ฟ้าส่งข้ามาเติมรัก บทที่19
"ท่านแม่ขอรับ ท่านได้ยินข่าวลือข้างนอกหรือไม่ขอรับ เห็นชาวบ้านลือกันว่า เมื่อวันก่อนเจ้ารองมีรถม้าคันใหญ่มาส่งถึงหน้าบ้านเลยทีเดียว"
"แม่ได้ยินมาแล้ว เจ้าลูกอกตัญญู มีเงินมีทองกลับไม่เคยนึกถึงข้า มันน่าโมโหยิ่งนัก"
นางเว่ยหมัวหลาน กล่าวออกมาด้วยความโมโห ใครๆ ต่างก็บอกว่านางเป็นแม่ที่รักลูกไม่เท่ากัน เอาใจลูกคนโต รักใคร่ลูกคนเล็ก แต่ทอดทิ้งลูกคนรอง
ฮึ แน่ละ ใครจะไปรักลูกคนอื่นมากกว่าลูกตัวเองกันละ แท้จริงแล้วหานตงเป็นลูกของน้องสาวของนางต่างหาก มีอยู่ครั้งหนึ่งที่นางต้องเดินทางกลับไปที่บ้านเดิม เนื่องจากน้องสาวตัวดีเกิดตั้งครรภ์กับคู่หมั้น ที่กำลังจะเข้าพิธีแต่งงานกัน แต่ว่าที่เจ้าบ่าวกับโชคร้ายโดนโจรปล้น ระหว่างทาง หายสาบสูญไปไม่ทราบข่าวคราว มารดาและน้องสาวของนางรู้ข่าวถึงกับล้มป่วยอย่างหนักทั้งสองคน นางจึงต้องพาลูกและสามีกลับไปช่วยดูแลมารดาอยู่หลายเดือน
น้องสาวของนางเจ็บป่วยเกินเยียวยา ทำให้เจ็บท้องก่อนกำหนด หลังจากนั้นก็คลอดเด็กชายออกมาผู้หนึ่ง ส่วนน้องของนางกลับจบชีวิตลงทันที แม่ของนางในตอนนั้นสงสารหลานชาย ไม่อยากให้หลานชายขึ้นชื่อว่า เป็นเด็กไม่มีพ่อแม่ ซ้ำพ่อแม่ยังทำผิดจารีตเสียอีก จึงขอให้นางกับสามีรับสมอ้างเป็นพ่อแม่ รอจนเด็กอายุสักสองสามขวบจะรับกลับมาดูแลเอง พร้อมยังมอบเงินให้พวกนางอีกสามร้อยอีแปะเป็นค่าเลี้ยงดู
นางเว่ยหมัวหลานและสามีเห็นแก่เงินก้อนนั้นจึงรับเด็กชายมาดูแล เมื่อกลับมาที่หมู่บ้านก็บอกกับทุกคนว่า เด็กคนนี้นางคลอดระหว่างกลับไปดูแลมารดาที่บ้าน คาดไม่ถึงว่าเพียงจากมาไม่กี่เดือนมารดากับป่วยตายไปซะก่อน
จริงๆ นางคิดจะนำเด็กคนนี้ไปขายด้วยซ้ำ แต่กฎของตระกูลเว่ยกับเขียนไว้ชัดเจนว่า บิดามารดาหากทอดทิ้งบุตร หรือนำบุตรไปขาย จะถูกขับออกจากตระกูล และลงโทษโบยหนึ่งร้อยที
สามีของนางเป็นตายก็ไม่ยอมถูกขับออกจากตระกูล นางถึงได้ยอมทนเลี้ยงดูเจ้าเด็กคนนั้นมา หลายครั้งที่เห็นบุตรชายเอารัดเอาเปรียบหานตง นางก็คิดว่าเป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว เพราะหากไม่มีครอบครัวของนางเด็กคนนี้อาจจะตายไปแล้วก็ได้
นางสั่งสอนให้หานตงรู้จักกตัญญู ทุกครั้งที่หาเงินมาได้ต้องนำมาให้นางทั้งหมด เมื่อนางรู้ว่าบุตรชายคนเล็กเกิดไปติดพันลูกสาวของคนแซ่มู่นามว่าเหนียนเหยา นางก็แอบไปสืบจนพบว่า หญิงสาวผู้นี้มีแต่ตัว เนื่องจากทรัพย์สินตกอยู่ในมือของแม่เลี้ยงจนหมดสิ้น
