WS บทที่ 297 เพิ่มระดับ รับของรางวัล
ในห้วงมหาสมุทรอันมืดมิด เรือลำใหญ่ที่ห่อหุ้มอยู่ในฟองสบู่กำลังเคลื่อนไปข้างหน้าอย่างช้า ๆ
“อืม เอาเป็นที่นี่ล่ะกัน!”
เมอร์ลินหยุดเรือของนิโคล่าทันที ตอนนี้เขาอยู่ต่ำกว่าพื้นผิวทะเลหลายพันเมตรซึ่งอยู่ห่างไกลจากหมู่เกาะเคิร์ดมันสลา แม้แต่จอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่ก็ไม่สามารถตามหาเขาได้
หลังจากแก้ไขวิกฤตของหมู่เกาะเคิร์ดมันสลาแล้ว เมอร์ลินไม่เลือกที่จะจากไปแต่กลับอยู่ในเรือของนิโคล่าแทน เพื่อทำการศึกษาและทำความเข้าใจเกี่ยวกับเรืออย่างละเอียด
“อืม พลังจิตของฉันอยู่ในจุดสูงสุดของระดับสาม ฉันสามารถสร้างคาถาระดับสองได้อีกสองคาถา”
พลังจิตของเมอร์ลินที่ทำซ้ำในพื้นที่มิติของเบลล์ พลังจิตของเมอร์ลินเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ตอนนี้เขาสามารถสร้างคาถาระดับสองได้อีกสองคาถา อย่างไรก็ตาม เขาไม่รีบร้อนที่จะทำเช่นนั้น เขาต้องการทำความเข้าใจเรือของนิโคล่าอย่างถี่ถ้วนและต้องใช้เวลาสักพัก ในช่วงเวลานี้ เขายังพยายามที่จะเพิ่มพลังจิตของเขาเพื่อที่จะทะลวงไปสู่ระดับสี่
เมื่อถึงจุดนั้น เขาจะสามารถสร้างคาถาระดับสองทั้งสี่ที่ยังคงอยู่ และกลายนักเวทย์ระดับสองในคราวเดียว!
ด้วยเหตุนี้ เมอร์ลินจึงหลับตาลงอย่างเงียบๆ และเริ่มทำความคุ้นเคยกับเรือของนิโคล่า
…
*วิ้ง! วิ้ง! วิ้ง!*
เมอร์ลินค่อย ๆ ลืมตาขึ้น เขาเหลือบมองไปที่จี้ห้อยคอรูปวงรีบนหน้าอกของเขา มันสั่นสะเทือนพร้อมกับพลังงานที่แผดเผามาจากพื้นที่มิติของเบลล์อีกครั้งและนี่เป็นครั้งที่สามแล้ว
“หวังว่าคราวนี้พลังจิตของฉันจะทะลวงไปถึงระดับสี่นะ!”
เมอร์ลินสูดหายใจเข้าลึก ๆ ขณะที่ดวงตาของเขาฉายแสงแห่งความคาดหวัง เขาอยู่บนเรือของนิโคล่านานกว่าสามเดือน นี่เป็นครั้งที่สามที่พลังจิตที่ทำซ้ำในพื้นที่มิติถึงขีดจำกัด
แม้ว่าเขาจะผสานเข้ากับพลังจิตที่ทำซ้ำไปสองครั้งแล้ว พลังจิตของเมอร์ลินก็ยังไม่ทะลุทะลวงไปถึงระดับสี่ ราวกับว่าขีดจำกัดนั้นกว้างใหญ่ไม่มีที่สุด
“ผสานพลังจิต!”
เมอร์ลินผสานพลังจิตที่ทำซ้ำของพื้นที่มิติของเบลล์เข้ากับพลังจิตของเขาอย่างรวดเร็ว เขาคุ้นเคยกับกระบวนการหลอมรวมนี้ ดังนั้นเขาจึงใช้เวลาไม่นานเขาก็ทำเสร็จ
จากพลังจิตระดับสามถึงระดับสี่ มันเป็นอุปสรรค์ที่ยากมาก แต่ถึงอย่างนั้น เมอร์ลินก็ไม่กังวล ด้วยพื้นที่มิติ พลังจิตของเขาสามารถขยายได้อย่างต่อเนื่องโดยหลอมรวมกับพลังจิตที่ทำซ้ำ มันเร็วกว่าวิธีการทำสมาธิแบบธรรมดามาก
ดังนั้น เมอร์ลินจึงต้องรออย่างอดทน เมื่อบรรลุเงื่อนไขที่ถูกต้องแล้ว พลังจิตของเขาก็จะทะลวงไปสู่ระดับถัดไปโดยธรรมชาติ
*บูม!*
ในที่สุด หลังจากที่เมอร์ลินผสานกับพลังจิตเป็นครั้งที่สาม พลังจิตของเขาก็กลายเป็นเหมือนกระแสน้ำที่พุ่งออกมาจากประตูระบายน้ำ นี่เป็นความรู้สึกแปลกใหม่ที่เขาไม่แคยพบเจอมาก่อน
ทุกอย่างเบื้องหน้าเขาดูชัดเจนกว่าเมื่อก่อนมาก เขาสัมผัสได้ถึงการเคลื่อนไหวของพลังธาตุต่าง ๆ ในอากาศอย่างชัดเจนซึ่งดูเหมือนจะเปล่งประกายเป็นละอองใส
“พลังจิตของฉันทะลวงผ่านไปอีกขั้นแล้วสินะ?”
เมอร์ลินรู้สึกยินดี การพัฒนาพลังจิตของเขาเกิดขึ้นตามเงื่อนไขที่ถูกต้องและการเพิ่มพลังจิตมาถึงระดับที่สี่ดูเหมือนจะทำให้เขาควบคุมเรือของนิโคล่าได้ง่ายขึ้น
“ในที่สุด พลังจิตของฉันก็เลื่อนระดับ เอาล่ะ ก็ได้เวลาสร้างคาถาระดับสองที่เหลืออยู่สี่อันแล้ว!”
จนถึงตอนนี้ เมอร์ลินได้สร้างคาถาระดับสองสองคาถา สายธารแห่งความมืดกับม่านธรณี อย่างไรก็ตาม ถ้าเขาต้องการเป็นนักเวทย์ระดับสอง เขาจำเป็นต้องสร้างคาถาระดับสองที่เหลืออยู่สี่อันให้ครบ
เขาได้เตรียมพร้อมสำหรับคาถาระดับสองเหล่านี้แล้วเมื่อเขาอยู่ใน ดินแดนมนต์ดำและสามารถสร้างมันได้ทุกเมื่อ
“เดอะเมทริกซ์ วิเคราะห์โครงสร้างคาถาของคาถาระดับสอง ทะเลเพลิงแห่งการชำระ!”
เมอร์ลินเริ่มสร้างคาถาธาตุไฟระดับที่สอง ทะเลเพลิงแห่งการชำระ
ด้วยความช่วยเหลือของเดอะเมทริกซ์ ควบคู่ไปกับพลังจิตที่มีมากมาย เมอร์ลินแทบไม่มีโอกาสล้มเหลวเลย ด้วยเหตุนี้ การสร้างคาถาของเขาจึงเป็นไปได้ราบรื่นมาก
สร้างคาถาธาตุไฟระดับสอง ‘ทะเลเพลิงแห่งการชำระ’ สำเร็จแล้ว!
สร้างคาถาธาตุลมระดับสอง ‘ลำแสงลมพัด’ สำเร็จแล้ว!
สร้างคาถาธาตุสายฟ้าระดับสอง ‘ประกายสายฟ้า’ สำเร็จแล้ว!
สร้างคาถาธาตุน้ำแข็งระดับสอง ‘ผนึกทุ่งน้ำแข็ง’ สำเร็จแล้ว!
…
นักเวทย์คนอื่น ๆ อาจต้องใช้เวลายาวนานในการค้นหาโครงสร้างคาถา ถึงแม้ว่าพวกเขาจะมีพลังจิตเพียงพอและมีโครงสร้างคาถาในมือก็ไม่อาจสร้างคาถาได้ง่าย ๆ อยู่ดีเนื่องจากต้องปรับปรุงโครงสร้างให้เหมาะสม ดูความเสถียร ความเข้ากันได้ และด้านอื่น ๆ ดังนั้นจึงใช้เวลานาน พวกเขาจะต้องใช้เวลาสองสามเดือนหรือสองสามปี
กระบวนการสร้างที่ท้าทายและซับซ้อนนี้เป็นอุปสรรคต่อนักเวทย์ส่วนใหญ่ ส่งผลให้พวกเขาไม่สามารถสร้างโครงสร้างคาถาใหม่ได้
อย่างไรก็ตาม เมอร์ลินไม่จำเป็นต้องกังวลกับเรื่องเหล่านี้ ความกังวลเพียงอย่างเดียวของเขาคือการมีพลังจิตที่เพียงพอ ด้วยเหตุนี้ เขาจึงสามารถพึ่งพาเมทริกซ์เพื่อสร้างโครงสร้างคาถาได้อย่างอิสระและสม่ำเสมอ ดังนั้นภายในเวลาเพียงสิบวัน เมอร์ลินก็ประสบความสำเร็จในการสร้างคาถาระดับสองที่เหลืออยู่สี่อัน
ทันทีที่เขาสร้างคาถาระดับสองทั้งหมดเสร็จ เมอร์ลินก็รู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงที่อธิบายไม่ได้เกิดขึ้นในจิตใต้สำนึกของเขาอย่างชัดเจน มันเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ละเอียดอ่อนและเมอร์ลินก็ไม่สามารถรับรู้ได้ในอดีต
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่พลังจิตของเขาไปถึงระดับสี่ มันก็มีความชัดเจนมากขึ้น ดังนั้นเขาจึงตรวจพบการเปลี่ยนแปลงในจิตในสำนึกของเขาทันที
ภายใต้โครงสร้างคาถามากมาย จิตใต้สำนึกของเขาดูเหมือนจะขยายกว้างขึ้นอย่างช้า ๆ
ในขั้นต้น จิตใต้สำนึกของเขาดูเหมือนจะไม่มีขอบเขต แต่ในความเป็นจริง ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ว่าง ในทางกลับกัน การสร้างโครงสร้างคาถาดูเหมือนจะทำให้พื้นที่สว่างขึ้นอีก ยิ่งเขาสร้างโครงสร้างคาถามากเท่าใดและแข็งแกร่งมากเท่าใด พื้นที่ที่ส่องสว่างก็ยิ่งกว้างขึ้นเท่านั้น
เมอร์ลินไม่รู้ว่าการเปลี่ยนแปลงในจิตใต้สำนึกของเขาหมายถึงอะไร แต่ดูเหมือนว่าไม่มีอะไรผิดปกติเกี่ยวกับโครงสร้างคาถาของเขา ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้
หลังจากสร้างคาถาติดต่อกันหลายครั้ง ใครจะรู้ว่าต้องใช้เวลานานแค่ไหนในการแปลงพลังเวทย์เข้ามาในโครงสร้างคาถา ดังนั้น โดยทั่วไปแล้วนักเวทย์ขั้นสูงจำนวนมากหลังจากสร้างคาถาแล้ว จะใช้หินธาตุเพื่อสร้างพลังเวทย์มนตร์ในตอนแรก
เมอร์ลินก็ไม่มีข้อยกเว้น เขายังคงมีหินธาตุมากมายแต่เขาสร้างตั้งสี่คาถาดังนั้นเขาจึงต้องใช้หินธาตุมากเป็นพิเศษ
