ตอนที่แล้ว979-980
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป983-984

981-982


9/10

Ep.981

หลังฆ่าหลานหยู ซูเฉินหมุนตัว กวาดสายตามองเมืองมู่กวง ในแววตาสะท้อนประกายเย็นเยียบเสียดลึกไปถึงกระดูก

เหล่าผู้แข็งแกร่งระดับเทวะเผ่าอสูรอัคคีที่ติดตามฮั่วฮวนมา หวาดกลัวจนขวัญหนีดีฝ่อ

“ซูเฉิน … ไม่สิผู้อาวุโส พวกเราผิดไปแล้ว ได้โปรดไว้ชีวิตด้วย!”

ระดับเทวะเผ่าอสูรอัคคีคุกเข่าลงกับพื้น อ้อนวอนขอความเมตตาเสียงดัง

“เผ่าอสูรอัคคี … ไม่จำเป็นต้องมีอยู่อีกต่อไป!”

ซูเฉินกล่าวอย่างเฉยเมย ขยับเท้าก้าวเดียว ตรงเข้าสังหารพวกมัน จบชีวิตเหล่าระดับเทวะลงได้อย่างง่ายดาย

จากนั้นเปิด [มิติสันโดษ] และ [พื้นที่เลี้ยงสัตว์] เรียกเหล่าผู้แข็งแกร่งและสัตว์เลี้ยงวิญญาณทั้งหมดออกมา

“นั่นเขาคิดจะทำอะไร?”

มองไปยังซูเฉินที่เรียกผู้แข็งแกร่งออกมามากมาย ชาวต่างเผ่าที่อยู่รอบๆเริ่มตื่นตระหนก

“ศิษย์น้องซู ไม่ทราบมีคำสั่งใด?”

เหลิงมู่เย่หรี่ตา กวาดมองสำรวจรอบๆ ก่อนหันมาพูดกับซูเฉิน

“สังหารล้างเมือง!”

ซูเฉินโบกมือใหญ่ ชี้ไปยังทิศทางเมืองมู่กวง

เหลิงมู่เย่และคนอื่นๆไม่ลังเลแม้แต่น้อย ทั้งหมดมุ่งหน้าบุกเข้าเมืองมู่กวง เริ่มเข่นฆ่าชาวเมือง

พวกเขาอยู่กับซูเฉินมานานแล้ว เรื่องแบบนี้เคยทำมาหลายครั้งแล้วบนแผ่นดินใหญ่ อาจเรียกได้ว่าคุ้นชินเป็นอย่างดี

ที่แท้ซูเฉินคิดทำลายเมืองมู่กวง!

ชาวต่างเผ่ารอบด้านสั่นสะท้าน แม้จะมีข่าวลือมานานแล้ว ว่าซูเฉินมักขุดรากถอนโคนศัตรู แต่พอได้เห็นกับตาตัวเอง ก็ยังอดรู้สึกตกใจไม่ได้

ณ ขณะนี้  ทั้งหมดกระจ่างแจ้งแก่ใจ ว่าท่ามกลางมิติภายนอก ห้ามมีใครล่วงเกินซูเฉินเป็นอันขาด

หากบังเอิญล่วงเกิน เกรงว่าจุดจบคงถูกล้างเผ่าพันธุ์! อ๊าาาา!

การกระทำนี้ของซูเฉิน นอกจากการลงทัณฑ์ที่เลือกปฏิบัติต่อเผ่ามนุษย์แล้ว เขายังต้องการให้ขุมกำลังทั้งหมดในมิติภายนอกรับรู้ ว่าไม่ว่าจะอยู่บนแผ่นดินใหญ่หรือท่ามกลางมิติภายนอก พวกมันก็ไม่สามารถล่วงเกินเขาได้!

และเมืองมู่กวง คือตัวอย่างที่ดีที่สุดในการเชือดไก่ให้ลิงดู!

ไม่นาน เสียงกรีดร้องโหยหวนดังออกมาจากในเมืองมู่กวง

หลังจากฮั่วฮวนและเหล่าระดับเทวะถูกสังหาร ชาวอสูรอัคคีที่เหลือก็ไม่อาจรับมือกับพวกซูเฉิน กลานเป็นลูกแกะที่รอการถูกเชือด

เมืองมู่กวงจบสิ้นแล้ว …

ชาวต่างเผ่าต่างพากันทอดถอนหายใจ

เมืองมู่กวงยืนยงอยู่ท่ามกลางมิติภายนอกเป็นเวลาหลายพันปี เคยถูกสัตว์ร้ายมิติปิดล้อมก็ตั้งหลายครั้ง จุดที่หนักหนาที่สุด คือถูกปิดล้อมเป็นสิบปี แต่ก็ยังไม่โดนทำลาย

แต่ใครจะคิด ว่าเพียงยั่วยุซูเฉิน กลับต้องล่มสลายกลายเป็นเถ้าถ่าน ช่างน่าเศร้าจริงๆ

ชาวต่างเผ่าทั้งหลายหยุดดูพักหนึ่ง ก่อนรีบแยกย้ายจากไป

เมื่อเมืองมู่กวงถูกทำลาย พวกเขาอยู่ที่นี่ต่อไปก็ไร้ความหมาย และประเด็นสำคัญก็คือ มีข่าวลือว่าซูเฉินชื่นชอบสังหารชาวต่างเผ่าเป็นชีวิตจิตใจ

หากเกิดไปขัดลูกตาซูเฉินเข้า พวกเขาคงตายทั้งๆที่ยังไม่ทันรู้สึกตัว

ผู้ชมแยกย้ายแล้ว แต่การสังหารหมู่ในเมืองมู่กวงยังคงดำเนินต่อไป กินเวลายาวนานกว่าสองชั่วโมง การฆ่าครั้งนี้จึงจบสิ้นลง

ซูเฉินเก็บชิ้นส่วนเสร็จสิ้น ก็เรียก [รถศึกอัจฉริยะ] ออกมา เดินทางจากสถานที่แห่งนี้อย่างพึงพอใจ

ครั้งนี้เป็นการสังหารล้างเมือง ผลกอบโกยมหาศาลอย่างหาที่เปรียบมิได้ ชิ้นส่วนที่ดรอปออกมาก็เกือบ 200,000 ชิ้น

นอกจากนี้ยังมีหินพลังงานระดับสูงอีกจำนวนมาก และซูเฉินยังเก็บศิลารวมวิญญาณมาได้อีกเป็นสิบก้อน

ด้วยประการฉะนี้ เท่ากับเป็นการตอกตะปูฝาโลง ว่าเพลิงอสนีเก้าวิญญาณจะสามารถเลื่อนขั้นสู่เพลิงเทวะได้อย่างแน่นอน

รอจนมันสามารถเลื่อนขั้นเป็นเพลิงเทวะได้เมื่อไหร่  ซูเฉินจะได้เริ่มฝึกฝนการผสานเวทย์สามธาตุเข้าด้วยกัน พัฒนากระบวนท่าสังหารไปอีกขั้น กำลังรบของเขาเพิ่มพูนไปอีกระดับ

นอกเหนือจากนั้น เขายังบังเอิญได้รับหุ่นเชิดระดับเทวะจากเผ่าจักรกลมาเช่นกัน  บวกกับที่ได้มาก่อนหน้านี้ เท่ากับมีทั้งหมดสามตัวแล้ว

“เสี่ยวจือ มุ่งหน้าไปป้อมปราการมิติ”

ซูเฉินผ่อนลมหายใจ ออกคำสั่งแก่ [รถศึกอัจฉริยะ]

ทุกอย่างที่นี่จัดการเรียบร้อยแล้ว ถึงเวลาไปยังบ้านตระกูลฉีเพื่อพบกันฉีมู่เฟิงเสียที

