315 - อาณาจักรลับที่สองของตำหนักเต๋า
315 - อาณาจักรลับที่สองของตำหนักเต๋า
"นี่ ...... ออกจาก ชิงเซี่ย?!" ผู้อาวุโสทั้งสามอยู่ในความรู้สึกที่ยากลำบาก
“ไปซะ ข้าเกรงว่าพวกเขาจะได้เห็นความจริงทั้งหมดแล้วหากพวกเจ้ายังชักช้าอยู่พวกเจ้าจะไม่มีโอกาสได้จากไป” เย่ฟ่านหันกลับมาและกล่าวต่อไปว่า
"ไม่ใช่ว่าพวกเราตั้งใจจะยอมแพ้ หลังจากนี้อีก 20 วัน ข้าจะฆ่าพวกมันทั้งหมดเอง"
เขาสามารถนำ อู๋จงเทียน, ตู้เฟย และคนอื่นๆมากำจัดทั้งสี่นิกายได้โดยตรง แต่เขาไม่ต้องการทำอย่างนั้นเพราะไม่ต้องการดึงดูดความสนใจจากผู้คนภายนอก
โจรตัวน้อยเหล่านี้มีชื่อเสียงโด่งดังมากเกินไปในภาคเหนือ และไม่มีใครรู้ว่ามีตากี่คู่ที่มองพวกเขาอยู่
หลังจากส่งทุกคนออกไปเย่ฟ่านก็จากไปเช่นกัน นิกายชิงเซี่ยในตอนนี้กลายเป็นนิกายร้างอย่างสมบูรณ์และต้นกำเนิดหนึ่งพันหกร้อยจินก็เพียงพอสำหรับเย่ฟ่านที่จะบุกทะลวงอาณาจักรที่สองของตำหนักเต๋าแล้ว
เย่ฟ่านพบสถานที่อันเงียบสงบห่างจากนิกายชิงเซี่ยหลายร้อยลี้ดังนั้นเขาจึงเปิดถ้ำขนาดใหญ่ขึ้นในภูเขาหินแห่งหนึ่ง
เป็นเวลาครึ่งเดือนเต็มที่เย่ฟ่านอยู่ในความสันโดษ ตอนนี้ดอกบัวที่อยู่ในร่างกายของเขามีสีแดงมากขึ้นเรื่อยๆราวกับถูกไฟโลกันต์เผาผลาญ
แต่ที่น่าแปลกใจมากคือเขาเข้าสู่อาณาจักรตำหนักเต๋าตั้งนานแล้วแต่กลับไม่สามารถสร้างเทพขึ้นมาในร่างกายได้ มันไม่สมเหตุสมผลอย่างยิ่ง
เรื่องนี้ทำให้เขาตกใจเป็นอย่างมากเพราะเขาได้กลั่นต้นกำเนิดหนึ่งพันจินไปแล้วแต่ก็ยังไม่มีวี่แววว่าเทพตัวนั้นจะออกมาจากดอกบัวเลย?
อย่างไรก็ตามในกระบวนการนี้ เขารู้สึกถึงความแข็งแกร่งของตนเอง ดวงอาทิตย์ที่เกิดจากญาณวิเศษของเขากำลังดูดกลืนต้นกำเนิดที่เหลืออย่างรวดเร็ว
ปราณสวรรค์ที่อยู่ในต้นกำเนิดผสานเข้าสู่ร่างกายอันศักดิ์สิทธิ์ของเขาและท้ายที่สุดผิวหนังทุกส่วนในร่างกายของเขาก็แทบจะเปลี่ยนเป็นสีแดงทั้งหมดแล้ว
"บูม"
เย่ฟ่านรู้ชัดเจนว่าเขาได้ทะลุผ่านอาณาจักรแรกของตำหนักเต๋า ไปแล้ว แต่สิ่งที่เขาแตกต่างจากคนอื่นคือเขาไม่สามารถสร้างเทพขึ้นมาในร่างกายได้
แต่โชคดีที่สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเขาได้ก้าวไปถึงจุดสุดยอดความสมบูรณ์แบบ!
