312 - นับแต่นี้ไม่มีพระพุทธเจ้า
312 - นับแต่นี้ไม่มีพระพุทธเจ้า
"หยุดอยู่ตรงนั้น!"
องครักษ์ขององค์ชายต้าเซี่ยมองไปที่เย่ฟ่านราวกับว่าเขากำลังป้องกันองค์หญิงของพวกเขาจากหมาป่าเจ้าเล่ห์
เหยาซียิ้มหวานและเดินไปข้างหน้า ความอบอุ่นจากรอยยิ้มของนางทำให้ท่าทางเย็นชาขององครักษ์เหล่านั้นอ่อนลงอย่างชัดเจน
แน่นอนว่าเสน่ห์ของความงามอันสูงสุดนั้นไร้ขอบเขต เพียงแค่กระซิบคำไม่กี่คำองครักษ์เหล่านั้นก็อนุญาตให้ทั้งสองเดินผ่าน
“ฝ่าบาท ......” เย่ฟ่านทักทายด้วยรอยยิ้ม
แม่ชีตัวน้อยในชุดขาวไม่สนใจเขา ดวงตาโตของนางยังคงจับจ้องอยู่ที่ไม้เท้าวัชระตลอดเวลา
“แม่ชีน้อย ไม่มาดูใกล้ๆหน่อยเหรอ?” เย่ฟ่านถามด้วยรอยยิ้มที่สงบ
เมื่อได้ยินเช่นนั้นผู้บัญชาการทหารและทหารองครักษ์คนอื่นก็คำรามออกมาด้วยความไม่พอใจ
“เจ้ากล้าดียังไงที่ปฏิบัติต่อองค์หญิงด้วยความไม่เคารพเช่นนี้!”
มันเป็นธรรมดาที่คนเหล่านี้จะรู้สึกโกรธ พวกเขามีอคติต่อเย่ฟ่านอยู่แล้ว มันเหมือนกับว่าเขาเป็นหมาป่าเจ้าเล่ห์ที่กำลังล่อหลอกลูกแกะตัวน้อย
“คนโกหก มันต้องเป็นของปลอม!” ทันใดนั้นแม่ชีตัวน้อยก็เปิดปากพูดเป็นครั้งแรก น้ำเสียงของนางไพเราะราวกับนกกระจิบร้องเพลง
"อะไรคือของปลอม นี่คือของที่ระลึกของศากยมุนีจริงๆ" เย่ฟ่านชั่งน้ำหนักไม้เท้าที่หักในมือของเขา
"ข้า ...... อยากดู" แม่ชีน้อยชุดขาวเขินอายเล็กน้อย
เย่ฟ่านยื่นมันไปข้างหน้าอย่างไม่ใส่ใจ
“นี่คือ ......” ดวงตาอันงดงามของแม่ชีตัวน้อยเบิกกว้าง นางพูดตะกุกตะกักว่า “มี ...... ลมหายใจของพระพุทธเจ้าจริงๆ”
ในขณะเดียวกันดวงตาของเหยาซีก็จับจ้องไปยังเย่ฟ่านด้วยความสนใจ
“เจ้ากำลังพูดถึงพระพุทธเจ้าองค์ใด” เย่ฟ่านถามและมันก็เป็นเรื่องธรรมดาที่จะเอาไม้เท้ากลับคืนมา
"โดยธรรมชาติแล้ว ย่อมหมายถึงพระพุทธเจ้าองค์เดียวของโลก" แม่ชีน้อยดูเหมือนจะไม่รู้ถึงความแตกต่าง
“นั่นแสดงว่าเป็นองศากยมุนีแล้ว?”
เย่ฟ่านไม่สามารถรอโอกาสดังกล่าวได้ ดังนั้นเขาจึงต้องถามอย่างละเอียด
“ใครคือศากยมุนีข้าไม่รู้” นัยน์ตาโตของนางหรี่ลงและหันกลับมา นางบริสุทธิ์ไร้เดียงสาสทำให้ยากที่จะบอกได้ว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือไม่
“พระพุทธเจ้าของท่านไม่มีชื่อและพระนามหรือ?”
“พระพุทธเจ้าคือพระพุทธเจ้า ไม่มีชื่อพิเศษอื่นใด” แม่ชีน้อยตอบอย่างไร้เดียงสา
"น่าแปลก!" เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ทันใดนั้นนางอุทานออกมาด้วยความประหลาดใจและพูดว่า “มันมีสัญลักษณ์อสูรอยู่บนพุทธภาชนะพวกนี้ มันไม่ใช่สมบัติของพระพุทธเจ้าจริงๆ”
“เจ้ากำลังพูดเรื่องอะไร?” เย่ฟ่านชูทั้งไม้เท้าและตะเกียงโบราณและกล่าวว่า "นี่มันเต็มไปด้วยกลิ่นอายศักดิ์สิทธิ์อย่างชัดเจน จะมีพลังอสูรได้อย่างไร"
"มีชัดๆ" นางยื่นมือเล็กๆจับของวิเศษทั้งสองชิ้นพร้อมกับใช้สมาธิเพื่อศึกษาบางอย่าง หลังจากนั้นนางก็กล่าวว่า
“นี่เป็นรัศมีของผู้ทรยศแห่งพุทธศาสนา แม้ว่าจะมีพลังอันแกร่งกล้าแต่เขาไม่ใช่พระพุทธเจ้า”
ในฐานะพุทธศาสนิกชนเย่ฟ่านคำรามออกมาด้วยความไม่พอใจ แม่ชีตัวน้อยบอกว่าศากยมุนีเป็นคนทรยศต่อศาสนาพุทธ? เป็นไปได้ยังไง!
“นี่คือลมหายใจของศากยมุนี เจ้าไม่ได้พูดถึงเขาใช่ไหม”
“ผู้ทรยศที่ใหญ่ที่สุดของพระพุทธศาสนา!” แม่ชีตัวน้อยดูเหมือนถูกแมงป่องต่อย นางรีบโยนสมบัติวิเศษที่อยู่ในมือทิ้งทันที
“เจ้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าใครคือศากยมุนี เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าเขาคือคนทรยศ”
"ข้าจะรู้สึกถึงลมหายใจนี้เหมือนคนทรยศ" แม่ชีตัวน้อยของแก้มด้วยความโกรธ
“งั้นข้าจะนำเสนอสิ่งดีๆ อีกประการหนึ่งให้เจ้าดู”
เย่ฟ่านนำไม้เท้าและตะเกียงโบราณกลับไป หลังจากนั้นเขาก็นำลูกประคำที่ทำจากสารีริกธาตุออกมา
ดวงตาของแม่ชีตัวน้อยเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว มือของนางพยายามแย่งชิงลูกประคำเส้นนั้นราวก็ว่ามันเป็นสมบัติล้ำค่าที่สุดในโลก
แม้ว่าแม่ชีตัวน้อยจะบอกว่าลูกประคำเส้นนี้ปนเปื้อนลมหายใจของคนทรยศแต่นางก็ยังมีความสนใจต่อลูกประคำนี้เป็นอย่างมาก
"เกิดอะไรขึ้น?" เย่ฟ่านกดคำถาม
“ไม่มีอะไร” แม่ชีตัวน้อยตอบอย่างไม่ใส่ใจ แต่กำลังลูบคลำลูกประคำอย่างระมัดระวังเอาใจใส่
“เกิดอะไรขึ้นกับศากยมุนีกันแน่” เย่ฟ่านยิ้มและมองไปที่นาง
“ข้าก็บอกแล้วไงว่าไม่มีอะไร” แม่ชีตัวน้อยหันลูกประคำไปที่ดวงอาทิตย์และเฝ้าดูอย่างตั้งใจ เห็นได้ชัดว่าไม่ต้องการพูดอะไรเพิ่มเติม
“จะไม่มีได้อย่างไร ไม่มีทางที่คนเราจะหายตัวไปเฉยๆอย่างแน่นอน”
“ที่ข้าพูดก็เรื่องจริง”
แม่ชีน้อยยิ้มอย่างไม่พอใจอย่างยิ่ง ความไม่พอใจของนางมาจากการที่นางไม่สามารถมองเห็นอะไรจากพระธาตุได้
อย่างไรก็ตามพระธาตุทั้งหกลูกก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แม่ชีตัวน้อยจึงหยิบอุปกรณ์บางอย่างออกมาเพื่อเปิดดูสิ่งที่อยู่ภายในโดยตรง
เย่ฟ่านรีบพุ่งออกไปหยุดและพูดว่า
“เจ้ากำลังทำอะไร หยุด”
“ข้าอยากจะเปิดมันออกแล้วดูว่ามีอะไรอยู่ข้างใน” แม่ชีตัวน้อยยืนกราน ในขณะที่ใบมีดของนางก็จมลงไปในพระธาตุ
“นั่นคือสายประคำของข้า”
“ข้าไม่เคยบอกว่ามันเป็นของข้า” แม่ชีตัวน้อยพึมพำตอบแต่ยังคงดิ้นรน
เส้นสีดำผุดขึ้นจากหน้าผากของเย่ฟ่าน ในเวลานี้เขาโกรธเกรี้ยวอย่างถึงที่สุด
“ไม่ใช่ของเจ้า และเจ้ายังต้องการตัดมันออก?” เขารีบยื่นมือออกไปและคว้าไปข้างหน้าพยายามดึงสายประคำกลับคืนมา
“อย่าใจแคบนักเลย ขอเวลาอีกสักพัก” เสื้อผ้าสีขาวของแม่ชีตัวน้อยโบกสะบัด ในขณะที่มือเล็กๆของนางยังคงเคลื่อนไหวอย่างแน่วแน่
ในขณะนั้นแม่ชีตัวน้อยๆได้สร้างมิติใบเล็กๆขึ้นมาห่อหุ้มลูกประคำอยู่ภายในให้ตัดขาดจากโลกภายนอก
เมื่อเห็นเช่นนั้นใบหน้าของเย่ฟ่านก็เขียวคล้ำดำมืด เขาคำรามออกมาว่า
"เจ้าทำให้ข้าโกรธแล้ว"
นิ้วฝ่ามือของเย่ฟ่านพุ่งผ่านเข้าไปในมิติใบเล็กๆนั้น มันเคลื่อนไหวราวกับมังกรและยิงแสงหมอกเก้าดวงออกมา แต่ละดวงเหมือนมังกรสวรรค์กระโจนเข้าใส่พระธาตุศักดิ์สิทธิ์
“ใช่ นี่คือ ......” แม่ชีตัวน้อยประหลาดใจ
พลังที่เย่ฟ่านใช้ออกมานั้นมีลักษณะคล้ายกับปราณมังกรจักรพรรดิของพี่ชายนาง ดังนั้นนางจึงตกตะลึงเป็นอย่างมากและไม่สามารถต่อต้านได้ทันเวลา
“นี่เป็นทักษะลับแบบไหนกัน?”
สตรีศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงจิตใจหนาวเหน็บ นางมองเห็นสิ่งทั้งหมดนี้อย่างชัดเจน มันทำให้นางรู้สึกสะท้านหวั่นไหวเป็นอย่างมาก
ญาณวิเศษลับทั้งเก้านั้นมีความพิเศษเฉพาะตัวแต่มันหายสาบสูญจากโลกไปนานแล้วซึ่งเป็นเรื่องยากที่ผู้คนจะนำมาเชื่อมโยงกับสิ่งที่เย่ฟ่านแสดงออกมาเมื่อสักครู่
“ขอดูอีกรอบ” แม่ชีน้อยในชุดขาวขอร้อง
“บอกมาว่าศากยมุนีเป็นยังไงกันแน่” เย่ฟ่านยิ้มและถือสายประคำไว้ในฝ่ามือ
“ข้าไม่รู้จริงๆว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะชื่อนี้ดูเหมือนจะถูกลบไปจากประวัติศาสตร์แล้ว และไม่พบอะไรเกี่ยวกับเขาอีก” แม่ชีตัวน้อยในชุดขาวมีสีหน้าจริงจัง
“ข้าไม่เชื่อที่เจ้าพูด” เย่ฟ่านบิดลูกปัดลูกประคำอย่างอ่อนโยนและส่ายหัวด้วยรอยยิ้ม
แม่ชีน้อยชุดขาวแก้มป่องและจ้องมาที่เขาด้วยตากลมโตแล้วพูดว่า
"ก็ได้ข้าจะบอกเจ้าทุกอย่าง”
“งั้นก็บอกรายละเอียดมาสิ ข้าจะล้างหูแล้วฟัง”
“นับแต่นี้ไปศาสนาพุทธไม่มีพุทธเจ้า!” องค์หญิงน้อยแห่งต้าเซี่ยกล่าวอย่างเคร่งขรึม
"นั่นหมายความว่าอย่างไร?" เย่ฟ่านถามอย่างละเอียด
"นี่เป็นบทสรุปที่ข้าพเจ้าได้อ่านหลังจากอ่านพระไตรปิฎกหลายเล่ม ใจความสำคัญสุดท้ายมีเพียงเท่านี้" แม่ชีตัวน้อยในชุดขาวพูดอย่างจริงจัง
“แม่ชีน้อยกำลังโกหก” เย่ฟ่านส่ายหัว
“ข้ากล้าสาบานต่อหน้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมด นี่คือสิ่งที่เขียนไว้ในพระไตรปิฎกอย่างชัดเจน” แม่ชีตัวน้อยดูเหมือนต้องการให้เย่ฟ่านเชื่อให้ได้
“จากนี้ไปพระพุทธศาสนาไม่มีพุทธองค์” เย่ฟ่านลูบคาง ประโยคนี้อาจนำไปสู่การค้นหาไม่รู้จบ สุดท้ายเกิดอะไรขึ้น?
หากพระพุทธเจ้าองค์นี้ไม่ใช่พระพุทธเจ้าองค์เดิม แล้วใครคือคนที่อยู่บนเขาพระสุเมรุ?