“ฉันไม่มีหินคริสตัลธาตุเหลืออยู่มากมาย…ฉันไม่ได้คาดหวังว่าฉันจะใช้หินธาตุจำนวนมากเพียงเพื่อเติมพลังเวทย์สำหรับคาถาระดับสองเท่านั้น”
เมอร์ลินรู้สึกทำอะไรไม่ถูก คาถาระดับสองของเขาดีที่สุดในบรรดาระดับเดียวกัน แม้ว่ามันจะมีพลังมากมายแต่ก็ต้องใช้หินธาตุจำนวนมากเช่นกัน
เมอร์ลินซึ่งอยู่ในส่วนลึกของมหาสมุทรที่ดำสนิท ไม่มีทางได้หินธาตุ อย่างไรก็ตาม เขามีแผน ในช่วงสามเดือนนี้ เขาได้ประสบความสำเร็จในการควบคุมเรือของนิโคล่า
เขาค้นพบว่าด่านทดสอบทั้งสามของเรือนิโคลา โดยเฉพาะด่านทดสอบที่หนึ่งกับที่สอง มีกองกระดูกแห้ง พวกเขาเคยเป็นนักเวทย์ที่ถูกจับมาเพื่อทำการท้าทายด่านทดสอบของเรือนิโคล่าแต่น่าเศร้าที่พวกเขาต้องตายไป
*หวู่ม!*
ตอนนี้เรือของนิโคล่า อยู่ภายใต้การควบคุมของเขา เขาสามารถควบคุมวงแหวนเวทย์ที่ทำให้เขาไปไหนก็ได้ในเรือ
ทันใดนั้น วงแหวนเวทย์ปรากฏขึ้นบนร่างของเมอร์ลิน ในชั่วพริบตา เขาก็ปรากฏตัวต่อหน้าด่านทดสอบที่หนึ่ง มีโครงกระดูกจำนวนมากกองอยู่ เพียงแค่เขาสัมผัสเบา ๆ กระตูกก็แตกเป็นฝุ่นสีขาว เห็นได้ชัดว่าเวลาผ่านไปนาน กระนั้นก็ตาม แหวนก็ไม่เสื่อมไปตามกาลเวลา พื้นที่ภายในแหวนเหล่านี้มีความเสถียรอย่างยิ่งและจะไม่ได้รับความเสียหายใด ๆ เว้นแต่จะอยู่ภายใต้การโจมตีจากพลังอันทรงพลัง
เป้าหมายของเมอร์ลินคือแหวนเหล่านี้ เขาสุ่มหยิบขึ้นมาสองสามอย่างและค้นหาอย่างรวดเร็วด้วยพลังจิต
“อืม ไม่เลว มีหินธาตุมากมายเช่นเดียวกับโครงสร้างคาถาและวัสดุปรุงยาด้วย”
“เอ๊ะ? ในนี้มีเสื้อคลุมและสมบัติหายากด้วย”
เมอร์ลินตรวจสอบแหวนทั้งหมด ส่วนใหญ่เต็มไปด้วยหินธาตุ วัสดุปรุงยาบางชนิดและวัสดุเล่นแร่แปรธาตุ ถึงกระนั้น นี่เป็นเพียงของจากด่านแรกเท่านั้น นักเวทย์ที่ไม่สามารถผ่านด่านทดสอบนี้ได้นั้นมีความสามารถที่อ่อนแอ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่พวกเขาไม่ได้มีสิ่งดี ๆ มากมาย
ในไม่ช้า เมอร์ลินก็มาถึงด่นทดสอบที่สอง มีโครงกระดูกน้อยกว่า แต่เมอร์ลินความคาดหวังสูงสำหรับแหวนที่นี่ ผู้ที่สามารถเข้าถึงด่านที่สองได้จะต้องมีพลังที่มากกว่า ดังนั้นแน่นอนว่าพวกเขาจะมีของมีค่ามากกว่า ดังนั้น เมอร์ลินจึงรีบหยิบแหวนบนพื้นอย่างรวดเร็วและตรวจสอบอย่างระมัดระวัง
“ที่นี่มีหินธาตุอยู่ค่อนข้างมากและมีเวทมนตร์ที่แข็งแกร่งกว่าด้วย”
“มีเสื้อคลุมและมากกว่าหนึ่งตัวในนั้นด้วย เดี๋ยวก่อนนะ นี่คืออุปกรณ์เวทมนต์อย่างงั้นเหรอ?”
