อสูรมังกรฟ้า เล้งซาน ตอนที่ 1 กำเนิด ณ ต่างแดน (เปิดภาคเมืองเมฆคราม)
"ท่านปู่!!"
เด็กหนุ่มวัย 15 ปี ร้องตะโกนสุดเสียง พลางยื่นมือออกไปข้างหน้า ทันทีที่ลืมตาตื่นจากการหลับใหล ตนรู้สึกได้ในทันที ว่าสถานที่ ๆ ไม่คุ้นตานี้คือกลางป่าแห่งหนึ่ง ความสับสนอย่างหนักหน่วงก่อเกิดขึ้นภายใต้จิตใจ
"นี่มันที่ไหนกัน ท่านปู่ และคนในตระกูลทั้งหมด รวมถึงศัตรูเผ่าอสูร หายไปไหนหมด"
ทันทีที่หลุดจากภวังค์ เด็กหนุ่มมองสำรวจร่างกายตัวเองโดยทันที จากนั้นลองโคจรพลังลมปราณภายในร่าง รูม่านตาเบิกขยายอย่างตื่นตระหนก แทบมิอาจยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นฉับพลันนี้ได้
"บัดซบ!! เหตุใดพลังลมปราณในร่างข้า ถึงได้เหลือเพียงชั้นลมปราณสีม่วง ขั้นที่ 1!!"
ชั้นลมปราณสีม่วงขั้นที่ 1 นั้นถือได้ว่าเป็นชั้นลมปราณขั้นต่ำสุด โดยชั้นลมปราณนั้นจะเริ่มจากชั้นสีม่วง สีคราม สีน้ำเงิน สีเขียว สีเหลือง สีส้ม สีแดง และสีรุ้งตามลำดับ แต่ละชั้นลมปราณ จะมีแตกย่อยอีก 9 ขั้นพลัง การที่ตนอยู่ในชั้นลมปราณสีม่วงขั้นที่ 1 นั้นแทบจะไม่ต่างจากคนธรรมดาที่ไร้ซึ่งพลังลมปราณ สร้างความตกใจให้แก่เด็กหนุ่มวัยเยาว์เป็นอันมาก ถึงกับนั่งกุมขมับพยายามอย่างยิ่งยวดไล่เรียงความทรงจำ แต่กระนั้นก็ไม่อาจมีภาพใดผุดขึ้นในสมองแม้แต่น้อย
"เหอะ!! ตื่นมาก็โวยวายเลยนะเจ้าเด็กน้อย" เสียงหวานของสาวน้อยนางหนึ่งดังขึ้นมาทำให้เด็กหนุ่ม หันซ้ายขวา อย่างรวดเร็วเพื่อหาต้นตอของเสียงนั้น
"ไม่ต้องหาให้เสียเวลาหรอก ตัวเรานั้นอยู่ในจิตใต้สำนึกของเจ้าเอง เจ้าชื่อเล้งซานสินะ"
"เจ้าเป็นใคร เหตุใดเข้ามาอยู่ในจิตใต้สำนึกข้า!!"
เล้งซานยังไม่แน่ใจ ในตัวตนของเสียงนี้ จึงกระจายคลื่นพลังลมปราณออกไปตรวจสอบพื้นที่โดยรอบ แต่ด้วยพลังลมปราณอันต้อยต่ำ การกระจายคลื่นพลังในระยะ 3 เมตรคือระยะขีดสุดที่มันทำได้แล้ว แต่ก็มิได้พบสิ่งผิดปรกติ อันใด
"เราชื่อว่าเฟรย่า เป็นธิดาของราชาเผ่าเทพ เฮ้อ...เราคงต้องอธิบายเรื่องทั้งหมดให้เด็กน้อยอย่างเจ้าฟังด้วยสินะ น่าเบื่อจริงๆ" เสียงทอดถอนหายใจเกิดขึ้นเล็กน้อย
"ไม่จำเป็น!! บอกข้าแค่ 3 ข้อก็เพียงพอแล้ว ตัวข้าอยู่ที่ไหน ตระกูลข้าอยู่ที่ไหน และศัตรูข้าอยู่ไหน!!!"
เล้งซานกระแทกเสียงด้วยความอาฆาต โดยหาได้สนใจเสียงของ เฟรย่า ที่ท่าทีเบื่อหน่ายไม่ ความร้อนใจของเล้งซานพุ่งถึงขีดสุด เพราะก่อนที่ เล้งซาน จะหลับไป ตระกูลของเด็กหนุ่มกำลังเข้าสู่วิกฤต จากการโจมตีของเผ่าอสูรจากอีกโลกซึ่งพลังของทั้งสองฝ่าย แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
"เจ้าไม่จำเป็นต้องรีบร้อน เพราะทุกอย่างมันจบไปแล้ว จากการคำนวณของเรา พวกเราข้ามผ่านช่วงเวลา ที่ตระกูลเจ้าถูกทำลาย มามากกว่า 1,500 ปี!!"
ด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูราวกับเรียบเฉย แต่กลับทำให้เด็กหนุ่มตัวสั่นสะท้าน หน้าตาขาวซีด ทั่วแผ่นหลัง และฝ่ามือเต็มไปด้วยเหงื่อ จิตใจคล้ายร่วงหล่นจากที่สูงชันลงสู่เบื้องล่าง ความรู้สึกวูบวาบเกินกว่าคำอธิบาย
"เป็นไปได้อย่างไร!! ไม่จริง เจ้าโกหก เรื่องแบบนี้ตลอดชีวิตข้าล้วนไม่เคยได้ยิน!!"
"ข้า ธิดาแห่งเผ่าเทพผู้ทรงเกียรติ ตลอดชีวิตเรามิเคยโป้ปดผู้ได้"
คำพูดประโยคนี้ตอกย้ำให้เล้งซาน คุกเข่าทรุดลงที่พื้นในบัดดล หากมีผู้ใดพูดเรื่องของการข้ามเวลา ผู้นั้นก็ย่อมกลายเป็นตัวตลกในทันที กล่าวได้ว่าเรื่องเช่นนี้นั้นเป็นเพียงนิทานหลอกเด็กก็ไม่เกินเลยแม้แต่น้อย แต่ในตอนนี้เด็กหนุ่มเริ่มลังเลใจที่จะเชื่อ ด้วยเหตุผลหลายๆข้อ ตนมาที่นี่ได้อย่างไร? เหตุใดพลังลมปราณของตนจึงหายไป? เสียงเด็กสาวที่ออกมาจากจิตใต้สำนึกนี่อีก? ทุกอย่างนั้นไร้คำอธิบายภายในใจ
"เอาล่ะเรา ธิดาเทพจะเล่าเรื่องทั้งหมดให้เจ้าฟัง เจ้าคงรู้ใช่มั้ย ว่าสิบปีก่อนที่ตระกูลเจ้าจะถูกโจมตี ปู่ของเจ้าเคยช่วยชีวิต บิดาของเราในช่วงที่โดนราชาเผ่าอสูรลอบทำร้ายในขณะที่บิดาเรา เดินทางมาที่โลกของเผ่ามนุษย์
และนับแต่นั้นมาเผ่าเราและตระกูลของเจ้าจึงเปรียบเสมือนเครือญาติห่างๆ ที่อยู่ต่างโลกกัน โดยคอยช่วยเหลือกันแม้มิได้โจ่งแจ้งแต่ก็มิได้ปิดบังผู้ใด"
"และเนื่องด้วยเหตุการณ์นี้ ราชาเผ่าอสูรแห่งโลกอสูร เกรงกลัวว่า พวกเราเผ่าเทพแห่งโลกเทพ และตระกูลเล้งซึ่งแข็งแกร่งที่สุดในทวีปมังกรฟ้าของโลกมนุษย์ จะผนึกกำลังกันทำลายพวกมัน มันได้ออกอุบายยกทัพมายังเขตเชื่อมต่อเผ่าอสูรและเผ่าเทพ กระตุ้นให้บิดาและกองกำลังหลักเผ่าเทพไปตรึงกำลัง ณ เขตเชื่อมต่อ"
"จากนั้นก็ส่งนักรบอันแข็งแกร่งกว่า พันคนมาบดขยี้ตระกูลเจ้า จนพินาจย่อยยับ เราซึ่งถูกขอร้องโดยบิดา รีบเดินทางโดยหวังว่าอย่างน้อยจะรักษาสายเลือดตระกูลเล้งไว้ให้สืบต่อไป
แต่เราดูแคลนกำลังพันนายของเผ่าอสูรเกินไป ทหารทั้งพันนายล้วนไร้ค่าเมื่ออยู่ต่อหน้าเราแต่ผู้นำทัพของมันคือ อสูรเพลิงเฟิงหลุน นอกจาก บิดาเรา และ ราชาอสูร ใน 3 โลกนี้ล้วนไร้ผู้ซึ่งต่อกรมันได้ ตัวเราก็ถูกทำลายด้วยน้ำมือมัน
ปู่เจ้าเล้งเทียน จึงใช้สมบัติประจำตระกูลเจ้า ลูกแก้วมังกร ผนึกเข้ากับร่างของเจ้าเพื่อเดินทางข้ามมิติเวลาซึ่งสามารถใช้ได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น และได้ผนึกวิญญาณของเราลงไปด้วย แต่หากส่งเจ้ามาโดยที่เจ้ามีพลังเท่าแต่ก่อนจะสามารถส่งข้ามเวลามาได้เพียง 5-10ปี ซึ่งไม่เพียงพอในการหนีการตามล่าของเผ่าอสูร จึงได้สลายพลังลมปราณของเจ้าให้ต่ำที่สุดและส่งเจ้ามาเพื่อหนีตามล่า จนถึง ณ ที่แห่งนี้"
เล้งซานยังคงคุกเข่าที่พื้น มิได้ขยับแม้แต่น้อย ราวกับเรื่องที่ เฟรย่า เล่านั้นมิได้เข้าหูตนแม้แต่น้อย จวบจนเวลาร่วงเลยไปถึงครึ่งชั่วยาม(1 ชั่วโมง) เล้งซาน จึงเงยหน้ามองฟ้า พร้อมน้ำตาที่อาบเต็มใบหน้า
"เหตุใดกัน ท่านปู่ถึงได้ทำเช่นนี้ แม้ตัวข้าจะมิได้แข็งแกร่งเยี่ยงท่านปู่ และท่านพ่อ แต่ข้าก็มิได้อ่อนแอกว่าผู้ใดในตระกูล แห่งใดจึงมิให้ข้าช่วยสู้ตายพร้อมคนในตระกูล.."
