ตอนที่แล้วฟ้าส่งข้ามาเติมรัก บทที่17
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปฟ้าส่งข้ามาเติมรัก บทที่19

ฟ้าส่งข้ามาเติมรัก บทที่18


เว่ยเหนียนเหยายืนพิจารณาเสื้อผ้าชุดนั้น ก่อนจะตรวจดูความประณีตของชิ้นงาน ก็รู้สึกว่าช่างของชุนเหมยมีฝีมือไม่น้อย

นางเรียกให้คนช่วยขยับหุ่นโชว์ที่นางทำขึ้นออกมาไว้ตรงกลาง จากนั้นจึงหยิบกระโปรงจากมือช่างคนหนึ่งใส่ลงไปในตัวหุ่น หลังจากนั้นก็หยิบเสื้อจากช่างอีกคนใส่ตามลงไป

หลังจากตรวจดูความเรียบร้อย นางกับพบว่ามีบางสิ่งขาดหายไป หญิงสาวเดินไปเปิดห่อผ้าอีกห่อที่เตรียมมา ในนั้นมีผ้าคาดเอวแบบต่างๆ อยู่หลายชิ้น

นางเลือกผ้าคาดเอวที่เข้ากับชุดนั้นได้ขึ้นมาชิ้นหนึ่ง จากนั้นจึงเดินเข้าไปตกแต่งชุดนั้นดูอีกครั้ง

ชุนเหมยมองการกระทำของเว่ยเหนียนเหยาอย่างตกตะลึง นางไม่รู้ว่า สิ่งที่เว่ยเหนียนเหยานำมาคืออะไร แต่เมื่อนำเสื้อผ้าลงไปสวมใส่ กลับดูเหมือนว่าเสื้อผ้านั้นสวมอยู่บนตัวคนจริงๆ

"น้องพี่สิ่งนี้เรียกว่าอะไร"

ชุนเหมยเดินวนรอบๆ หุ่นโชว์อย่างชื่นชม หากมีสิ่งนี้มาตั้งหน้าร้าน ร้านของนางต้องเป็นจุดสนใจของผู้คนที่ผ่านมาผ่านไปเป็นแน่

"สิ่งนี้เรียกว่า หุ่นไม้ เจ้าค่ะ มีไว้สำหรับใส่เสื้อผ้าวางไว้ให้ลูกค้าดู เพื่อดึงดูดความสนใจของลูกค้าเจ้าค่ะพี่ชุนเหมย ท่านดูสิเจ้าคะ เสื้อชุดนี้หากเราตัดเย็บเสร็จก็ต้องพับเก็บไว้ เมื่อมีลูกค้ามาก็ต้องคอยนำออกมาแนะนำให้ลูกค้าดู มิสู่นำมาใส่ไว้อย่างนี้ เวลาลูกค้าเข้ามาในร้านก็จะเห็นอย่างชัดเจน หากลูกค้าท่านไหนชอบก็จะสอบถามกับทางร้านเอง เป็นการประหยัดเวลาของทางร้านด้วยเจ้าค่ะ"

"สิ่งนี้คือผ้าคาดเอวที่เจ้าเคยบอกใช่หรือไม่"

ชุนเหมยชี้ไปที่ผ้าคาดเอวที่หญิงสาวพึ่งนำใส่เข้าไป

"ใช่แล้วเจ้าค่ะพี่ชุนเหมย ข้าคิดว่า เสื้อผ้าก็เหมือนกับผู้คน หากเราเพิ่มลูกเล่น หรือเครื่องประดับเข้าไป น่าจะทำให้สวยงามขึ้นเจ้าค่ะ ท่านลองดูนี่นะเจ้าคะ"

เว่ยเหนียนเหยาเปลี่ยนผ้าคาดเอวออกเป็นผืนอื่น จากนั้นก็ลองแขวนถุงหอมเข้าไป กลับได้ชุดแปลกตาเข้าไปอีกแบบ

"หากทำอย่างที่ข้าแนะนำ แน่นอนว่าท่านต้องขายสินค้าได้หลากหลายขึ้นแน่ เจ้าค่ะ"

ชุนเหมยเงียบลงอย่างครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่

"เด็กๆ เจ้าไปตามจางจุยมาพบข้าที่นี่บอกให้นำของที่ใช้ทำงานมาด้วย ส่วนพวกเจ้าถอดชุดพวกนี้ออกมาไว้ก่อน"

เว่ยเหนียนเหยามองนางชุนเหมยอย่างแปลกใจ หรือว่านางจะทำอะไรผิดไป จนทำให้ชุนเหมยไม่พอใจกันนะ

"นายหญิง"

ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งบอบบาง มีท่วงท่าอบอุ่น ดูคล้ายกับพวกนักกวีที่ไม่เคยใช้แรงงาน มือข้างหนึ่งถือกระดาษกับอุปกรณ์วาดรูปติดตัวมาด้วย

"น้องพี่ ชายผู้นี้ชื่อจางจุยเป็นจิตรกรประจำร้าน เดียวข้าจะให้เขาวาดรูปของชิ้นนี้ให้กับเจ้าสองแผ่น จากนั้นจะให้คนพาเจ้าไปที่หอการค้ากลาง เจ้าจงไปขึ้นทะเบียนของสิ่งนี้ไว้ หาไม่เพียงไม่นานพวกพ่อค้าหัวใส จะสร้างสินค้าตัวนี้ออกมาแน่"

"ขึ้นทะเบียนหรือเจ้าคะ "

"ถูกต้อง การขึ้นทะเบียนสิ่งของ หากมีคนทำซ้ำ หรือ นำของเจ้ามาดัดแปลง หากมีการร้องเรียนตรวจสอบ ผู้ที่ก่อเหตุจะถูกริบใบทะเบียนการค้า และโดนปรับเป็นเงินก้อนใหญ่เลยทีเดียว"

เว่ยเหนียนเหยามองหญิงสาวตรงหน้าอย่างขอบคุณ นางไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องแบบนี้เลยจริงๆ หุ่นโชว์แบบนี้มีให้เห็นเกลื่อนกลาดในโลกของนาง นางไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าใครเป็นคนคิดประดิษฐ์ขึ้นมา ได้แต่คิดขอโทษขอโพยพวกเขาอยู่ใจ

"พี่ชุนเหมยขอบคุณท่านมากเจ้าค่ะ ข้ากับสามีเป็นชาวบ้านป่า ไม่ค่อยรู้เรื่องการค้าแบบนี้"

"ตอนนี้เจ้าก็เหมือนกับน้องสาวข้า ข้าย่อมไม่ยอมให้ผู้ใดมาเอาเปรียบเจ้า ส่วนนี่เป็นสัญญา เจ้าลองอ่านดูก่อนเถิด"

หญิงสาวเมื่ออ่านดูสัญญาแล้ว พบว่าทุกอย่างเป็นไปตามที่ตกลงกันไว้ก็ลงนามในสัญญา สัญญานี้มีสองแผ่นนางและชุนเหมยต่างเก็บไว้กันคนละแผ่น

เว่ยเหนียนเหยาใช้เวลาส่วนที่เหลือในการเลือกผ้าไปอีกหลายสิบพับ อีกทั้งนางยังเลือกผ้าเนื้อดีสำหรับตัดชุดบุรุษ สตรี และเด็กไปอีกอย่างละสามพับ

งานนี้นางเหลือเงินกลับบ้านอยู่ถึงห้าสิบตำลึงทอง ถือว่าเป็นเงินไม่น้อยทีเดียว

อีกทั้งชุนเหมยยังสั่งหุ่นไม้จากนางอีกสิบตัว โดยตั้งราคาให้ตัวละสี่ตำลึงทอง ถือว่าเป็นรายได้ในส่วนที่นางไม่คาดคิดมาก่อน

ส่วนสินค้าที่ทางร้านหลักสั่งไว้ นางให้ชุนเหมยบอกทางนั้นให้รออีกสามวัน นางจะเร่งมือ แล้วให้สามีนำเข้ามาส่งให้

หลังจากที่ทำธุระต่างๆ ในตัวเมืองเสร็จเรียบร้อยแล้ว ในขณะที่นั่งรถม้ากลับบ้าน เว่ยเหนียนเหยารู้สึกว่า รถมีความจำเป็นต่องานของนางเป็นอย่างมาก

"ท่านพี่ ท่านขับรถม้าเป็นหรือไม่"

"ก็พอได้ อาเหยาเจ้าจะซื้อรถม้าหรือ"

"ข้ากำลังชั่งใจระหว่างรถเกวียนกับรถม้าเจ้าค่ะ แต่ข้าคิดว่ารถม้าน่าจะดีที่สุด ท่านดูสิเจ้าคะ งานของข้าเป็นงานผ้าทั้งนั้น หากขนส่งทางรถเกวียน ไหนจะฝุ่น ไหนจะฝน อีกทั้งอีกไม่นานข้าอยากส่งบุตรชายเข้าสำนักศึกษา หากมีรถม้าอยู่คงสะดวกไม่น้อย"

"แต่รถม้าดีๆ ก็แพงเหลือเกิน พี่ได้ยินมาว่า รถม้าอย่างดีราคาจะอยู่ที่ สองหรือสามร้อยตำลึงทองเลยนะ"

เว่ยเหนียนเหยาขยับซุกเข้าไปในอ้อมกอดสามี เงยหน้ายิ้มอย่างซุกซน

"การใช้ชีวิตต้องมีเป้าหมาย ข้าจะจดไว้ว่า สิ่งนี้คือหนึ่งในเป้าหมายของข้าเจ้าค่ะ"

รถม้าวิ่งเข้ามาถึงหน้าหมู่บ้านจึงชะลอความเร็วลง เนื่องจากคนขับรถม้าเคยแต่วิ่งอยู่ในตัวเมือง หานตงจึงออกมานั่งคู่กับคนขับรถเพื่อคอยบอกทางให้กับคนขับ

ชาวบ้านเมื่อเห็นมีรถม้าขับเข้ามาในหมู่บ้านอีกครั้ง ต่างก็ตื่นเต้นกันใหญ่ เพียงแต่ว่าครั้งนี้พวกเขาไม่ต้องเก็บความสงสัยไว้ในใจ

ที่แท้รถม้าคันนี้ก็มาส่งบุตรชายคนรองคนตระกูลเว่ยนี่เอง ทั้งหมดต่างคาดเดาไปต่างๆ ว่าที่แท้จริงแล้วหานตงผู้นี้ เกิดประสบพบโชคอันใดเข้า ถึงได้มีรถม้าคันใหญ่วิ่งตามมาส่งถึงหน้าบ้านแบบนี้

ส่วนคนบนรถม้า ยังไม่รู้ตัวเลยว่า ตนเองกำลังเป็นเป้าสนใจของผู้อื่น เมื่อกลับมาถึงบ้านหลังจากที่ขนของลงหมดแล้ว เว่ยเหนียนเหยามอบเงินเป็นสินน้ำใจให้คนขับรถรถม้าไปห้าสิบอีแปะ พร้อมทั้งฝากขอบคุณชุนเหมยอีกรอบ

เริ่มเป็นรูปเป็นร่างแล้วนะ ครอบครัวของพ่อ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด