981-982
9/10
Ep.981
หลังฆ่าหลานหยู ซูเฉินหมุนตัว กวาดสายตามองเมืองมู่กวง ในแววตาสะท้อนประกายเย็นเยียบเสียดลึกไปถึงกระดูก
เหล่าผู้แข็งแกร่งระดับเทวะเผ่าอสูรอัคคีที่ติดตามฮั่วฮวนมา หวาดกลัวจนขวัญหนีดีฝ่อ
“ซูเฉิน … ไม่สิผู้อาวุโส พวกเราผิดไปแล้ว ได้โปรดไว้ชีวิตด้วย!”
ระดับเทวะเผ่าอสูรอัคคีคุกเข่าลงกับพื้น อ้อนวอนขอความเมตตาเสียงดัง
“เผ่าอสูรอัคคี … ไม่จำเป็นต้องมีอยู่อีกต่อไป!”
ซูเฉินกล่าวอย่างเฉยเมย ขยับเท้าก้าวเดียว ตรงเข้าสังหารพวกมัน จบชีวิตเหล่าระดับเทวะลงได้อย่างง่ายดาย
จากนั้นเปิด [มิติสันโดษ] และ [พื้นที่เลี้ยงสัตว์] เรียกเหล่าผู้แข็งแกร่งและสัตว์เลี้ยงวิญญาณทั้งหมดออกมา
“นั่นเขาคิดจะทำอะไร?”
มองไปยังซูเฉินที่เรียกผู้แข็งแกร่งออกมามากมาย ชาวต่างเผ่าที่อยู่รอบๆเริ่มตื่นตระหนก
“ศิษย์น้องซู ไม่ทราบมีคำสั่งใด?”
เหลิงมู่เย่หรี่ตา กวาดมองสำรวจรอบๆ ก่อนหันมาพูดกับซูเฉิน
“สังหารล้างเมือง!”
ซูเฉินโบกมือใหญ่ ชี้ไปยังทิศทางเมืองมู่กวง
เหลิงมู่เย่และคนอื่นๆไม่ลังเลแม้แต่น้อย ทั้งหมดมุ่งหน้าบุกเข้าเมืองมู่กวง เริ่มเข่นฆ่าชาวเมือง
พวกเขาอยู่กับซูเฉินมานานแล้ว เรื่องแบบนี้เคยทำมาหลายครั้งแล้วบนแผ่นดินใหญ่ อาจเรียกได้ว่าคุ้นชินเป็นอย่างดี
ที่แท้ซูเฉินคิดทำลายเมืองมู่กวง!
ชาวต่างเผ่ารอบด้านสั่นสะท้าน แม้จะมีข่าวลือมานานแล้ว ว่าซูเฉินมักขุดรากถอนโคนศัตรู แต่พอได้เห็นกับตาตัวเอง ก็ยังอดรู้สึกตกใจไม่ได้
ณ ขณะนี้ ทั้งหมดกระจ่างแจ้งแก่ใจ ว่าท่ามกลางมิติภายนอก ห้ามมีใครล่วงเกินซูเฉินเป็นอันขาด
หากบังเอิญล่วงเกิน เกรงว่าจุดจบคงถูกล้างเผ่าพันธุ์! อ๊าาาา!
การกระทำนี้ของซูเฉิน นอกจากการลงทัณฑ์ที่เลือกปฏิบัติต่อเผ่ามนุษย์แล้ว เขายังต้องการให้ขุมกำลังทั้งหมดในมิติภายนอกรับรู้ ว่าไม่ว่าจะอยู่บนแผ่นดินใหญ่หรือท่ามกลางมิติภายนอก พวกมันก็ไม่สามารถล่วงเกินเขาได้!
และเมืองมู่กวง คือตัวอย่างที่ดีที่สุดในการเชือดไก่ให้ลิงดู!
ไม่นาน เสียงกรีดร้องโหยหวนดังออกมาจากในเมืองมู่กวง
หลังจากฮั่วฮวนและเหล่าระดับเทวะถูกสังหาร ชาวอสูรอัคคีที่เหลือก็ไม่อาจรับมือกับพวกซูเฉิน กลานเป็นลูกแกะที่รอการถูกเชือด
เมืองมู่กวงจบสิ้นแล้ว …
ชาวต่างเผ่าต่างพากันทอดถอนหายใจ
เมืองมู่กวงยืนยงอยู่ท่ามกลางมิติภายนอกเป็นเวลาหลายพันปี เคยถูกสัตว์ร้ายมิติปิดล้อมก็ตั้งหลายครั้ง จุดที่หนักหนาที่สุด คือถูกปิดล้อมเป็นสิบปี แต่ก็ยังไม่โดนทำลาย
แต่ใครจะคิด ว่าเพียงยั่วยุซูเฉิน กลับต้องล่มสลายกลายเป็นเถ้าถ่าน ช่างน่าเศร้าจริงๆ
ชาวต่างเผ่าทั้งหลายหยุดดูพักหนึ่ง ก่อนรีบแยกย้ายจากไป
เมื่อเมืองมู่กวงถูกทำลาย พวกเขาอยู่ที่นี่ต่อไปก็ไร้ความหมาย และประเด็นสำคัญก็คือ มีข่าวลือว่าซูเฉินชื่นชอบสังหารชาวต่างเผ่าเป็นชีวิตจิตใจ
หากเกิดไปขัดลูกตาซูเฉินเข้า พวกเขาคงตายทั้งๆที่ยังไม่ทันรู้สึกตัว
ผู้ชมแยกย้ายแล้ว แต่การสังหารหมู่ในเมืองมู่กวงยังคงดำเนินต่อไป กินเวลายาวนานกว่าสองชั่วโมง การฆ่าครั้งนี้จึงจบสิ้นลง
ซูเฉินเก็บชิ้นส่วนเสร็จสิ้น ก็เรียก [รถศึกอัจฉริยะ] ออกมา เดินทางจากสถานที่แห่งนี้อย่างพึงพอใจ
ครั้งนี้เป็นการสังหารล้างเมือง ผลกอบโกยมหาศาลอย่างหาที่เปรียบมิได้ ชิ้นส่วนที่ดรอปออกมาก็เกือบ 200,000 ชิ้น
นอกจากนี้ยังมีหินพลังงานระดับสูงอีกจำนวนมาก และซูเฉินยังเก็บศิลารวมวิญญาณมาได้อีกเป็นสิบก้อน
ด้วยประการฉะนี้ เท่ากับเป็นการตอกตะปูฝาโลง ว่าเพลิงอสนีเก้าวิญญาณจะสามารถเลื่อนขั้นสู่เพลิงเทวะได้อย่างแน่นอน
รอจนมันสามารถเลื่อนขั้นเป็นเพลิงเทวะได้เมื่อไหร่ ซูเฉินจะได้เริ่มฝึกฝนการผสานเวทย์สามธาตุเข้าด้วยกัน พัฒนากระบวนท่าสังหารไปอีกขั้น กำลังรบของเขาเพิ่มพูนไปอีกระดับ
นอกเหนือจากนั้น เขายังบังเอิญได้รับหุ่นเชิดระดับเทวะจากเผ่าจักรกลมาเช่นกัน บวกกับที่ได้มาก่อนหน้านี้ เท่ากับมีทั้งหมดสามตัวแล้ว
“เสี่ยวจือ มุ่งหน้าไปป้อมปราการมิติ”
ซูเฉินผ่อนลมหายใจ ออกคำสั่งแก่ [รถศึกอัจฉริยะ]
ทุกอย่างที่นี่จัดการเรียบร้อยแล้ว ถึงเวลาไปยังบ้านตระกูลฉีเพื่อพบกันฉีมู่เฟิงเสียที
10/10
Ep.982