10/10

Ep.982

เมืองมู่กวงอยู่ไม่ไกลจากป้อมปราการมิติ แต่หากคิดเดินทาง ยังต้องใช้เวลาหลายวัน

ซูเฉินมีชิ้นส่วนจำนวนมากต้องจัดการ  เลยไม่ใส่ใจเรื่องเวลามากนัก

เขาใช้เวลาเกือบวันเต็มๆ จึงสามารถคัดแยกทั้งหมดเสร็จสิ้น

หลังจากแปลงเป็นแต้มพลังงานแล้ว จำนวนแต้มพลังงานสะสมทั้งหมดของเขา ได้ทะลุ 300,000 จุดเป็นที่เรียบร้อย

ซึ่งปริมาณนี้ หากใช้ทั้งหมดแลกเปลี่ยนคุณสมบัติเต็มรูปแบบ เขาจะสามารถกระโดดขึ้นสู่ระดับเทวะขั้น 5 ได้ทันที

เนื่องจากชิ้นส่วน [คุณสมบัติเลเวล 15  อย่างเต็มรูปแบบ] ต้องการ 80,000 แต้มพลังงาน เลเวล 16 ต้องใช้อย่างน้อย 100,000 แต้มพลังงาน ส่วนเลเวล 17 ใช้มากกว่า 200,000 แต้มพลังงาน

นั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไม  300,000 แต้มพลังงานแม้ดูเหมือนเยอะ แต่อันที่จริงแล้วไม่สามารถแลกเปลี่ยนได้ถึงขนาดนั้น

นอกจากนี้ เขายังต้องระวังไม่ให้นักพรตเทียนซ่านแหกกฏ จึงไม่สามารถเลื่อนขั้นอย่างต่อเนื่องได้

ซูเฉินนึกทบทวนอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายตัดสินใจเก็บแต้มสำรองไว้แสนแต้ม ส่วนที่เหลือนำไปยกระดับเหล่าสัตว์เลี้ยงวิญญาณและคนอื่นๆ

ต่อมา เขาแลกเปลี่ยน [โพชั่นกายภาพ] ของแต่ละขั้น แจกจ่ายทุกคน จากนั้นเปิด [พื้นที่เพาะปลูก] สนทนากับต้นผลอายุวัฒนะ

“เสี่ยวโซ่ว ต้นไม้แห่งชีวิตเป็นยังไงบ้างแล้ว?”

เนื่องจากได้รับอสูรเทพปลุกพลังมา และความสามารถของมันนั้นไม่ธรรมดา เลยเป็นเหตุผลที่ว่า เขาต้องการให้อสูรเทพปลุกพลังยกระดับขึ้นโดยเร็วที่สุด

และเงื่อนไขในการยกระดับของมัน คือต้องกลืนกินของเหลววิญญาณในปริมาณมาก หากต้นไม้แห่งชีวิตเติบโตขึ้น แล้วสามารถสร้างของเหลววิญญาณได้ บวกกับน้ำอมฤตที่ผลิตจากน้ำพุแห่งวิญญาณ คงช่วยได้เยอะ

“เจ้านาย ต้นไม้แห่งชีวิตตอนนี้สูงครึ่งเมตรแล้ว อัตราการเติบโตของมันรวดเร็วมาก แต่ถ้าจะให้ถึงวัยผู้ใหญ่ ยังต้องใช้เวลาอีกสักพัก” ต้นผลอายุวัฒนะกล่าว

ซูเฉินพยักหน้า จากนั้นกล่าวสัพเพเหระกับเสี่ยวโซ่วอยู่พักหนึ่ง แล้วปิด [พื้นที่เพาะปลูก ]

การเติบโตของต้นไม้แห่งชีวิต มีความสำคัญอย่างใหญ่หลวง

ต้นผลสายฟ้าห้าสายและพืชวิญญาณอื่นๆต้องการของเหลววิญญาณจากมันเพื่อช่วยชีวิต ดังนั้น น้ำอมฤตที่แปลงจากน้ำพุแห่งชีวิตจึงจำเป็นต้องป้อนให้แก่ต้นไม้แห่งชีวิตก่อนเท่านั้น

บวกกับเพื่อยกระดับอสูรเทพปลุกพลัง อาจจำเป็นต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งก่อน

หลังจากนั้น ซูเฉินหลับตาพักผ่อน แม้เพิ่งเข้าสู่มิติภายนอกได้ไม่นาน แต่เขาก็ได้เตร่ไปทั่ว เรียกได้ว่าเหนื่อยล้าทั้งกายและใจ จำเป็นต้องๆได้รับการพักผ่อนที่ดี

[รถศึกอัจฉริยะ] บินติดต่อกันสามวัน ระหว่างนั้นไม่พบเจออุปสรรคใดๆ ช่วงเวลานี้ พวกเขาอยู่ห่างจากป้อมปราการมิติไม่ถึง 10,000 ไมล์แล้ว แต่ในตอนนั้นเอง เสียงเตือนได้ดังขึ้น “เจ้านาย ตรวจพบการดำรงอยู่ของระดับเทวะจำนวนมาก”

“เป็นเผ่าพันธุ์ไหน?” ซูเฉินกล่าวอย่างสบายๆ

ปัจจุบันเขากำลังรีบไปยังป้อมปราการมิติ หากอีกฝ่ายไม่สร้างปัญหา ซูเฉินก็ไม่คิดสนใจมัน

“มีเผ่าเทพ เผ่าปีศาจราตรี เผ่าอสูรศักดิ์สิทธิ์ และ … เผ่ามนุษย์อีกสองคน” [รถศึกอัจฉริยะ] รายงานสถานการณ์

มีเผ่ามนุษย์อยู่ด้วยงั้นหรอ?

ซูเฉินค่อยๆลืมตาขึ้น ออกคำสั่งว่า “เสี่ยวจือ ส่งภาพระดับเทวะเผ่ามนุษย์ขึ้นจอที”

มีระดับเทวะเผ่ามนุษย์อยู่ไม่มากแล้ว  เขาสงสัยว่านั่นอาจเป็นบรรพชนจ้านเทียนใช่หรือไม่

เพราะก่อนเข้าสู่มิติท้ารบ เขาได้อธิบายกับมู่เซี่ยงข่ายไป ให้อีกฝ่ายกลับไปส่งข่าวและปล่อยตัวบรรพชนจ้านเทียน จากนั้นให้นำมาส่งที่ป้อมปราการมิติอย่างปลอดภัย

สถานที่แห่งนี้อยู่ห่าจากป้อมปราการมิติไม่ถึง 10,000 ไมล์ มีโอกาสสูงที่หนึ่งในมนุษย์ระดับเทวะคือบรรพชนจ้านเทียน

หน้าจอควบคุมส่วนกลางสลับสับเปลีย่น ไม่นาน ร่างของชายสองคนก็ปรากฏตัวขึ้น

หนึ่งในนั้นคือมู่เซี่ยงข่าย อีกคนเป็นชายผมบาง เป็นชายชราหน้าตาซีดเซียว

ซูเฉินไม่เคยเห็นบรรพชนจ้านเทียนมาก่อน แต่ฉางไช่หลี่ต้องรู้จักอย่างแน่นอน

เขาเปิด [มิติสันโดษ] เรียกฉางไช่หลี่ออกมา แล้วเอ่ยถามว่า “ท่านประมุข รบกวนดูนั่น ใช่บรรพชนจ้านเทียนแห่งวังสุริยันจันทราของพวกเรารึเปล่า?”

“ไม่ผิดแล้ว! เป็นท่านบรรพจนจ้านเทียนจริงๆ!”

เมื่อเห็นใบหน้าชายชราชัดๆ ฉางไช่หลี่ตะโกนด้วยความตื่นเต้น

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด