985-986
3/8
Ep.985
“พวกนายรู้จักฉันด้วยหรอ?”
ซูเฉินถูจมูกเขา กล่าวเสียงเรียบ
เขาเพิ่งมาถึงป้อมปราการมิติ แต่อีกฝ่ายกลับระบุตัวเขาได้ทันที นี่ทำให้รู้สึกประหลาดใจไม่น้อย
“ผู้อาวุโส ภาพเหมือนของท่านได้ถูกส่งมาให้พวกเราดูตั้งนานแล้ว” ทหารยามคนหนึ่งรีบอธิบาย
ทันทีที่ฉีมู่เฟิงกลับมายังป้อมปราการมิติ เขาก็สั่งให้คนวาดภาพซูเฉินและแจกจ่ายออกไป เพื่อให้ทหารยามทุกคนจำไว้ เพราะกลัวว่าจะไปล่วงเกินซูเฉินเข้า
ซูเฉินพยักหน้า กล่าวเบาๆว่า “เข้าไปแจ้งเถอะ บอกว่าฉันมาเยี่ยม”
“ผู้อาวุโสโปรดรอสักครู่ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้”
ทหารยามคนหนึ่งตอบ หันหลังวิ่งเข้าทางผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ซูเฉินเก็บ [รถศึกอัจฉริยะ] เฝ้ารออย่างเงียบๆ
หลังจากนั้นไม่นาน หนึ่งชายและสองหญิงก้าวออกมาจากอุโมงค์ทางผ่าน
สองในสามคือฉีมู่เสวี่ยและฉีมู่อวี้ แต่ชายอีกคนซูเฉินไม่รู้จัก
“ซูเฉิน ในที่สุดเจ้าก็มา”
ฉีมู่อวี้ทักทายอย่างอบอุ่น ส่วนพี่สาวเธอมองซูเฉิน มุ่ยปากเล็กน้อย แต่ไม่ได้พูดอะไร
ชายคนสุดท้ายกวาดสายตาขึ้นๆลงๆสำรวจซูเฉิน กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ซูเฉิน ข้าชื่อฉีมู่เล่ย เป็นพี่ใหญ่ของพวกนาง”
“ยินดีที่ได้รู้จักพี่ใหญ่ฉี” ซูเฉินกล่าวทักทาย จากนั้นถามฉีมู่อวี้ว่า “แล้วพี่สองเธอไปอยู่ไหน?”
ด้วยมิตรภาพระหว่างเขากับฉีมู่เฟิง หากซูเฉินมาที่นี่ ฉีมู่เฟิงต้องออกมาต้อนรับเขาอย่างแน่นอน
แต่ตอนนี้ไม่เห็นหน้า เขาจึงเกิดความสงสัยว่าฉีมู่เฟิงใช่ไม่อยู่ในป้อมปราการหรือไม่
สีหน้าของฉีมู่อวี้หม่นหมองลง กล่าวกระซิบ “พี่รองได้รับบาดเจ็บ”
ได้รับบาดเจ็บ?
สีหน้าของซูเฉินแข็งค้าง กล่าวด้วยน้ำเสียงร้อนรน “ร้ายแรงแค่ไหน?”
“ไม่หนักมาก แค่มีเวลาพักฟื้นมากพอก็จะหายเป็นปกติ” ฉีมู่อวี้ตอบ
ซูเฉินถอนหายใจเบาๆ ถามต่อว่า “พี่รองของเธอได้รับบาดเจ็บได้ยังไง?”