นางจึงเกลี้ยกล่อมบุตรชายคนเล็กให้หันไปสนใจน้องสาวต่างมารดาของผู้หญิงคนนั้นแทน หากแต่ลูกนางกลับดื้อรั้นนัก นางจึงร่วมมือกับหญิงสกุลมู่ จัดฉากเรื่องความสัมพันธ์ของหานตงกับเหนียนเหยา และยัดเยียดให้คนทั้งสองรีบแต่งงานกัน
สุดท้ายลูกสะใภ้ที่นางหมายปองก็ยื่นคำขาดให้ขับไล่ครอบครัวของพี่สาวออกไปจากบ้าน นางถึงจะยอมแต่งเข้ามา
บ้านของนางเว่ยหมัวหลานในอดีตมีฐานะไม่ค่อยดีนัก แต่เมื่อหานตงโตขึ้น เริ่มจับอาชีพพรานป่า แทนการทำงานอย่างอื่น นางมักจะบอกให้หานตงเข้าป่าไปลึกๆ เพื่อจะได้สิ่งของหายากออกมาขาย เงินทองที่ได้มานางก็ยึดมาเก็บไว้ทั้งหมด เหลือเพียงเศษเงินเล็กน้อยไว้ให้ติดตัว เงินที่หามาได้ส่วนใหญ่ นางก็เอามาบำรุงบำเรอบุตรชายทั้งสอง โดยเฉพาะบุตรชายคนเล็ก ที่นางกัดฟันส่งเข้าเรียนในสถานศึกษา หวังให้เขาสอบเข้ารับราชการเป็นหน้าเป็นตาของครอบครัว
"ท่านแม่ข้าว่าเจ้ารองต้องปิดบังอะไรพวกเราอยู่แน่ๆ เจ้ารองเป็นพรานที่เก่งมาก มันน่าจะได้อะไรสักอย่างจากบนเขามาและเอาเข้าไปขายในเมือง"
"ในเมื่ออาตงไม่ยอมมา งั้นเราก็ไปเยี่ยมน้องชายเจ้าหน่อยก็แล้วกัน"
นางเว่ยหมัวหลานพูดพลางยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
เว่ยเหนียนเหยาจับตาข้างขวาที่กระตุกอยู่บ่อยครั้งจนนางรำคาญ
"เฮ่อ วันนี้จะมีเรื่องอะไรนะ ทำไมตาข้ากระตุกถี่ติดกันเช่นนี้"
"พี่สะใภ้ในที่นี้จะมีใครกล้ามาหาเรื่องท่านอีกเจ้าคะ"
"ข้าก็ขอให้เป็นอย่างที่เจ้าว่าเถอะ วันนี้เห็นว่าท่านพี่บอกอยากกินน้ำแกงปลา เดี๋ยวพวกเจ้าก็อยู่กินข้าวด้วยกันสิ"
เว่ยเหนียนเหยากล่าวชวนอย่างอารมณ์ดี
หลังจากกลับมาจากการขายผ้า นางได้ปรึกษากับนางลี่สือหลินเรื่องอยากจะรับคนงานมาช่วยตัดเย็บพวกถุงผ้า ถุงเงิน และผ้าเช็ดหน้า
แต่คนงานเหล่านั้นต้องเข้ามาทดสอบฝีมือจากนางซะก่อน โดยนางจะให้ค่าแรงคนละห้าสิบอีแปะต่อวัน เริ่มทำงานตั้งแต่ยามซื่อถึงยามเซิน
ครั้งแรกนี้นางจะรับเพียงสามคนก่อน สำหรับซินเซียงและนางลี่สือหลินนางจะให้มาเรียนด้านการปักลายแทน โดยกำหนดให้ค่าแรงคนละหนึ่งตำลึงทองต่อเดือน
"ซินเซียง ท่านแม่เจ้าไปไหนละ"
"เห็นบอกว่าไปหาคนงานให้ท่านเจ้าค่ะ ส่วนวันนี้ข้าคงต้องขอตัวเรื่องข้าวเย็น เห็นท่านแม่บอกว่าพี่ชายกับพี่สะใภ้จะมาหาที่บ้าน ข้าคงต้องกลับไปดูแลสักหน่อย"
เว่ยเหนียนเหยาพยักหน้าอย่างเห็นใจ ทุกครอบครัวล้วนแต่มีปัญหา เรื่องแบบนี้นางไม่สามารถที่จะออกความเห็นได้
และแล้วความจริงก็มา หลายๆ คนเดาถูก
เช็ดน้ำตาแปร๊บ สงสารพ่อ