เมืองมู่กวงอยู่ไม่ไกลจากป้อมปราการมิติ แต่หากคิดเดินทาง ยังต้องใช้เวลาหลายวัน
ซูเฉินมีชิ้นส่วนจำนวนมากต้องจัดการ เลยไม่ใส่ใจเรื่องเวลามากนัก
เขาใช้เวลาเกือบวันเต็มๆ จึงสามารถคัดแยกทั้งหมดเสร็จสิ้น
หลังจากแปลงเป็นแต้มพลังงานแล้ว จำนวนแต้มพลังงานสะสมทั้งหมดของเขา ได้ทะลุ 300,000 จุดเป็นที่เรียบร้อย
ซึ่งปริมาณนี้ หากใช้ทั้งหมดแลกเปลี่ยนคุณสมบัติเต็มรูปแบบ เขาจะสามารถกระโดดขึ้นสู่ระดับเทวะขั้น 5 ได้ทันที
เนื่องจากชิ้นส่วน [คุณสมบัติเลเวล 15 อย่างเต็มรูปแบบ] ต้องการ 80,000 แต้มพลังงาน เลเวล 16 ต้องใช้อย่างน้อย 100,000 แต้มพลังงาน ส่วนเลเวล 17 ใช้มากกว่า 200,000 แต้มพลังงาน
นั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไม 300,000 แต้มพลังงานแม้ดูเหมือนเยอะ แต่อันที่จริงแล้วไม่สามารถแลกเปลี่ยนได้ถึงขนาดนั้น
นอกจากนี้ เขายังต้องระวังไม่ให้นักพรตเทียนซ่านแหกกฏ จึงไม่สามารถเลื่อนขั้นอย่างต่อเนื่องได้
ซูเฉินนึกทบทวนอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายตัดสินใจเก็บแต้มสำรองไว้แสนแต้ม ส่วนที่เหลือนำไปยกระดับเหล่าสัตว์เลี้ยงวิญญาณและคนอื่นๆ
ต่อมา เขาแลกเปลี่ยน [โพชั่นกายภาพ] ของแต่ละขั้น แจกจ่ายทุกคน จากนั้นเปิด [พื้นที่เพาะปลูก] สนทนากับต้นผลอายุวัฒนะ
“เสี่ยวโซ่ว ต้นไม้แห่งชีวิตเป็นยังไงบ้างแล้ว?”
เนื่องจากได้รับอสูรเทพปลุกพลังมา และความสามารถของมันนั้นไม่ธรรมดา เลยเป็นเหตุผลที่ว่า เขาต้องการให้อสูรเทพปลุกพลังยกระดับขึ้นโดยเร็วที่สุด
และเงื่อนไขในการยกระดับของมัน คือต้องกลืนกินของเหลววิญญาณในปริมาณมาก หากต้นไม้แห่งชีวิตเติบโตขึ้น แล้วสามารถสร้างของเหลววิญญาณได้ บวกกับน้ำอมฤตที่ผลิตจากน้ำพุแห่งวิญญาณ คงช่วยได้เยอะ
“เจ้านาย ต้นไม้แห่งชีวิตตอนนี้สูงครึ่งเมตรแล้ว อัตราการเติบโตของมันรวดเร็วมาก แต่ถ้าจะให้ถึงวัยผู้ใหญ่ ยังต้องใช้เวลาอีกสักพัก” ต้นผลอายุวัฒนะกล่าว
ซูเฉินพยักหน้า จากนั้นกล่าวสัพเพเหระกับเสี่ยวโซ่วอยู่พักหนึ่ง แล้วปิด [พื้นที่เพาะปลูก ]
การเติบโตของต้นไม้แห่งชีวิต มีความสำคัญอย่างใหญ่หลวง
ต้นผลสายฟ้าห้าสายและพืชวิญญาณอื่นๆต้องการของเหลววิญญาณจากมันเพื่อช่วยชีวิต ดังนั้น น้ำอมฤตที่แปลงจากน้ำพุแห่งชีวิตจึงจำเป็นต้องป้อนให้แก่ต้นไม้แห่งชีวิตก่อนเท่านั้น
บวกกับเพื่อยกระดับอสูรเทพปลุกพลัง อาจจำเป็นต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งก่อน
หลังจากนั้น ซูเฉินหลับตาพักผ่อน แม้เพิ่งเข้าสู่มิติภายนอกได้ไม่นาน แต่เขาก็ได้เตร่ไปทั่ว เรียกได้ว่าเหนื่อยล้าทั้งกายและใจ จำเป็นต้องๆได้รับการพักผ่อนที่ดี
…
[รถศึกอัจฉริยะ] บินติดต่อกันสามวัน ระหว่างนั้นไม่พบเจออุปสรรคใดๆ ช่วงเวลานี้ พวกเขาอยู่ห่างจากป้อมปราการมิติไม่ถึง 10,000 ไมล์แล้ว แต่ในตอนนั้นเอง เสียงเตือนได้ดังขึ้น “เจ้านาย ตรวจพบการดำรงอยู่ของระดับเทวะจำนวนมาก”
“เป็นเผ่าพันธุ์ไหน?” ซูเฉินกล่าวอย่างสบายๆ
ปัจจุบันเขากำลังรีบไปยังป้อมปราการมิติ หากอีกฝ่ายไม่สร้างปัญหา ซูเฉินก็ไม่คิดสนใจมัน
“มีเผ่าเทพ เผ่าปีศาจราตรี เผ่าอสูรศักดิ์สิทธิ์ และ … เผ่ามนุษย์อีกสองคน” [รถศึกอัจฉริยะ] รายงานสถานการณ์
มีเผ่ามนุษย์อยู่ด้วยงั้นหรอ?
ซูเฉินค่อยๆลืมตาขึ้น ออกคำสั่งว่า “เสี่ยวจือ ส่งภาพระดับเทวะเผ่ามนุษย์ขึ้นจอที”
มีระดับเทวะเผ่ามนุษย์อยู่ไม่มากแล้ว เขาสงสัยว่านั่นอาจเป็นบรรพชนจ้านเทียนใช่หรือไม่
เพราะก่อนเข้าสู่มิติท้ารบ เขาได้อธิบายกับมู่เซี่ยงข่ายไป ให้อีกฝ่ายกลับไปส่งข่าวและปล่อยตัวบรรพชนจ้านเทียน จากนั้นให้นำมาส่งที่ป้อมปราการมิติอย่างปลอดภัย
สถานที่แห่งนี้อยู่ห่าจากป้อมปราการมิติไม่ถึง 10,000 ไมล์ มีโอกาสสูงที่หนึ่งในมนุษย์ระดับเทวะคือบรรพชนจ้านเทียน
หน้าจอควบคุมส่วนกลางสลับสับเปลีย่น ไม่นาน ร่างของชายสองคนก็ปรากฏตัวขึ้น
หนึ่งในนั้นคือมู่เซี่ยงข่าย อีกคนเป็นชายผมบาง เป็นชายชราหน้าตาซีดเซียว
ซูเฉินไม่เคยเห็นบรรพชนจ้านเทียนมาก่อน แต่ฉางไช่หลี่ต้องรู้จักอย่างแน่นอน
เขาเปิด [มิติสันโดษ] เรียกฉางไช่หลี่ออกมา แล้วเอ่ยถามว่า “ท่านประมุข รบกวนดูนั่น ใช่บรรพชนจ้านเทียนแห่งวังสุริยันจันทราของพวกเรารึเปล่า?”
“ไม่ผิดแล้ว! เป็นท่านบรรพจนจ้านเทียนจริงๆ!”
เมื่อเห็นใบหน้าชายชราชัดๆ ฉางไช่หลี่ตะโกนด้วยความตื่นเต้น