แม้ว่าจะไม่มีเทพเจ้าและเทพธิดาปรากฏขึ้น เย่ฟ่านก็ไม่รู้สึกเสียหายอะไร อันที่จริงเขาไม่ต้องการให้ตัวตนอื่นปรากฏในร่างกายของเขาและเมื่อร่างกายของเขาเป็นแบบนี้เขาก็รู้สึกพอใจเช่นกัน
เขาไม่เข้าใจว่าทำไมถึงไม่มีเทพเจ้าเกิดขึ้น แต่เขาก็รู้สึกถึงพลังของตัวเองได้อย่างชัดเจน เขามีความมั่นใจอย่างยิ่งว่าต่อให้เผชิญหน้ากับผู้แข็งแกร่งอาณาจักรลับที่สามเขาก็สามารถจัดการได้อย่างแน่นอน
“ข้าไม่ต้องการพลังของเทพ ข้าจะใช้เพียงร่างกายของตัวเองเท่านั้นในการบดขยี้ยอดฝีมือทั้งหมดในแผ่นดิน!”
หลังจากนั้นร่างกายของเขาก็ทะลวงขึ้นสู่ท้องฟ้ากลายเป็นลูกไฟขนาดใหญ่ที่ส่องสว่างลุกโชติช่วง
เย่ฟ่านเป็นเหมือนหงส์เพลิงที่เกิดใหม่ในกองไฟ เสื้อผ้าของเขาถูกเผาผลาญจนหมดสิ้น ในขณะเดียวกันผิวหนังและกล้ามเนื้อของเขาก็เกิดการผลัดเปลี่ยนครั้งใหญ่เช่นกัน
ไม่นานหลังจากนั้นแก่นแท้เปลวไฟที่กำลังเผาผลาญท้องฟ้าให้เป็นสีแดงฉานก็ค่อยๆถอยกลับเข้าสู่ทะเลแห่งความทุกข์ของเขาอย่างช้าๆ
ความแข็งแกร่งของอาณาจักรที่สองของตำหนักเต๋าไม่สามารถวัดได้ เย่ฟ่านไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองแข็งแกร่งมากกว่าเดิมแค่ไหน แต่เขาเชื่อว่าอย่างน้อยๆก็น่าจะสักสิบเท่า
เย่ฟ่านสัมผัสได้ถึงพลังศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกสร้างขึ้นในร่างกายของเขา ในเวลานี้ลำไส้ทั้งหมดของเขาเปลี่ยนเป็นสีทองอย่างสมบูรณ์แล้ว
ขุมพลังอันศักดิ์สิทธิ์นี้กระจายความน่ากลัวออกไปทั่วผิวหนังของเขามันทำให้เขาทรงพลังยิ่งกว่าเดิมชนิดที่แทบจะกลายเป็นคนละคน!
เย่ฟ่านยังเหลือต้นกำเนิดหลายร้อยจินอยู่ภายในร่างกาย เขายังคงกลั่นมันต่อไปเพื่อทำให้ตำหนักเต๋าที่สองในลำไส้ของเขาเกิดความมั่นคงมากที่สุด!
ในวันที่สิบแปด ร่างกายของเย่ฟ่านพลุ่งพล่านด้วยปราณแก่นแท้ที่เคลื่อนไหวราวกับมังกรสีทอง ลักษณะของเขาในตอนนี้มีความคล้ายคลึงกับองค์ชายต้าเซี่ยเป็นอย่างมาก
"ปัง."
