ฟ้าส่งข้ามาเติมรัก บทที20
"อาตง อาตง ลูกแม่เจ้าอยู่หรือไม่"
เสียงของนางเว่ยหมัวหลาน ทำให้คนที่กำลังกินข้าวอยู่ในบ้านชะงักมือลง ยังไม่ทันจะขยับตัวลุกขึ้น อีกฝ่ายก็เดินเข้ามาในบ้านอย่างไม่คำนึงถึงมารยาท
"หลานย่า ย่าคิดถึงเจ้ามากเหลือเกิน เจ้าสบายดีใช่ไหม"
หานตงรีบนำภรรยาลุกขึ้นคำนับนางเว่ยหมัวหลานอย่างอ่อนน้อม
"ท่านแม่ พี่ใหญ่ พี่สะใภ้เชิญนั่งก่อนขอรับ"
หานตงพูดอย่างอ่อนน้อม ก่อนจะให้ภรรยาเดินไปรินน้ำออกมาให้ผู้เป็นมารดา
"ท่านแม่สามี พี่สามี พี่สะใภ้ น้ำเจ้าค่ะ"
จริงๆ ตอนนี้บ้านนางมีชากุหลาบ ชาเกสรดอกบัว ที่ลองทดลองทำไว้ แต่กับคนพวกนี้ให้กินไปก็เสียของ นางจึงรินน้ำเปล่ามาให้เท่านั้น
ส่วนเด็กสองคนไม่สนิทกับผู้เป็นย่าอยู่แล้ว เพราะทุกครั้งที่บิดาพาไปบ้านของนาง พวกเขามักจะโดนหาเรื่องลงโทษ เนื่องจากพวกเขาไปทะเลาะกับลูกชายของท่านลุงใหญ่
เด็กท่านสองรีบเดินไปหลบหลังมารดา หญิงสาวนำตัวลูกชายเข้ามากอด ก่อนจะบอกให้คาราวะหญิงชรา
"ท่านย่า" "ท่านย่า"
เด็กทั้งสองโค้งตัวลงอย่างอ่อนน้อม
ฝ่ายหญิงชรากวาดตาดูความเปลี่ยนแปลงของคนในบ้าน ไม่เจอกันแค่ไม่นาน หานตงกลับดูดีขึ้นเป็นอย่างมาก เสื้อผ้าที่ใส่ดูเหมือนจะเป็นของที่เพิ่งซื้อใหม่
เด็กทั้งสองก็เหมือนกัน เมื่อก่อนผอมแห้งเหมือนเด็กขี้โรค ตอนนี้กลับตัวขาวอวบ เหมือนหัวไชเท้าต้นน้อยๆ ปากและแก้มแดงระเรื่อ แถมยังสวมเสื้อผ้าใหม่ ดูท่าน่าจะซื้อมาพร้อมกับผู้เป็นบิดา
หญิงชรากวาดตามาเรื่อยถึงอาหารการกินตรงหน้า ข้าวสวยสีขาวดูท่าทางนุ่มฟู กลิ่นข้าวหอมกรุ่นชวนให้น้ำลายสอ ตรงกลางมีถ้วยน้ำแกงถ้วยใหญ่ ทั้งยังมีเนื้อหมูทอดวางอยู่ตรงหน้าอีกหนึ่งจาน ข้างจานหมูเป็นจานผัดผักอะไรสักอย่างที่ใส่ไข่ลงไปด้วย
แม้จะกินข้าวมาแล้ว แต่เมื่อมาเห็นอาหารของครอบครัวผู้ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นบุตรคนรอง นางเว่ยหมัวหลานก็รู้สึกว่า ท้องของนางร้องดังขึ้นมาอีกแล้ว
ส่วนสามีภรรยาที่มาด้วยนั้น หน้าหนากว่าหญิงชราหลายเท่า ถึงขนาดเดินเข้าครัวเพื่อตักข้าวออกมาเองถึงสามชาม
"นี่รีบมาเก็บชามข้าวพวกเจ้าออกไปสิ ไม่เห็นเหรอว่าท่านแม่หิวข้าวแล้ว"
พี่สะใภ้คนโตไม่สนใจอะไร คว้าถ้วยข้าวที่ฝ่ายเจ้าของบ้านกินค้างเอาไว้ยัดใส่มือเว่ยเหนียนเหยาและหานตง
จากนั้นทั้งสามต่างไม่พูดพร่ำ ทั้งกินทั้งดื่มราวกับของตรงหน้า เป็นของของบ้านตัวเอง
"โอ๊ยท่านแม่ ข้าไม่เคยกินอะไรอร่อยแบบนี้มาก่อนเลยขอรับ"
"นั่นสิเจ้าคะท่านแม่ น้ำแกงนี่ก็หอมหวานเสียเหลือเกิน"
เด็กน้อยสองคนยังกินข้าวไม่อิ่ม เมื่อเห็นอาหารทั้งหมดหายไปสิ้นแล้วก็หน้าเสีย น้ำตาจวนเจียนจะหยดออกมา