เล้งซาน พูดพร้อมน้ำตาที่ไหลออกมาจนกลายเป็นสีแดงฉาน มันคือเลือด! คนเราหากมิได้เสียใจจนถึงขีดสุดไหนเลยจะหลั่งเลือดแทนน้ำตา
"ราชาเผ่าอสูร อสูรเพลิงเฟิงหลุน ข้าจะต้องฆ่ามัน ฉีกมันเป็นชิ้นๆ เลือดทุกหยอด กระดูกทุกท่อนของมัน จะต้องเอามาเซ่นไหว้ตระกูลเล้ง!!!" เด็กหนุ่มเลือดนองใบหน้ากล่าวด้วยน้ำเสียงเคียดแค้นกัดขบฟันแน่นจะแทบแหลกละเอียด
"เหอะ!! เจ้าจะบ้าหรือถึงเผ่าอสูรจะอายุยืนยาว แต่ก็อยู่ได้ไม่เกิน 500 ปี ป่านนี้มันคงไม่อยู่รอเจ้าแล้ว"
"ถ้าเช่นนั้น ข้าก็จะสังหารตระกูลมันให้หมดสิ้น!!"
"ดี!! เจ้าอย่าลืมคำพูดนี้ซะล่ะ และก็อย่าลืมว่าพลังเจ้าในตอนนี้ เพียงแค่มันพ่นลมหายใจใส่เจ้าก็ไม่เหลือแม้แต่ซากศพ"
เล้งซาน ตรวจสอบพลังยุทธของตนเองยังดีที่มันยังสามารถใช้พลังยุทธได้เช่นเดิม แต่หากกระบวนท่าที่ทรงพลังทั้งหลายมิอาจใช้ได้เนื่องจากพลังลมปราณอันต้อยต่ำ
"เฟรย่า แล้วเหตุใดธิดาเทพเช่นท่านจึงยอมถูกผนึกตามข้ามาด้วยเล่า"
"ข้าถูกสังหารโดยเฟิงหลุน แต่เราเผ่าเทพ แม้ร่างกายถูกทำลาย วิญญาณ จะยังคงอยู่อีก 3 วัน และค่อยแตกสลายไป แต่ในช่วงเวลา 3 วันนี้เราสามารถผนึกเข้ากับผู้อื่นได้จะสามารถรักษาวิญญาณไว้ได้ และเมื่อมีวัตถุ และโอสถครบองค์ประกอบ เราก็สามารถคืนชีพได้อีกครั้ง"
"งั้นที่ท่านมาผนึกเข้ากับข้าเพื่อรอให้ข้าหาสิ่งของมาให้ท่านคืนชีพ งั้นสิ?"
"นั้นก็ส่วนนึง อีกส่วนนึงเราถูกขอร้องโดยปู่ของเจ้าให้เราช่วยเหลือเจ้าเท่าที่ทำได้ในโลกแห่งนี้ แต่ส่งต่อข้อความถึงเจ้าด้วย"
"ข้อความ? ท่านปู่มีข้อความอันใด จงรีบบอกแก่ข้า!!"
เฟรย่า เงียบ ไปสักระยะหนึ่ง คล้ายครุ่นคิด
"เฮ้อ.... อาจจะยังเร็วเกินไปสำหรับเจ้าในตอนนี้ แต่จงจำไว้ว่าตอนนี้ เจ้าได้รับร่างสถิตมังกรฟ้ามาแล้ว!!"
..................................................................