ตอนที่ 51 ลักพาตัว
เจียงเหยาจ้องมองไปที่ลู่ชิงสีและกัดฟันของเธอ “นี่คุณ!” เป็นคนเดียวที่โพล่งออกมาได้ในขณะนั้น
“แล้วยังไงล่ะ” ลู่ชิงสีเลิกคิ้วขึ้นอย่างซุกซน เขาเห็นคำตอบของเธอผ่านริมฝีปากที่เม้มแน่นของเธอ เขาคำรามออกมา ฟังดูน่ากลัว “คุณเลือกเองนะ”
หลังจากผ่านพ้นค่ำคืนนี้ เพียงคืนเดียวแต่สำหรับเธอแล้วเหมือนการอดทนตลอดหนึ่งปี
เขาคิดว่าเขาอยากจะให้เวลาผ่านไปอย่างช้า ๆ ค่อย ๆ ลิ้มรสความหวานและความอ่อนดยนของเธอ เมื่อพวกเขาอยู่ด้วยกัน น่าเสียดายที่เจียแหยาไม่ยอมรับปากเขา ดังนั้นเขาจะแลกทุกอย่างที่เขาควรจะได้รับในช่วงเวลานั้น มาใช้ในคราวเดียว
ลู่ชิงสีพูดคุยกับเจียงเหยาที่ถูกเขาทรมานอย่างหลงใหลตลอดทั้งคืน เมื่อท้องฟ้าถูกทาด้วยแสงอรุณรุ่ง ในที่สุดเขาก็หยุดการ ทรมานของเขาและปล่อยให้เธอได้นอนหลับ ขณะที่กอดกันทั้งอย่างนั้น
เมื่อเสียงนาฬิกาปลุกร้องเตือนเวลา เจียงเหยารู้สึกราวกับว่าเธอเพิ่งจะหลับตาและผล็อยหลับไปเอง เธอขอให้เขาปิดนาฬิกปลุก เพราะอยากจะนอนหลับต่อ
โดยที่รู้สึกถึงการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติ
“ตืนหรือยัง?” ลู่ชิงสีไม่ได้ถอนตัวออกจากเลยทั้งคืน กว่าจะผละออกจากอันอบอุ่นของเธอไว้อย่างโหยหาและบีบเอวของหญิงสาวที่เปลือยเปล่าเบา ๆ
“ลุกขึ้นไปอาบน้ำ แล้วเปลี่ยนเสื้อผ้า คุณต้องไปส่งผมไปสนามบินนะ”
“ฆ่าฉันซะเถอะ!” เจียงเหยาโกรธกระฟัดกระเฟียด เธอไม่คิดว่าเขาจะเป็นดั่งสัตว์ร้ายเช่นนี้ เขาทำตามคำพูดจริง ๆ เขาทำจนถึงเจ็ดโมงเช้า!
เธอง่วงมากจนหลับตาขณะที่พูด เธอผล็อยหลับไปทันทีหลังจากพูดจบ
ลู่ชิงสีตระหนักว่าเขาทำเกินไปจริง ๆ แต่เขาก็ต้องการใช้เวลากับเจียงเหยามากขึ้น ดังนั้น แม้ว่าเธอจะเหนื่อยมาก เขาก็อุ้มเธอขึ้นจากเตียง พาเธอไปอาบน้ำ และแต่งตัวให้กับเธอ จากนั้นก็ปล่อยให้เธอนอนอยู่บนเตียงและลงไปรับประทานอาหารเช้าคนเดียวที่ชั้นล่าง
เมื่อพ่อและแม่ของเขาเห็นลู่ชิงสีเดินลงมาเพียงลำพัง พวกเขารู้ว่าเจียงเหยาจะไม่ไปส่งเขาที่สนามบิน แม้ว่าพวกเขาจะคุ้นเคยกับเรื่องแบบนี้ดี แต่ก็ยังยักไหล่ด้วยความตกใจ พวกเขาคุยกันเรื่องอาหารเช้าสักครู่ก่อนที่พ่อและแม่จะออกไปทำงาน
หลังจากที่พ่อและแม่ของเขาจากไปแล้ว ลู่ชิงสีเดินย้อนขึ้นไปชั้นบนอีกครั้ง เขาอุ้มหญิงสาวที่กำลังหลับสนิทราวกับท่อนซุงลง เขาอุ้มเธอลงบันไดไปที่รถ
คนขับอ้าปากค้างด้วยความตกใจกับภาพที่เห็นอย่างไม่น่าเชื่อ แต่เมื่อเห็นการแสดงออกที่ไม่แยแสของนายน้อยลู่ เขาจึงไม่กล้าถามเขา เมื่อมองดูชายที่นั่งเบาะหลังหลับตาขณะกอดภรรยาที่หลับสนิท คนขับก็เข้าไปในรถอย่างเงียบ ๆ แล้วเริ่มขับรถ ในฐานะคนขับรถที่มีเป็นมืออาชีพ เขาได้รับการฝึกให้ยึดคติ “ไม่รู้ ไม่เห็น ไม่ได้ยิน และไม่พูด”
เจียงเหยาตื่นขึ้นขณะที่พวกเขากำลังเดินทางไปสนามบิน เธอตกตะลึงในความงุนงงเมื่อเธอลืมตาขึ้น เธอขยี้ตาโดยคิดว่าเธอฝันไป กระทั่งได้ยินเสียงของลู่ชิงสีก้องอยู่ในหูของเธอ เธอเหลือบมองขึ้นไปที่เขาอย่างงุ่มง่าม
“ตื่นแล้วเหรอ? ตอนนี้คุณกำลังไปส่งผมที่สนามบิน เราน่าจะถึงที่นั่นภายใน 20 นาที” ลู่ชิงสีกล่าวด้วยน้ำเสียงยินดีและร่าเริงอย่างออกนอกหน้า
เจียงเหยาไม่มีแรงแม้แต่จะกลอกตาใส่เขา เธอนวดหน้าผากและพึมพำอยู่ในใจ ‘ฉันไม่อยากเห็นหน้าคุณอีกแล้ว! นี่มันเป็นการลักพาตัวชัด ๆ! ปีศาจร้ายตัวนี้นี่!’
เจียงเหยาสงสัยว่าในช่วงสองวันที่ผ่านมา เธอคงผ่อนปรนให้กับมากเกินไป เขาถึงได้กล้าล้ำเส้นมากขนาดนี้ ความก้าวหน้าของเขาพัฒนาขึ้นอย่างก้าวกระโดดจนเธอไม่ทันตั้งตัว
อีกยี่สิบนาทีที่เหลือ เจียงเหยานอนหลับในอ้อมแขนของลู่ชิงสี กระทั่งรถของพวกเขามาถึงสนามบิน ลู่ชิงสีถึงได้ปลุกเธอ
“เรามาถึงแล้ว ปะ ไปกันเถอะ” ลู่ชิงสีกอดภรรยาของเขาลงจากรถ โดยไม่สนใจสายตาที่อยากรู้อยากเห็นของผู้คนทั่วไป จากนั้นก็หันไปบอกกับคนขับ “รอที่นี่ เราไปซื้ออาหารเช้ากันก่อน เดี๋ยวส่งเธอกลับบ้านด้วย”
คนขับรถพยักหน้างึกงัก เขาตระหนักดีว่า หากเขาตามไปด้วยคงกลายเป็น กอขอคอ
จากนั้นลู่ชิงสีจับมือเธอและเดินเข้าไปในสนามบินด้วยรอยยิ้มอย่างพึงพอใจ