep.1000

หลิงเฟยเองก็สังเกตเห็นว่ามีบางอย่างผิดปกติ ในจังหวะเดียวกับที่หลี่ฉางเหอร้องขอความช่วยเหลือ พลองไม้ศึกในมือชี้ไปทางซูเฉินทันที

เห็นแค่เพียงควันสีเขียวเข้มพุ่งตรงไปยังซูเฉิน

“ซูเฉิน นั่นคือแก๊สพิษ! รีบหลบเร็วเข้า!”

สีหน้าของฉีมู่เล่ยแปรเปลี่ยนไป ตะโกนเตือนเสียงดัง

ซูเฉินไม่หวั่นไหว กำหมัดทองคำ เล็งออกไปพร้อมกระโจนชกหลี่ฉางเหอ

“นี่เจ้าบ้าไปแล้วหรือ?”

หลี่ฉางเหอกรีดร้องด้วยความหวาดกลัว

แน่นอน หมัดนี้ของซูเฉินอาจเอาชีวิตเขาได้ แต่หากซูเฉินถูกแก๊สพิษ  อีกฝ่ายก็จะไม่สามารถมีชีวิต่อไปได้เช่นกัน

–เพื่อที่จะฆ่าเขา จำเป็นต้องยอมแลกถึงขนาดนี้เชียวหรือ?

วู้มมมมม!

หลี่ฉางเหอถูกพันธนาการด้วยพลังจิตจึงไม่สามารถหลบเลี่ยงได้ ทำได้เพียงเฝ้ามองกำปั้นทองคำกระแทกเข้าศีรษะเขา

ต่อมา หัวทั้งหัวระเบิดแหลกเหลว จบชีวิตตายคาที่

“เจ้าต้องตาย!”

หลิงเฟยพุ่งเข้าหาซูเฉินราวกับคนบ้า

การตายของหลี่ฉางเหอ ส่งผลกระทบต่อจิตใจเธอมากเกินไป จนลืมไปสนิทเลยว่าตัวเธอคือผู้ฝึกตนสายพิษ

ผู้ฝึกตนสายพิษก็เหมืนกับปรมาจารย์มนตรา กลวิธีโจมตีที่ยอดเยี่ยมที่สุดคือโจมตีจากระยะไกล

เข้าประชิดแบบนี้ ไม่เหมาะเอาซะเลย

อย่างไรก็ตาม ซูเฉินถูกพิษที่เธอปล่อยออกมาแล้ว และเธอมั่นใจในพิษของตัวเองมาก เลยคิดไปเองว่าซูเฉินคงสูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปแล้ว

“ไม่ได้การ!” ฉีมู่เล่ยและคนอื่นๆเองก็คิดเห็นเช่นเดียวกัน ทั้งหมดเป็นห่วงซูเฉิน

แต่ในเวลานั้นเอง ซูเฉินหันขวับ มองตรงไปทางหลิงเฟย คู่ดวงตาสีดำเข้ม เต็มไปด้วยประกายเย็นเยียบ

“นี่เจ้าไม่ได้ต้องพิษหรือ?”

หลิงเฟยสะดุ้งโหยง แรงกดดันที่พุ่งมาข้างหน้าสะดุดอย่างกะทันหัน

ซูเฉินไม่พูดมากความ  ขยับเท้าก้าวเดียว ดั่งสายลมกรรโชก เข้าประชิดหลิงเฟย สับฝ่ามือ ฟันลงมาในคราเดียว

หลิงเฟยเป็นแค่ผู้ฝึกตนสายพิษ ความสามารถในการต่อสู้ระยะประชิดอ่อนแอมาก บวกกับถูกครอบงำโดยกลิ่นอายของซูเฉิน ทำให้ยังไม่ทันตั้งตัว  ก็ถูกผ่าเป็นสองซีกในฝ่ามือเดียว เดินตามรอยหลี่ฉางเหอไปติดๆ

“ซูเฉินไม่ได้ต้องพิษ?” ฉีมู่เล่ยและคนอื่นๆประหลาดใจเป็นอย่างมาก

การที่ซูเฉินสามารถฆ่าหลิงเฟยได้อย่างหมดจดและเฉียบคมเช่นนี้ แสดงว่าไม่ถูกพิษทำร้ายอย่างแน่นอน มิฉะนั้นแล้ว  การเคลื่อนไหวคงไม่ลื่นไหลเช่นนี้

ซูเฉินถอน [เทคนิคปลุกศูนย์รวมวิญญาณสวรรค์] รวบรวมชิ้นส่วน และกลับมายัง [รถศึกอัจฉริยะ]

“ซูเฉิน เจ้าไม่เป็นไรนะ” ฉีมู่เฟิงเอ่ยปากถามเป็นคนแรก

แม้ซูเฉินจะดูเหมือนไม่ถูกพิษ แต่เขาก็ยังรู้สึกไม่สบายใจอยู่เล็กน้อย

“ทำไมถึงถามแบบนั้น?” ซูเฉินถามกลับด้วยความสงสัย

“เจ้าไม่ได้ต้องพิษจริงๆใช่ไหม?” ฉีมู่เล่ยถามหยั่งเชิง

หลิงเฟยคือผู้ฝึกตนสายพิษ บวกกับสารพิษที่ปล่อยออกมาจากเถาวัลย์พิษหมื่นปี  ที่มีพิษร้ายแรงถึงขีดสุด เหตุใดซูเฉินถึงไม่เป็นอะไรเลย?

ซูเฉินยิ้ม “นั่นเพราะฉันครอบครองกายพิชิตแต่กำเนิด มันคือร่างที่ไม่ต้องหวั่นเกรงพิษใดๆในโลกหล้า” โดยพื้นฐานแล้ว กายพิชิตแต่กำเนิด นั้นเป็นที่เล่าขานว่าสามารถต้านพิษได้ทุกชนิด โดยพื้นฐานแล้วไม่ต่างจาก [กายาเทพอสูรนิรันดร์]

หากซูเฉินเอ่ยแบบนั้นออกไป ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร

กายพิชิตแต่กำเนิด!

สีหน้าของฉีมู่เล่ยและคนอื่นๆแปรเปลี่ยนไป

ได้ยินคำร่ำลือว่า ผู้ที่มีกายพิชิตแต่กำเนิด ความเร็วในการฝึกตนจะรวดเร็วอย่างหาที่เปรียบมิได้ และไม่ต้องหวั่นเกรงพิษใดๆ

และสิ่งที่เกิดกับซูเฉินก็ตรงเงื่อนไขนี้พอดี นั่นเป็นเหตุผลที่ว่า พอซูเฉินบอกว่าเขามีกายพิชิตแต่กำเนิด จึงไม่มีใครแคลงใจเลย

“เสี่ยวจือ เดินทางต่อ”

ซูเฉินไม่ได้อธิบายอะไรอีก ออกคำสั่งแก่ [รถศึกอัจฉริยะ] แล้วนั่งลงบนเก้าอี้คนขับ เริ่มคัดแยกชิ้นส่วน

สองวันต่อมา [รถศึกอัจฉริยะ] บินมาถึงเกาะที่เต็มไปด้วยหมอกหนา ก่อนหยุดลง

“พี่ฉี ที่นี่คือที่ตั้งของเขตแดนลับหรอ?”

ซูเฉินกวาดสายตามองออกไปด้านนอก เอ่ยถามเสียงเรียบ

“ที่นี่แหละ” ฉีมู่เฟิงพยักหน้าตอบ จากนั้นเตือนว่า  “ซูเฉิน เขตแดนลับแห่งนี้แปลกประหลาดมาก ภายนอกอาจดูไม่มีอันตรายใดๆ แต่ภายในกลับมีบางสิ่งบางอย่างที่ไม่มีใครรู้จักซ่อนอยู่”

“มีผู้ฝึกตนระดับสูงหลายคนเคยบุกเข้าไป แต่ไม่มีใครสามารถกลับออกมาได้อีกเลย”