991-992
1/10
Ep.991
ฉีชิงเฉวียนพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนเบนสายตาไปทางซูเฉิน เอ่ยเสียงเย็น “เป็นเจ้าใช่ไหมที่โยนฉีฉงออกไป?”
“ใช่ ไม่ผิดคนแน่นอน” ซูเฉินตอบด้วยท่าทีสงบเยือกเย็น
แม้เขากำลังเผชิญหน้ากับผู้แข็งแกร่งในระดับเทวะขั้น 5 แต่ใบหน้าเขายังคงปราศจากความสะทกสะท้าน
“เจ้าเป็นใครกัน?” ฉีชิงเฉวียนขมวดคิ้วเล็กน้อย มีไม่กี่คนหรอกที่ยังคงเยือกเย็นได้ยามอยู่เบื้องหน้าเขา โดยเฉพาะรุ่นเยาว์เช่นซูเฉินยิ่งหายาก ดังนั้นเกิดความสนใจเป็นอย่างมาก
“ซูเฉิน” เจ้าของชื่อกล่าวอย่างเฉยเมย
“เจ้าคือซูเฉิน?” สีหน้าของฉีชิงเฉวียนแปรเปลี่ยนไปทันที หรี่ตาลงเพ่งมองซูเฉินดีๆอีกครั้ง เอ่ยเสียงเบาราวกระซิบ “ข้าได้ยินมาว่าเจ้าเพิ่งเข้าสู่มิติภายนอกได้ไม่นาน แต่กลับก่อเรื่องราวใหญ่โตหลายต่อหลายเรื่อง ชื่อเสียงของเจ้าโด่งดังมากจริงๆ”
พูดถึงประโยคนี้ เขาชะงักไปเล็กน้อย ก่อนกล่าวต่อว่า “เจ้าสร้างความวุ่นวายใหญ่โตในเมืองเฮยหยาก่อนจากไปอย่างสง่าผ่าเผย ต่อมา หน้าทางเข้ามิติท้ารบสังหารได้ตัวตนระดับเทวะไปนับสิบคน จากนั้นยังสังหารหลานหยูแห่งเผ่าไททันและฮั่วฮวนแห่งเผ่าอสูรอัคคี สุดท้ายทำลายเมืองมู่กวง ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ ใช่ฝีมือเจ้าหรือไม่?”
สิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นข่าวที่เล่าต่อกันมา ส่วนมันจะเป็นเรื่องจริงหรือไม่นั้น เขายังต้องยืนยันจากปากซูเฉิน
เมื่อฉีมู่เฟิงและคนอื่นๆได้ยินเรื่องพวกนี้ ทั้งหมดตะลึงงันอย่างสิ้นเชิง
สร้างความวุ่นวายในเมืองเฮยหยา?
สังหารตัวตนระดับเทวะนับสิบหน้าทางเข้ามิติท้ารบ?
หลังจากนั้นกุดหัวหลานหยูกับฮั่วฮวน? สุดท้ายทำลายเมืองมู่กวง?
อาจกล่าวได้เลยว่า ทุกสิ่งที่เอ่ยมาล้วนสะเทิ้นฟ้าสะเทือนดิน เอาจริงๆแค่เรื่องเดียวก็น่าทึ่งพอแล้ว แต่กลับมีข่าวว่าทั้งหมดนี้คือฝีมือของซูเฉิน นี่มันออกจะเกินจริงไปหน่อยไหม? มันจะน่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว!
ฉีมู่เฟิงและคนอื่นๆทำใจเชื่อไม่ลง หันหน้ามองไปทางซูเฉิน รอคำตอบจากเขา
ซูเฉินเบ้ปาก เอ่ยอย่างใจเย็นว่า “แค่เรื่องเล็กๆน้อยๆเท่านั้น ไม่เห็นมีเรื่องไหนน่าสนใจเลย”
ซู๊ดดดดด!