ส่วนเหวยเหนียนเหยาตอนนี้ระดับความโกรธถึงขีดสุดแล้ว นางมองหน้าสามีรู้ว่าเขาลำบากใจ ฝ่ายหนึ่งก็มารดา อีกฝ่ายก็ครอบครัว เรื่องนี้นางจัดการเองจะดีกว่า
"ในเมื่อพวกท่านกินกันจนอิ่มหนำแล้ว ก็เชิญกลับไปกันได้แล้วเจ้าค่ะ ข้ากับครอบครัวจะได้กินข้าวกันบ้าง"
"น้องสะใภ้ เจ้ากล้าไล่ท่านแม่กับพวกข้าเหรอ"
"แล้วทำไมข้าจะไล่ไม่ได้เจ้าคะ ในเมื่อพวกท่านไม่เกรงใจพวกข้า กระทำตัวไร้มารยาทประหนึ่งพวกไม่ได้รับการอบรม เข้ามาแย่งชิงอาหารของผู้อื่น"
"ลูกสะใภ้ เรื่องนี้เจ้าก็พูดจารุนแรงเกินไป"
นางเว่ยหมัวหลานแม้จะโกรธจนหน้าแดง แต่ก็จำต้องอดทน เพราะสิ่งที่นางต้องการยังไม่สัมฤทธิผล
"อาตงลูกแม่ เจ้าก็รู้ว่าเดือนนี้บ้านเรามีรายจ่ายเยอะเหลือเกิน ไหนจะงานแต่งงานของน้องเจ้า ไหนจะหานเอ่อหลานชายเจ้าที่ต้องสมัครเข้าสถานศึกษา เงินกองกลางของบ้านเหลืออยู่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น เดือนนี้มีเจ้าเพียงคนเดียวที่ยังไม่ได้ส่งเงินกองกลาง ข้าไม่อยากให้พี่น้องผิดใจกันเพราะเรื่องนี้ จึงบากหน้ามาเตือนเจ้า"
อ๋อที่แท้พวกนางก็มาทวงเงินนี่เอง
"ท่านแม่สามีเจ้าคะ ไม่ทราบว่าเงินกองกลางนี้คนในครอบครัวทุกคนต้องจ่ายใช่ไหมเจ้าคะ"
"แน่นอนอยู่แล้ว นี่เป็นกฎของบ้านเรา"
"แต่ครอบครัวของข้า ถูกบังคับให้แยกออกจากบ้านใหญ่มาแล้ว การกินอยู่ล้วนแล้วแต่ไม่เคยไปยุ่งเกี่ยวกับบ้านใหญ่ เหตุใดจึงยังต้องจ่ายอีกละเจ้าคะ"
นางเว่ยหมัวหลานอึกอักไม่สามารถให้คำตอบแก่นางได้ ทำให้พี่ชายคนโตหน้าตึง ตอบแบบกำปั้นทุบดินออกมา
"แต่เจ้ารองก็ให้แบบนี้มาตลอด"
"นั้นมันเมื่อก่อนเจ้าค่ะ แต่ตั้งแต่ที่ท่านแม่ช่วยย้ำเตือนสถานะของครอบครัวของข้ากับสามีในวันนั้น พวกข้าจึงได้กลับมาทบทวนกันใหม่ ทุกสิ่งล้วนแต่ได้แม่สามีชี้แนะทั้งสิ้น"
หญิงสาวตอกย้ำถึงวันที่ทุกคนทำให้สามีของนางอับอาย เห็นครอบครัวของนางเป็นวัวเป็นควายหรือยังไง ยามดีมาใช้ ยามเจ็บไข้ไม่รักษา
"อาตง เจ้ายังโกรธเคืองมารดาอยู่อีกหรือ ในวันนั้นครอบครัวพวกเราไม่มีอะไรเหลือจริงๆ ขนาดพี่ใหญ่เจ้ายังต้องยอมอดเพื่อให้ลูกเมียได้อิ่ม"
นางเว่ยหมัวหลาน พยายามทำเสียงเศร้าพลางเค้นน้ำตาออกมาได้สองสามหยด
โอ้ โอ้ คุณแม่ผัวเจ้าขา จะเอาแบบนี้ใช่ไหม จัดไปเจ้าค่ะ
"แต่วันรุ่งขึ้นจากวันนั้น ข้าได้ข่าวว่าน้องสาวกับไปเยี่ยมบ้านท่านแม่ นางนำทั้งข้าวสาร อีกทั้งเนื้อหมูและไข่ไก่ กลับไปให้มารดานางด้วย"
สะใภ้ใหญ่ตาโตหันกลับไปมองนางเว่ยหมัวหลานอย่างตัดพ้อ นางจำได้ว่าหลังจากที่นางแต่งเข้าและต้องกลับไปเยี่ยมบ้านเดิม แม่สามีให้นางนำแค่ไข่ไก่ห้าฟองกับผักอีกสองสามหัวกลับไปเยี่ยมบ้านเท่านั้น
นางเว่ยหมัวหลานเห็นสายตาสะใภ้คนโตก็เกรงว่าเหตุการณ์จะเลยเถิด จึงรวบรัดตัดความ
"ไม่ต้องพูดมาก อาตง ตกลงเจ้าจะจ่ายเงินเข้ากองกลางหรือไม่"
"ท่านแม่ ตอนนี้ข้าไม่เงินจริงๆ ขอรับ ข้าไม่ได้เข้าป่ามานานแล้วขอรับ"
"โกหก เจ้ารอง หากเจ้าไม่มีเงิน จะซื้อข้าวปลาอาหารพวกนี้มาได้ยังไง ไหนจะเสื้อผ้าที่เจ้ากับบุตรชายสวมอีก"
"ใช่ๆ เอาแบบนี้หากเจ้ายังไม่มีเงินให้ตอนนี้ ก็ให้บุตรชายของเจ้าถอดเสื้อออกมา บุตรชายของเจ้ากับบุตรชายของข้าตัวเท่าๆ กัน พอพ้นหน้าหนาวหานเอ่อต้องเข้าไปเรียนในเมือง ข้าจะเอาไปให้เขาใส่ในตอนนั้น"
สะใภ้ใหญ่กล่าวออกมาอย่างเห็นแก่ตัว นางจ้องเสื้อผ้าของเด็กทั้งสองด้วยสายตาวาววับ หากไม่ติดว่า เด็กทั้งสองอยู่ในอ้อมกอดของมารดา นางคงจะพุ่งเข้าไปถลกเสื้อผ้าออกจากตัวเด็กทั้งสองไปนานแล้ว
เด็กทั้งสองเมื่อเห็นสายตาของป้าสะใภ้ใหญ่ที่มองมาอย่างมุ่งร้าย ก็ยิ่งเบียดตัวป้อมๆ เข้าไปในอ้อมกอดของมารดา พวกเขายังจำรสไม้เรียวที่ป้าสะใภ้ใหญ่ฟาดลงบนตัวของพวกเขา เมื่อตอนปีก่อนได้เป็นอย่างดี
เว่ยเหนียนเหยารู้สึกระอากับพวกหน้าหนาพวกนี้เต็มทน
"ของทุกอย่างล้วนซื้อมาจากเงินที่ข้าขายผ้าปักมาได้ ไม่เกี่ยวกับสามีข้า อีกทั้งข้าเป็นคนขอไม่ให้สามีเอาชีวิตเข้าไปเสี่ยงในป่าอีก และขอบอกไว้ตรงนี้เลยว่า ข้าไม่ยินยอมให้สามีนำเงินของข้าไปให้ผู้ใด"
ไหนๆ ในบันทึกขับไล่ เอ๊ย บันทึกแยกครอบครัวก็บอกแล้ว ว่านางไม่เคารพผู้อาวุโส งั้นก็ทำให้มันเป็นจริงซะเลย
นางเว่ยหมัวหลานลุกขึ้นยืนอย่างโกรธจัด
"ข้าไม่สนใจ ว่าเจ้าจะเอาเงินมาจากที่ไหนอาตง หากเจ้าไม่อยากได้ชื่อว่าอกตัญญู ข้าให้เวลาพวกเจ้าจนถึงกลางเดือนหน้า หาเงินส่งเข้ากองกลาง สองร้อยอีแปะ ไม่อย่างนั้นอย่ามาหาว่าข้าใจร้าย เจ้าใหญ่พาแม่กลับบ้าน"
"ข้าคงไม่ไปส่งนะเจ้าคะ"
เว่ยเหนียนเหยารีบเดินไป ปิดประตูลงกลอน ก่อนจะหันมามองดูสามีที่ยืนด้วยใบหน้าที่ซีดเผือดไร้สีเลือด
"ท่านพี่ ท่านก็รู้ว่าเหตุการณ์วันนี้ยังไงก็ต้องเกิดขึ้น จริงๆ เงินสองร้อยอีแปะสำหรับข้าถือว่าเล็กน้อย หากว่าพวกเขาทำดีต่อท่านสักนิด แต่ดูจากสิ่งที่พวกเขาทำ แม้แต่อีแปะเดียวข้าก็ไม่อยากจะให้"
"ช่างเถอะ จริงอย่างที่เจ้าว่า หากพี่ยอมโอนอ่อนในวันนี้ เมื่อพวกเขารู้ความจริงขึ้นมา เกรงว่าจะไม่เรียกร้องแค่สองร้อยอีแปะเป็นแน่"
เว่ยเหนียนเหยาหาข้าวหาปลาให้ครอบครัวกินอีกรอบ ก่อนจะส่งบุตรชายทั้งสองเข้านอน
พรุ่งนี้นางคงต้องให้เซียนย้ง แจ้งนายช่างใหญ่เรื่องเร่งการสร้างบ้านซะแล้ว