ฉีมู่เฟิงคือผู้แข็งแกร่งระดับเทวะ หากได้รับบาดเจ็บ มีโอกาสสูงว่าจะเกิดจากฝีมือผู้อื่น หากเป็นเช่นนั้น ซูเฉินจะต้องแก้แค้นให้ฉีมู่เฟิงให้จงได้
ฉีมู่อวี้ลังเลเล็กน้อยที่จะบอก เธอรู้นิสัยของซูเฉินดี หากซูเฉินรู้เรื่องนี้ คงต้องบุกเข้าไปทันทีเลยแน่ๆ
ฉีมู่อวี้มีความรอบคอบ แต่ฉีมู่เสวี่ยไม่สนใจอะไรมาก ยอมบอกตามตรง “ซูเฉิน พี่รองได้รับบาดเจ็บจากหานเจี้ยนอู่ เจ้าต้องช่วยเขาล้างแค้น”
ได้ยินแบบนั้น ฉีมู่เล่ยที่อยู่ข้างๆตกตะลึง
ตระกูลฉีอย่างน้อยคือตระกูลใหญ่ในมิติภายนอก การที่ตระกูลตัวเองได้รับบาดเจ็บจากผู้อื่น แต่กลับเอ่ยขอให้คนนอกช่วยล้างแค้น นี่ไม่ละอายใจเลยหรือ?
หานเจี้ยนอู่?
ซูเฉินหรี่ตาลง ทวนชื่อกับตัวเอง จากนั้นถามว่า “หานเจี้ยนอู่นี่ใช่คนของตระกูลหาน ถูกไหม?”
ตอนอยู่บนเกาะชิงหยุน หานเจี้ยนฉีที่เขาฆ่าก็มาจากตระกูลหานเช่นกัน ถ้าหานเจี้ยนอู่มาจากตระกูลหาน แสดงว่าอาการบาดเจ็บของฉีมู่เฟิงคงไม่พ้นเกี่ยวข้องกับเขา
เพราะหานเจี้ยนฉีคืออัจฉริยะตระกูลหาน การตายของเขาย่อมทำให้ตระกูลหานโกรธจัด เมื่ออีกฝ่ายหาเขาไม่เจอ จึงฉวยโอกาสนี้แก้แค้นฉีมู่เฟิงแทน
“เป็นคนของตระกูลหาน”
ฉีมู่เสวี่ยตอบยืนยัน
“เรื่องมันเป็นมายังไง!” ซูเฉินพยายามระงับความโกรธของเขา กัดฟันถาม
ฉีมู่เสวี่ยพ่นลมออกทางจมูก “หานเจี้ยนอู่เป็นฝ่ายมาขอท้าประลองกับพี่รองก่อน ด้วยอุปนิสัยของพี่รอง แน่นอนว่าไม่ปฏิเสธ”
“แต่หานเจี้ยนอู่กลับน่ารังเกียจยิ่ง เขาไม่ยอมบอกว่าตัวเองได้ยกระดับเป็นเทวะขั้น 3 แล้ว ดังนั้นพี่รองไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาเลย สุดท้ายได้รับบาดเจ็บเช่นนี้”
“วางใจเถอะ ฉันจะล้างแค้นให้พี่ฉีเอง หานเจี้ยนอู่จะต้องตาย!”
ในดวงตาของซูเฉินทอประกายเย็นวาบ กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ซูเฉิน อย่าเพิ่งวู่วาม!” ฉีมู่อวี้รีบเกลี้ยกล่อม
ซูเฉินกับฉีมู่เฟิงเป็นพี่น้องร่วมสาบาน
ฉีมู่เฟิงถูกรังแก ซูเฉินย่อมออกหน้า ตรงจุดนี้เป็นเรื่องน่ายินดี
กระนั้น ซูเฉินยังอยู่แค่ระดับเทวะขั้น 1 แล้วเขาจะเป็นคู่ต่อสู้ของหานเจี้ยนอู่ในเทวะขั้น 3 ได้อย่างไร?
อ้างอิงจากความเข้าใจที่เธอมีเกี่ยวกับซูเฉิน เธอกังวลมากว่าซูเฉินจะไปทวงถามความผิดจากทางตระกูลหาน ถึงเวลานั้น มีแนวโน้มว่าเขาจะถูกกุดหัว
ซึ่งเรื่องอะไรแบบนั้น เป็นสิ่งที่เธอไม่ต้องการจะเห็น
4/8
Ep.986
“ไปหาพี่รองก่อนแล้วกัน”
ซูเฉินไม่ได้อธิบายอะไร แต่ด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเขา การกำจัดหานเจี้ยนอู่ ไม่ต่างอะไรกับการบีบลูกเจี๊ยบให้ตายคามือ!
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านั้น เขาอยากจะเห็นอาการบาดเจ็บของฉีมู่เฟิง
เพราะถึงอย่างไรซูเฉินครอบครองสมบัติดีๆที่ช่วยรักษาอาการบาดเจ็บไว้มากมาย และพวกมันน่าจะช่วยฟื้นอาการฉีมู่เฟิงได้
“ไปเถอะ เข้าไปก่อนแล้วค่อยว่ากัน”
ฉีมู่เล่ยเชื้อเชิญ
ซูเฉินคือแขกผู้มีเกียรติ ให้ยืนข้างนอกนาน มันไม่ใช่มารยาทในการต้อนรับที่ดี
“งั้นเข้าไปกันก่อน” ฉีมู่อวี้พยักหน้า ผายมือเชิญซูเฉินเข้าป้อมปราการมิติ
หลังจากนั้น ทั้งสี่เดินตรงไปยังสถานที่ที่ฉีมู่เฟิงพักผ่อนอยู่
เมื่อเข้ามาถึงคฤหาสน์ จู่ๆก็มีชายหนุ่มคนหนึ่งออกมาจากข้างใน
ชายหนุ่มคนนี้ดูแล้วน่าจะมีอายุแค่ 20 ปีเท่านั้น จากรูปลักษณ์มองไปก็มีความคล้ายคลึงฉีมู่เฟิงอยู่หลายส่วน
“พี่ใหญ่! พี่สาว!”
เมื่อชายหนุ่มเห็นฉีมู่เล่ยและอีกสองคน ก็ประสานมือทักทาย
จากนั้นเบนสายตามองซูเฉิน กล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “เขาเป็นใคร?”
“เขาคือพี่น้องร่วมสาบานของพี่รอง ชื่อซูเฉิน” ฉีมู่อวี้แนะนำ
“เจ้าคือซูเฉิน?” สีหน้าของชายหนุ่มแปรเปลี่ยนไป จดจ้องซูเฉินไม่วางตา
“ใช่” ซูเฉินพยักหน้า ถามอย่างแปลกใจว่า “มีธุระอะไรกับฉันหรอ?”
เขาสังเกตเห็นว่าดวงตาของอีกฝ่ายดูแปลกๆ คล้ายไม่อยากจะยอมรับ
“ซูเฉิน ข้าฉีมู่สือขอท้าประลองกับเจ้า!”
ฉีมู่สือสีหน้าเคร่งขรึม กล่าวน้ำเสียงหนักแน่น
“อย่าเชียวนะ!”
ฉีมู่เล่ยกับอีกสองคนตกใจ
ซูเฉินมีสมญาว่าเป็นเทพสังหาร กำลังรบทรงพลังหาผู้ใดเทียบ
ฉีมู่สือท้าประลองกับเขา นั่นไม่ต่างจากการเอาไข่ทุบก้อนหิน มีแต่ทำให้ตัวเองต้องอัปยศอดสู
นอกจากนี้ ซูเฉินยังเป็นพี่น้องร่วมสาบานกับฉีมู่เฟิง ถือเป็นแขกของตระกูลฉี
แต่ทันทีที่มาถึง กลับถูกคนในตระกูลขอท้าประลอง มันไม่มีมารยาทเอาซะเลย แม้แต่ฉีมู่เสวี่ยที่มีอคติต่อซูเฉินก็ยังตำหนิเสียงเย็น “ฉีมู่สือ เจ้าใช่กินยาผิดแขนงมาหรือเปล่า? ยังไม่รีบออกไปอีก!”
ฉีมู่สือแค่นเสียงเย็น ไม่สนใจเธอ จ้องเขม็งซูเฉิน เอ่ยถามว่า “ซูเฉิน เจ้ากล้ารับไหม?”
นับแต่ฉีมู่เฟิงและคนอื่นๆกลับมา ทุกคนต่างพูดเสมอว่าซูเฉินคืออัจริยะ
ขณะที่ตัวเขาเองก็เป็นอัจฉริยะของตระกูลฉีเช่นกัน ดังนั้นอดไม่ได้ที่จะเกิดความคิดนำตนไปเทียบกับซูเฉิน
ครานี้เมื่อได้พบหน้า เป็นธรรมดาที่จะไม่อยากพลาดโอกาส
ซูเฉินปาดจมูกเขา กล่าวอย่างเฉยเมยว่า “ฐานฝึกตนของนายอยู่ขั้นไหน”
“ระดับเทวะขั้น 1!”
ฉีมู่สือกล่าวอย่างภาคภูมิใจ
ซูเฉินเลิกคิ้วเล็กน้อย ฉีมู่สืออายุน้อยกว่าฉีมู่อวี้ แต่ฐานฝึกตนกลับมาถึงระดับเทวะแล้ว นี่แสดงให้เห็นว่า เขาคือสุดยอดอัจฉริยะอย่างแน่นอน
เพียงแต่ว่า ฐานฝึกตนเพียงเท่านี้ดันกล้าท้าประลองเขา ช่างน่าขันซะจริง
“ระดับเทวะขั้น 1 ก็ไม่เลว แต่ในสายตาฉัน นายเป็นไม่ได้แม้แต่มดปลวก ไปเอาน้ำราดหัวให้ใจเย็นลงจะดีกว่านะ” ซูเฉินกล่าวชัดถ้อยชัดคำ
คำพูดนี้แม้ฟังเหมือนหยิ่งผยอง แต่อันที่จริงแล้วไม่มีการคุยโวแม้ครึ่งคำ
ห้ามลืมนะว่า เขาสามารถฆ่าระดับเทวขั้น 4 ได้ในไม่กี่วินาที ฉะนั้นเทวะขั้น 1 จึงเทียบไม่ได้กับมดปลวกจริงๆ
ทันทีที่คำนี้เปล่งออกมา ฉีมู่อวี้และคนอื่นๆตกอยู่ในอาการตื่นตะลึง สีหน้าของพวกเขาไม่ค่อยน่าดูนัก
มันเป็นความจริง ที่ฉีมู่สือไม่ใช่คู่ต่อสู้ของซูเฉิน แต่ซูเฉินก็ไม่เห็นจำเป็นต้องทำให้เขาอับอายถึงขนาดนี้ก็ได้กระมัง?
นอกจากนี้ ประโยคเมื่อครู่เป็นคำด่าที่กว้างมากๆ หากระดับเทวะขั้น 1 ไม่นับเป็นมดปลวก แล้วฉีมู่อวี้และฉีมู่เสวี่ยที่อยู่แค่ขั้น 10 เล่า พวกเธอนับเป็นตัวอะไร?
ตอนนี้ ทั้งสองรู้สึกเจ็บปวดเป็นอย่างมาก
ฉีมู่เล่ยถึงกับอ้าปากค้าง ต้องลอบส่ายหัว
แม้เขาจะอยู่ในระดับเทวะขั้น 2 แต่ฟังจากน้ำเสียงของซูเฉิน ในความเป็นจริงอาจดูเหมือนไม่มีอะไร ทว่าหากคิดดีๆ ถ้าเทวะขั้น 1 ไม่นับเป็นมดปลวก งั้นเทวะขั้น 2 เช่นเขา คงเป็นได้มากสุดแค่มดปลวกใช่หรือไม่?
แต่ซูเฉินคือระดับเทวะขั้น 1 มิใช่หรือ? พูดด่าตัวเองก็ได้แบบนี้คงบ้าไปแล้วกระมัง
ใบหน้าของฉีมู่สือแดงเรื่อ กัดฟันกล่าวว่า “ซูเฉิน อย่าเพ้อเจ้อนัก! จงบอกมาว่ากล้ายอมรับคำท้าของข้าหรือไม่!”
“ทำไมไม่รู้จักคิดให้ดีๆนะ”
ซูเฉินถอนหายใจ หัวเราะเบาๆ “ในเมื่อฉันให้โอกาสแล้ว แต่นายยังต้องการให้ตัวเองอับอาย งั้นลองเล่นด้วยซักหน่อยแล้วกัน”