เหล่าพี่น้องตระกูลฉีสูดหายใจลึก ในเมื่อซูเฉินตอบแบบนี้ งั้นแสดงว่าคงไม่ผิดตัวแล้ว
แต่ซูเฉินทำทั้งหมดนี้ได้อย่างไร? แม้เขาจะเลื่อนขั้นสู่เทวะขั้น 3 แล้วก็ตาม แต่คงไม่โหดร้ายป่าเถื่อนถึงขนาดนี้กระมัง
ไม่ต้องกล่าวถึงคนอื่น แค่ฮั่วฮวนและหลานหยู ทั้งคู่ต่างก็เป็นผู้แข็งแกร่งที่มีชื่อเสียงระดับเทวะขั้น 4 แต่ดันถูกซูเฉินฆ่าอย่างงั้นหรอ?
ฉีชิงเฉวียนถึงกับอ้าปากค้าง ทอดถอนหายใจและกล่าวว่า “ซูเฉิน ข้ารู้เรื่องแล้วว่าเจ้าเป็นพี่น้องร่วมสาบานกับมู่เฟิง ตามหลักแล้ว เจ้าถือเป็นครึ่งหนึ่งของตระกูลฉี แต่เนื่องจากเจ้าอาละวาดในตระกูลฉี เรื่องนี้ยังไงก็ไม่ถูกต้อง”
“แล้วผู้อาวุโสต้องการอะไร?”
ซูเฉินกล่าวอย่างเฉยเมย
ฉีชิงเฉวียนนึกทบทวนอยู่ครู่หนึ่ง ตอบกลับว่า “จงขอโทษฉีฉงเสีย สำหรับฉีมู่สือ ไม่ต้องสนใจเขาก็ได้”
เพราะท้ายที่สุดแล้ว ฉีฉงคือผู้อาวุโสของตระกูลฉี หลังจากถูกรังแกซะขนาดนั้น หากไม่เรียกศักดิ์ศรีกลับคืนมา วันหน้าจะเชิดหน้าชูตาในตระกูลฉีได้อย่างไร?
อย่างไรก็ตาม เขาค่อนข้างรู้อุปนิสัยของซูเฉิน จึงไม่ได้บีบบังคับมากเกินไป น้ำเสียงที่เปล่งมีความอ่อนโยนอยู่หลายส่วน
ซูเฉินถูจมูกเขา กล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “ผู้อาวุโส ผมมีข้อเสนอ”
“ว่ามาสิ”
ฉีชิงเฉวียนไม่ได้สนใจ ซูเฉินกระแอมในลำคอ กล่าวอย่างจริงจังว่า “ผู้อาวุโสต้องการให้ผมขอโทษฉีฉงใช่ไหม? แต่เสียใจด้วย ผมไม่อยากทำมัน–”
“–ยังไงก็ตาม ถ้าผู้อาวุโสสามารถรับมือผมได้สามกระบวนท่า เรื่องขอโทษผมจะลองเก็บมาคิดดู”
ว่าไงนะ?
ฉีมู่เฟิงและคนอื่นๆตกใจจนอ้าปากค้าง
ซูเฉินเอ่ยปากท้าประลองกับฉีชิงเฉวียน ทั้งยังยื่นข้อเสนอสามกระบวนท่าอีกด้วย!
นี่เขาบ้าไปแล้วใช่ไหม?
ฉีชิงเฉวียนไม่ใช่คนที่จะนำฉีฉงมาเปรียบเทียบได้ เขาคือบรรพชนของตระกูลฉี ครอบครองกำลังรบไร้เทียมทาน แม้จะอยู่ในขั้น 5 ระดับเทวะ แต่ประเด็นก็คือ เขาอยู่ในจุดสูงสุดของลำดับชั้นเดียวกันอย่างไม่ต้องสงสัย
ต่อให้เป็นระดับเทวะขั้น 6 หากต้องการเอาชนะฉีชิงเฉวียน ยังไม่ใช่เรื่องง่าย
ขณะที่ซูเฉินอยู่แค่ขั้น 3 ระดับเทวะเท่านั้น แต่กลับกล้าเอ่ยประโยคนี้ออกมา ทั้งยังกำหนดเงื่อนไข 3 กระบวนท่า?
ฉีมู่เฟิงและคนอื่นๆกลายเป็นโง่งม
2/10
Ep.992
ฉีชิงเฉวียนเองก็อึ้งไปเล็กน้อย หลังจากได้สติกลับมา ก็หัวเราะฮี่ ฮี่ “ซูเฉิน นี่เจ้าพูดจริง?”
ต่อให้ซูเฉินจะแกร่งซักแค่ไหน แต่สุดท้ายก็ยังเป็นแค่ระดับเทวะขั้น 3 ยังคงห่างชั้นกับเขาถึงสองขั้น อาศัยอะไรมาท้าเขาเช่นนี้?
“ผมเอาจริง” ซูเฉินพยักหน้า ตอบอย่างมั่นใจ กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ผู้อาวุโส จากนี้ไปผมจะไม่ยั้งมือ ถ้าเผลอทำท่านบาดเจ็บขึ้นมา โปรดอย่าตำหนิกัน เพราะถึงอย่างไรนี่ก็เป็นแค่การประมือเท่านั้น”
เหตุผลที่เขายืนกรานจะสู้กับฉีชิงเฉวียน นอกจากเพื่อกลืนคำขอโทษลงคอแล้ว อีกเหตุผลก็เพราะต้องการต่อสู้กับผู้แข็งแกร่งที่แท้จริง
เนื่องจากวันหน้าหากยังท่องอยู่ในมิติภายนอก ลูกน้องที่นักพรตเทียนซ่านส่งมา ย่อมแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ และคงมีระดับเทวะขั้น 5 ปรากฏตัวขึ้นอย่างแน่นอน
ดังนั้นประมือกับฉีชิงเฉวียนในครั้งนี้ ถือเป็นการซ้อมมือล่วงหน้า เพิ่มประสบการณ์ต่อสู้ให้กับตัวเอง
ทันทีที่คำนี้หลุดออกมา ฉีมู่เฟิงและคนอื่นๆเกือบสำลักลมหายใจตาย
ซูเฉินกังวลว่าจะทำร้ายฉีชิงเฉวียน? นี่ใช่เป็นการโอ้อวดมากไปไหม?
“บ้าแท้ๆ! หมอนี่นับวันยิ่งหยิ่งเผยอขึ้นเรื่อยๆ!” ฉีมู่เสวี่ยกล้ำกลืนความโกรธ
ถ้าซูเฉินอาละวาดต่อหน้าผู้อื่น มันคงไม่มีปัญหาหรอก แต่กระทั่งต่อหน้าบรรพชนตระกูลฉีก็ยังทำตัวจองหอง มันทำให้เธอรู้สึกโกรธอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
แน่นอน เธอได้แต่สบประมาทคำเหล่านี้ในใจ ไม่กล้าพูดมันออกไปโดยเด็ดขาด
หากซูเฉินได้ยินเรื่องนี้เข้า มันอาจหมายถึงการถูกจับไปทรมานต่างๆนาๆแบบที่เธอไม่อาจร้องขอความเมตตาได้
ในความเป็นจริงแล้วพวกเธอคงไม่ทราบ ว่าเหตุผลที่ซูเฉินพูดเช่นนี้ ก็ยังมีอีกจุดประสงค์หนึ่งเช่นกัน นั่นคือเพื่อยั่วโมโหฉีชิงเฉวียน อีกฝ่ายจะได้ระเบิดพลังทั้งหมดที่มีออกมา
มีแต่วิธีนี้เท่านั้น จึงจะสามารถขัดเกลาตัวเองได้ดีที่สุด!
ฉีชิงเฉวียนกลืนน้ำลายอึกใหญ่ หน้าอกเขากระเพื่อมขึ้นๆลงๆอย่างรุนแรง ไม่สามารถระงับความโกรธในใจได้อีกต่อไป เอ่ยเสียงแข็ง “ซูเฉิน เช่นนั้นก็ลงมือเถอะ หากทำร้ายข้าได้ ก็ถือซะว่าเป็นความสามารถของเจ้า!”
“ถ้างั้นผมไม่เกรงใจแล้วนะ”
ดวงตาของซูเฉินค่อยๆหรี่ลง ทันใดนั้นร่างเขาขยายใหญ่ขึ้น ชั่วพริบตาสูงชะลูดเป็นสิบจั้ง ในเวลาเดียวกัน กลิ่นอายบนร่างเขาเพิ่มพูนตามไปติดๆ ไม่นานก็มาถึงขั้น 4 ระดับเทวะ
“วิชาแปลงร่าง!”
ฉีชิงเฉวียนตกใจ หากเป็นก่อนหน้านี้เขาคงไม่กังวลอะไร เพราะท้ายที่สุดแล้วซูเฉินห่างชั้นกับเขาถึงสองขั้น แต่ปัจจุบันไม่ใช่อีกแล้ว ซูเฉินก้าวสู่เทวะขั้น 4 ห่างกับเขาเพียงขั้นเดียวเท่านั้น
เขาเคยได้ยินเรื่องความสามารถในการต่อสู้ของซูเฉินมาก่อน ว่าสามารถสังหารข้ามขั้นได้ง่ายดายไม่ต่างจากการล้วงสิ่งของออกจากกระเป๋า
จังหวะนี้ เขาเริ่มกลัวขึ้นมานิดๆแล้วว่าอาจไม่ใช่คู่มือของซูเฉิน
“ซูเฉินยังมีไพ่ตายแบบนี้อยู่ด้วยหรือ?”
ฉีมู่เล่ยอ้าปากค้าง ตกใจจนเกินบรรยาย
ใบหน้าของฉีมู่เฟิงและคนอื่นๆฉายแววกังวลอย่างลึกล้ำ
ในตอนแรก พวกเขารู้สึกเป็นห่วงซูเฉิน แต่ตอนนี้ความรู้สึกดังกล่าว เริ่มโอนเอนไปทางฉีชิงเฉวียนแล้ว
นี่เป็นเพราะพวกเขารู้ดีถึงประสิทธิภาพในการต่อสู้ของซูเฉิน ที่ไร้เทียมทานในลำดับชั้นเดียวกัน เรื่องการสังหารข้ามขั้นก็ง่ายดายดั่งพลิกฝ่ามือ เช่นนั้นแล้ว–
–ฉีชิงเฉวียนจะเป็นคู่ต่อสู้ให้แก่เขาได้หรือไม่?
…
หลังจากซูเฉินแปลงร่าง ตัวเขาพุ่งเข้าจู่โจมฉีชิงเฉวียนดั่งอสูรร้ายก็มิปาน
กลิ่นอายที่แพร่กระจายออกมา น่าหวาดหวั่นถึงขีดสุด กวาดออกไปทุกทิศทาง
ฉีมู่เฟิงและคนอื่นๆไม่สามารถสูดหายใจได้
ใบหน้าของฉีชิงเฉวียนเคร่งเครียดอย่างถึงที่สุด ขณะที่ซูเฉินกำลังวิ่งใกล้เข้ามา เขากัดฟันและชกออกไป
ซูเฉินไม่ถอยหนี ง้างแขนและชกสวนเช่นกัน
“เจ้าเด็กอ่อนหัด!”
เห็นซูเฉินเลือกงัดเหล็กแข็งกับเขา มุมปากฉีชิงเฉวียนผุดรอยยิ้มพิศวงวูบหนึ่ง
ในอดีตเขาเคยปลุกพลังพิเศษในมิติท้ารบ เป็นความสามารถที่ช่วยเพิ่มพละกำลังตนได้ถึงสิบเท่าในชั่วพริบตาหนึ่ง
พละกำลังของระดับเทวะขั้น 5 มากพอแล้วที่จะทลายชั้นฟ้า ถล่มปฐพี ยิ่งเพิ่มเป็นสิบเท่า คงถึงขั้นทำลายล้างโลก แล้วจะยังมีใครรับมืออำนาจนี้ได้อีก?
นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไม การที่ซูเฉินเลือกงัดเหล็กแข็ง ในความเห็นเขาจึงไม่ต่างจากการทุบหินด้วยไข่ไก่ !