ร่างกายของเย่ฟ่านเป็นประกายแสงทะลวงผ่านถ้ำศิลาที่เขาขุดขึ้นเมื่อหลายวันก่อน ความแข็งแกร่งของเขาเพิ่มขึ้นอย่างมาก และเคล็ดวิชาเปลี่ยนสวรรค์ของเขาก็มาถึงระดับสมบูรณ์แบบแล้ว
"แค่นี้ก็สามารถเข้าสู่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทะเลสาบหยกได้แล้ว"
เย่ฟ่านที่สวมชุดนักพรตได้ก้าวเข้าไปในความว่างเปล่า แขนเสื้อใหญ่โตของเขาโบกสะบัดอย่างเย็นชา เขาใช้เวลาไม่นานในการกลับสู่นิกายชิงเซีย
ภูเขาสีเขียวยังคงอยู่ที่นั่น แต่น่าเสียดายที่ห้องโถงและอาคารหลายแห่งพังทลายทั้งหมด พืชสมุนไพรทุกชนิดถูกดึงออกมา และแม้แต่กำแพงหินบางส่วนก็ถูกขุดออกไปเพียงเพราะว่าพวกมันเคยถูกสลักไว้ด้วยอักขระเต๋าบางส่วน
นอกจากนี้เย่ฟ่านยังเห็นซากศพหลายศพ ศิษย์ของนิกายชิงเซี่ยทั้งหมดพวกเขาไม่ได้หลบหนี ทั้งหมดกลับมาร่วมเป็นร่วมตายกับสำนักและซากศพของพวกเขายังคงกระจัดกระจายอยู่ที่นี่
ยอดเขาหลักของนิกายชิงเซี่ยถูกโค่นลงและดินแดนแห่งนี้กลายเป็นดินแดนแห่งความตายอย่างสมบูรณ์
เย่ฟ่านรู้ว่ายอดเขาหลักของนิกายชิงเซี่ยนั้นสลักไว้ด้วยตำราลับของผู้นำนิกายแห่งนี้ในอดีต ตอนนี้มันถูกขุดไปจนหมดแล้ว
“อย่าห่วงเลยข้าจะแก้แค้นให้พวกเจ้าเอง”
เย่ฟ่านฝังศพของศิษย์ชิงเซี่ยหลายคน จากนั้นเขาจึงชำระอารมณ์โกรธเกรี้ยวของตัวเองที่ด้านหน้าน้ำตกด้วยสีหน้าเย็นชา
"เจ้าเป็นใครนักพรต เจ้ากล้ามาที่นี่เพื่อสำรวจได้อย่างไร" หลี่โหยว่หรานทายาทของนิกายซวนเยว่เดินเข้ามาด้วยสีหน้าไม่พอใจ
ในอีกด้านหนึ่งตู้เฉิงคุนศิษย์ของประมุขนิกายหลี่ฮัวก็เดินออกมาเช่นกัน นอกจากนี้ศิษย์ของศาลาเจ็ดดาวและนิกายหลี่เซี่ยก็เดินออกมาทีละคนด้วย
เย่ฟ่านสัมผัสได้ถึงพวกเขามานานแล้ว แต่เขาไม่ได้สนใจมดแมลงพวกนี้
ในท้ายที่สุดเย่ฟ่านก็ตั้งใจว่าจะฆ่าผู้คนจากสี่นิกายทั้งหมดไม่ปล่อยให้รอดแม้แต่คนเดียว ดังนั้นคำพูดของคนตายเขาจึงไม่คิดจะให้ความสำคัญ
“นิกายหลี่ฮัว นิกายหลี่เซี่ย ศาลาเจ็ดดาว และนิกายซวนเยว่ มันไม่ง่ายเลยที่จะปล่อยให้พวกเจ้าจากไป” เย่ฟ่านส่ายหัว
“จะตายอยู่แล้วยังพูดมากอีก!” หลี่โหยว่หรานเยาะเย้ย
ตู้เฉิงคุนมีท่าทางอวดดีและพูดว่า “เจ้าเองก็เป็นนักพรตด้วย เจ้ามีความสัมพันธ์กับนักพรตอ้วนคนนั้นหรือเปล่า แต่ต่อให้ไม่มีเจ้าก็ต้องตายเหมือนเดิม!”
พวกเขาเต็มไปด้วยความมั่นใจเพราะพวกเขาได้ค้นพบความจริงของเรื่องราวที่ซ่อนอยู่แล้ว
ในขณะเดียวกันปรมาจารย์แห่งนิกายซวนเยว่ก็กำลังนั่งสมาธิอยู่ด้านหลังของยอดเขาชิงเซี่ย นอกจากนี้ยังมียอดฝีมือจากนิกายต่างๆที่ถูกส่งมาเพื่อรอคอยเย่ฟ่านที่นี่
“พวกเจ้ารออยู่ที่นี่เพราะต้องการฆ่าข้าหรือไม่?”
เย่ฟ่านตรวจสอบสภาพแวดล้อมทั้งหมดและรู้ว่ามียอดฝีมือมากมายแค่ไหนที่รอเขาอยู่ เขามีรอยยิ้มเย็นชาพร้อมกับกล่าวต่อไปว่า
"ดูเหมือนว่าข้าจะมีพรหมลิขิตกับจักรพรรดิปราศจากจุดเริ่มต้นจริงๆ หลังจากนี้มรดกทั้งหมดของเขาจะตกเป็นของข้าแต่เพียงผู้เดียว "
“เจ้ากำลังพูดถึงอะไร ใครคือจักรพรรดิปราศจากจุดเริ่มต้น?” ชายชราคนหนึ่งกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความสงสัยมาจากยอดเขา
“เจ้าเป็นคนที่เกิดและเติบโตในดินแดนทางเหนือ เจ้าไม่เคยได้ยินตำนานของจักรพรรดิปราศจากจุดเริ่มต้นหรือ?” เย่ฟ่านถามด้วยความสงสัย
“เจ้าคิดจะถ่วงเวลา?” ตู้เฉิงคุนเยาะเย้ยและกล่าวว่า “คนคนนั้นกล้าเรียกตัวเองว่าจักรพรรดิช่างไร้ยางอายอย่างแท้จริง!”
“ข้ากำลังพูดกับอาจารย์ของเจ้าอยู่” เย่ฟ่านกวาดสายตาเย็นชามองมาที่เขา
“เจ้าเป็นนักพรตตัวน้อย ปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม เจ้ากล้าพูดกับข้าแบบนี้หรือ?”
ตู้เฉิงคุนในฐานะลูกศิษย์คนโตของผู้นำนิกายหลี่ฮัวมีนิสัยหยิ่งผยองเป็นอย่างมาก ดังนั้นเมื่อเขาถูกนักพรตรุ่นเยาว์ดูถูกจะให้เขาอดกลั้นเรื่องนี้ได้อย่างไร
“รีบฆ่ามันให้จบๆไปดีกว่า” หลี่โหยว่หรานโบกพัดของเขาและเดินไปข้างหน้า
เย่ฟ่านแค่นเสียงอย่างเย็นชา พร้อมกับจ้องมองไปยังชายชราจากนิกายซวนเยว่ที่นั่งอยู่บนภูเขาโดยไม่สนใจเด็กน้อยพวกนี้
“ในดินแดนทางเหนือนี้มีจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ของตระกูลเจียง รวมทั้งมารดาศักดิ์สิทธิ์แห่งทะเลสาบหยก แต่นั่นก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นมานานแล้ว บางทีอาจจะยาวนานกว่าแสนปีเลยก็ได้” ชายชราจากนิกายซวนเยว่ขมวดคิ้ว
"ข้าไม่เคยได้ยินว่ามีจักรพรรดิ์ปราศจากจุดเริ่มต้นอย่างที่เจ้ากล่าวถึง เขามีตัวตนจริงๆ ?"
ดวงตาของชายชราจากนิกายซวนเยว่ยังคงปิดสนิทขณะที่เขานั่งอยู่บนก้อนหินสีเขียวเหนือยอดเขาหลัก
เย่ฟ่านยิ้มกว้างและกล่าวว่า
“ในเมื่อพวกเจ้าไม่รู้ก็ช่างเถอะ ข้าจะไปรับมรดกของเขาจากนิกายของเจ้าด้วยตัวเอง!”