เมอร์ลินมองดูแหวนหลายวงติดต่อกัน ในแหวนวงหนึ่งมีอุปกรณ์เวทมนต์มากมายซึ่งเป็นแบบที่เมอร์ลินไม่เคยเห็นมาก่อน
เจ้าของแหวนวงนี้คงจะมั่งคั่งในตอนที่ยังมีชีวิตอยู่เพื่อที่จะได้ครอบครองอุปกรณ์เวทมนต์มากมาย อย่างไรก็ตาม เมื่อมีคนติดอยู่ในเรือของนิโคล่า มันไม่สำคัญว่าจะมีอุปกรณ์เวทมนต์มากเพียงใด เพราะด่านทดสอบที่สองไม่อนุญาตให้ใช้อุปกรณ์เวทมนต์
ในแหวนวงนี้ มีอุปกรณ์เวทมนต์ที่สะดุดตาที่สุดคือเข็มขัดที่ส่องแสงสีเขียวจาง ๆ
เมอร์ลินทำมันออกมาด้วยความสนใจและนำมันมาคาดตรงเอว ดูเหมือนว่าจะพอดีกับเขาแต่ดูเหมือนจะไม่มีคุณสมบัติพิเศษใด ๆ
เนื่องจากเป็นอุปกรณ์เวทมนต์ เขาจึงต้องใช้พลังจิตหรือพลังเวทย์เพื่อเปิดใช้งาน ดังนั้น เมอร์ลินจึงห่อหุ้มเข็มขัดด้วยพลังจิต แต่ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงแม้จะผ่านไปนาน
ถ้าหากพลังจิตไม่สามารถเปิดใช้งานอุปกรณ์เวทมนต์ เมอร์ลินจึงตัดสินใจใช้พลังเวทย์ธาตุไฟ เขาระดมพลังเวทย์ธาตุไฟภายในร่างกายของเขา และมันพุ่งเข้าใส่เข็มขัดอย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตาม มันก็ไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ ดังนั้นเมอร์ลินจึงใช้พลังเวทย์ธาตุดิน แต่ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
ด้วยเหตุนี้ เมอร์ลินจึงค่อย ๆ ขมวดคิ้ว แต่โชคดีที่เขามีพลังเวทย์มนตร์มากกว่าสองธาตุ ดังนั้นเขาจึงระดมพลังเวทย์มนตร์ธาตุน้ำแข็งและธาตุลมต่อไป
*ครืน…*
เมื่อเมอร์ลินส่งพลังเวทย์ธาตุลมเข้าไปในเข็มขัด มันก็เริ่มสั่นเล็กน้อย ในเวลาเดียวกัน เมอร์ลินรู้สึกถึงความผันผวนของธาตุลมที่รุนแรง ร่างของเขาดูเหมือนจะถูกสายลมพัดพาไปและเขาก็ลอยขึ้นไปในอากาศอย่างกะทันหัน
“นี่มัน...หรือว่ามันจะเป็นอุปกรณ์เวทมนต์แบบบินได้?”
เมอร์ลินจ้องมองไปที่ร่างกายที่ค่อย ๆ ลอยขึ้นจากพื้นและการแสดงออกถึงความยินดีที่ไม่อาจระงับได้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา