ฟ้าส่งข้ามาเติมรัก บทที่16
ตื่นเช้าขึ้นมา ทุกคนในบ้านยังคงดำเนินการทุกอย่างเหมือนเดิม หลังจากการกินข้าวเช้า หญิงสาวจึงปล่อยบุตรชายทั้งสองออกไปเล่นหน้าบ้าน ก่อนจะปรึกษาสามีเรื่องที่นางคิดมาตลอดคืน
"ท่านพี่ ข้าอยากจะซื้อที่และสร้างบ้านใหม่ ท่านจะว่าอย่างไรเจ้าคะ"
หานตงรู้ดีว่า ที่ภรรยาคิดเรื่องนี้ขึ้น เพราะบันทึกแผ่นนั้น การหาหนทางรอดให้ตนเองและครอบครัว ก่อนที่จะเกิดอะไรขึ้น เป็นหนทางที่ดีที่สุดในตอนนี้
"พี่เห็นด้วยกับเจ้า แล้วเจ้าอยากได้ที่ตรงไหนเล่า"
"ข้าอยากได้ที่ตรงบริเวณลำธารค่อนขึ้นไปทางบึงบัวเจ้าค่ะ"
"แต่บริเวณนั้น พื้นดินที่เหมาะแก่การเพาะปลูกแทบจะไม่มีเลยนะ"
"ท่านพี่เจ้าขา ข้าหาได้ต้องการพื้นที่เพาะปลูกไม่เจ้าค่ะ แต่ข้าต้องการสิ่งที่อยู่ในน้ำ กับบึงบัวนั้นต่างหาก"
"เอาแบบนี้เถอะ พี่ว่าเงินที่เจ้าได้มาก็ไม่น้อย น่าจะซื้อที่บริเวณด้านข้างเพิ่มขึ้นมาอีกสักหน่อย ดินตรงนั้นสามารถเพราะปลูกได้ดี พี่จะเก็บไว้ปลูกพวกพืชผัก ที่เจ้าชอบเก็บมาจากบนเขาดีหรือไม่"
หญิงสาวตาสว่างวาบ สามีของนางช่างรอบคอบดีแท้
"งั้นวันนี้ท่านพี่เร่งดำเนินการเลยนะเจ้าคะ ข้าคิดว่าอีกไม่กี่วันหากท่านยังไม่เข้าไปบ้านของท่านแม่ พวกเขาต้องส่งคนมาตามอีกแน่ๆ ข้าอยากมีที่ทางของตัวเอง มากกว่าจะต้องมาอยู่ในที่ทางของคนอื่นเช่นนี้"
"งั้นเดี๋ยวพี่จะออกไปเลย พี่จะพาเจ้าใหญ่เจ้ารองไปด้วย หากใครถามพี่จะได้บอกว่าพาบุตรชายไปสอบถามเรื่องสำนักศึกษา"
หญิงสาวยิ้มแก้มปริ่ม จริงๆ แล้วสามีของนางฉลาดยิ่ง เมื่อเขาไม่คิดจะเสียเปรียบคนอื่น ทั้งฝีมือและความรอบคอบล้วนแล้วแต่ไม่เป็นรองใคร
เมื่อสามีพาบุตรชายออกไปแล้ว นางเห็นว่าซินเซียงยังมาไม่ถึง นางจึงนำกระดาษและเครื่องเขียนออกมาร่างแบบบ้านในฝันของนางแบบคร่าวๆ
บ้านหลังนี้นางต้องการสร้างชั้นล่างเป็นอิฐ ชั้นบนเป็นไม้ โดยห้องนอนทั้งหมดจะอยู่ชั้นบน รวมไปถึงห้องทำงานของนางที่จะมีระเบียงด้านข้างขนาดกว้างพอสมควรตั้งอยู่ด้านนอก
นางหลับตาลงนึกถึงภาพระเบียงไม้ มีกันสาดกันแดดกันฝน ยามที่อากาศดีๆ สี่คนพ่อแม่ลูกได้ออกมานั่งรับลมเย็นๆ พร้อมวิวทิวทัศน์สวยๆ แค่นี้ก็มีความสุขมากแล้ว
หญิงสาวร่างแบบด้านบนของบ้านเรียบร้อย ต่อไปก็หันมาร่างแบบบ้านด้านล่างต่อ
อืม แบบด้านล่างต้องมีห้องโถงรับแขก ห้องครัว ห้องเก็บของ อ๊ะ ห้องโถงแบ่งเป็นสองชั้นจะดีกว่า
เอ๊ะ ห้องเก็บของต้องกว้างกว่านี้อีกหน่อย หญิงสาวปรับปรับแก้แก้อยู่กับความคิดของตัวเอง จนไม่ได้ยินเสียงครอบครัวซินเซียงที่เดินเข้ามา
"พี่สะใภ้ ท่านทำอะไรอยู่เจ้าคะ ข้ายืนเรียกอยู่นาน ไม่เห็นท่านตอบ จึงถือวิสาสะเดินเข้ามาดู"
"อ้าวพวกเจ้ามากันแล้วเหรอ ขอโทษทีข้ามัวแต่คิดอะไรเพลินไปหน่อย"
"สิ่งนี้เรียกว่าอะไรเจ้าคะ ข้าเห็นท่านขีดๆ เขียนๆ อยู่นานแล้ว"
"สิ่งนี้เรียกว่าแบบบ้าน มาๆ เจ้ากับท่านแม่นั่งลงก่อนเซียนเหยาเจ้าก็ด้วย เดี๋ยวข้าจะอธิบายให้เจ้าฟัง"
เว่ยเหนียนเหยาใช้ความสามารถส่วนตัว ในการสร้างจินตนาการให้อีกฝ่ายฟังอีกครั้ง ทุกคนคิดภาพตามจินตนาการ การบรรยายขั้นเทพของนาง
ทั้งสามคนต่างคิดเหมือนกันว่า หากได้อยู่ในบ้านแบบนี้ในชีวิตก็ตายตาหลับแล้ว
"แล้วห้องด้านนอกคือห้องอะไรเจ้าคะ"
"อ๋อ อันนี้คือห้องอาบน้ำและห้องปลดทุกข์นะ คือแบบนี้นะ....."
หลังจากซินเซียงฟังการสาธยายเรื่องห้องอาบน้ำและห้องปลดทุกข์ของเว่ยเหนียนเหยา ระดับความนับถือในใจก็เพิ่มขึ้นไปอีก
หญิงสาวเดินเอากระดาษเขียนแบบไปเก็บ ก่อนจะนำผืนผ้าที่ตัดเตรียมไว้สำหรับทำผ้าเช็ดหน้าออกมา นางลงมือเย็บขอบริมให้ซินเซียงดูก่อนหนึ่งรอบ จากนั้นจึงลองให้ซินเซียงลองทำดู
ซินเซียงถือว่าเป็นนักเรียนที่หัวไว ลองผิดลองถูกอยู่สามสี่ครั้ง ผลงานก็ออกมาเป็นที่น่าพอใจ นางลี่สือหลินเห็นแบบนั้นก็อดคันไม้คันมือไม่ได้ นางเคยเป็นช่างเย็บฝีมือดีมาก่อน เสียดายแต่ว่า เมื่อแต่งงานแล้ว สามีไม่ยอมให้เข้าไปทำงานในตัวเมือง นางจึงได้แต่ใช้ฝีมือปะชุนเสื้อผ้าให้กับสามีและลูกๆ เท่านั้น
เมื่อคืนหลังจากที่ตามบุตรเขยและบุตรสาวกลับบ้านไป นางเห็นข้าวของกองอยู่มากมาย จนนางแทบจะเป็นลมด้วยความตกตะลึง
หลังจากเก็บข้าวของและจัดการปูที่หลับที่นอนใหม่แล้ว บุตรเขยจึงส่งถุงเงินที่ได้รับมาให้บุตรสาวของนาง เมื่อบุตรสาวเทเงินออกมาดูในนั้นมีเงินอยู่ถึงห้าตำลึงทอง นางเห็นมือของบุตรสาวสั่นเล็กน้อย ก่อนจะคว้าถุงเงินที่ตัวเองได้รับออกมาเทดูบ้าง ก้อนเงินสีทองกลิ้งออกมาอยู่บนฝ่ามือของบุตรสาวอีกห้าก้อน
ตอนนี้นางเข่าอ่อนทรุดตัวลงไปอย่างแท้จริง เงินสิบตำลึงทอง อย่าว่าแต่เงินสิบตำลึงทองเลย ในชีวิตนางยังไม่เคยได้จับเงินก้อนสักตำลึงเดียวเลย
นางรีบสั่งสอนบุตรเขย และบุตรสาว รวมไปถึงหลานชาย ว่าห้ามแพร่งพรายเรื่องนี้ออกไป เพราะอาจจะนำภัยไปสู่ผู้มีคุณ พร้อมทั้งเน้นย้ำให้รู้จักกตัญญูและเชื่อฟังครอบครัวของเว่ยหานตงอีกด้วย
นางลี่สือหลินช่วยคอยแนะนำฝีมือการเย็บให้บุตรสาว ทั้งยังลงมือ ช่วยนำผ้ามาเย็บเพิ่มอีกด้วย
ผ่านไปไม่นาน หานตงก็เดินกลับมาพร้อมกับเซียนย้งและเด็กๆ ด้านหลังพวกเขายังมีบุรุษวัยกลางคนรูปร่างสูงใหญ่เดินตามมาด้วย
"พี่สะใภ้ นี่คือนายช่างหวังขอรับ"
"นายช่างหวัง"
หญิงสาวทำความเคารพฝ่ายที่สูงวัยกว่าอย่างอ่อนน้อม
"ฮูหยินไม่ต้องเกรงใจ น้องชายท่านนี้บอกว่าท่านมีงานต้องการ ให้ข้าทำใช่หรือไม่ขอรับ"
"ต้องขอโทษด้วยที่บ้านข้าคับแคบไปสักหน่อย ซินเซียงเจ้าไปรินน้ำมารับรองนายช่างหวังแทนพี่หน่อยเถิด เดี๋ยวพี่จะรีบเข้าไปเอาแบบร่างในห้องมาก่อน"
หญิงสาวรีบเดินกลับเข้าห้องก่อนจะคว้ากระดาษแบบร่างออกไป เมื่อออกมาถึงห้องโถง เห็นเพียงหานตงและเซียนย้งนั่งคุยเป็นเพื่อนนายช่างหวังอยู่เท่านั้น
ส่วนคนอื่นๆ ขนข้าวของออกไปนั่งทำที่แคร่หน้าบ้านแทน หญิงสาวส่งภาพงานแรกให้นายช่างหวังดู
"สิ่งนี้ข้าเรียกมันว่าสะดึงเจ้าค่ะ มันทำมาจากไม้วงกลมซ้อนกันสองอัน ตรงด้านล่างจะมีที่ยึดไม้ทั้งสองเข้าด้วยกัน ส่วนอันนี้ข้าต้องการให้มีฐานข้างล่างสำหรับตั้งวางได้ ส่วนตรงกลางเป็นไม้สูงขึ้นมาประมาณนี้ อ๋อต้องขัดมันให้เรียบร้อยด้วยนะเจ้าค่ะ อย่างสุดท้ายเป็นโต๊ะกลมสำหรับกินข้าว ด้านในข้าอยากให้ใช้ไม้แยกอีกชิ้น ให้มันสามารถหมุนได้โดยรอบ ส่วนเก้าอี้ข้าขอตามแบบของผู้ใหญ่เจ็ดตัว เด็กสามตัวเจ้าค่ะ"
นายช่างหวังรับแบบที่นางร่างมาดู หญิงสาวคนนี้เขียนแบบต่างๆ ไว้อย่างละเอียด ดูแล้วสามารถทำความเข้าใจได้โดยง่าย หากแต่โต๊ะกินข้าวที่นางสั่งทำมันจะใหญ่โตเกินไปกระมัง
หากนำมาตั้งในห้องนี้ แทบจะกินพื้นที่เกินสามส่วนของห้องทีเดียว แต่เรื่องแบบนี้หาใช่เรื่องที่จะคิดแทนผู้จ้างวาน หน้าที่ของเขาเพียงแต่ทำงานของตนให้ออกมาดีเท่านั้น
"งานชิ้นแรกไม่ยากมากนัก ข้าสามารถนำส่งให้ได้ภายในวันพรุ่งนี้ ส่วนงานชิ้นที่สองข้าขอเวลาสองวัน แต่งานชิ้นสุดท้าย ข้าต้องเข้าไปเลือกดูไม้ในตัวเมือง และต้องใช้เวลานานสักหน่อย ข้าขอกำหนดส่งงานอีกยี่สิบวัน ส่วนราคาค่าใช้จ่ายทั้งหมด ค่าคิดรวมเป็นเงินทั้งสิ้น 1ตำลึงทอง กับ 2 ตำลึงเงิน ท่านจะว่าอย่างไรขอรับ"
ถือว่าเป็นราคาที่นางยังพอรับไว้ อีกทั้งกำหนดส่งงานก็เร็วเกินคาด นางจึงส่งกระดาษอีกแผ่นให้หานตงร่างสัญญาจ้างให้เรียบร้อย ก่อนจะนำเงินมัดจำส่งให้นายช่างหวังไปหนึ่งตำลึงทอง
เมื่อส่งนายช่างหวังกลับไปแล้ว ก็กลับมานั่งหารือเกี่ยวกับการซื้อที่อีกครั้ง
"อาเหยา พี่ไปหาผู้ใหญ่บ้านมาแล้ว คำนวณกันโดยคราวๆ ที่ที่พวกเราต้องการอยู่ที่ประมาณยี่สิบหมู่ ที่ตั้งแต่บึงบัวลงมาประมาณสิบห้าหมู่ไม่สามารถเพราะปลูกได้ ขายอยู่ที่ หมู่ละสามตำลึงทอง ส่วนอีกห้าหมู่เหมาะสำหรับการเพาะปลูกขายที่หมู่ละสี่ตำลึงทอง รวมทั้งหมดเป็นเงิน หกห้าตำลีงทอง เจ้าเห็นว่าเป็นอย่างไร"
"ถ้าอย่างนั้นเรื่องนี้ ข้ายกให้ท่านจัดการเจ้าค่ะท่านพี่ เดี๋ยวพรุ่งนี้ท่านติดเงินไปสักหนึ่งร้อยตำลึงทอง สิ่งใดควรเสีย ก็อย่าเสียดาย หลังจากเสร็จเรื่องกับผู้ใหญ่บ้านแล้วข้าอยากให้ท่านเข้าไปดำเนินเรื่องในเมืองให้เรียบร้อยด้วย อ๋อ ท่านนำบันทึกแผ่นนั้นไปทำให้ถูกกฎหมายในเมืองด้วยนะเจ้าคะ ต่อไปจะได้ไม่เป็นปัญหา"
บันทึกแผ่นที่หานตงนำมา ถือว่าเป็นบันทึกภายในตระกูล ยังไม่มีการรับรองอย่างเป็นทางการ หากบิดามารดาเห็นว่าสมควรยกเลิก ก็สามารถแจ้งให้ผู้นำตระกูลยกเลิกได้โดยง่าย
นางคิดว่าครอบครัวแม่สามีคงคิดแผนทางหนีที่ไล่ไว้แล้วว่า สามีของนางเป็นคนกตัญญูไม่มีทางไปขอดูบันทึกเป็นแน่ หากสามีของตนได้ดีก็แค่ขอให้ผู้นำตระกูลยกเลิกบันทึกแผ่นนั้นไปเสีย กลับกัน หากครอบครัวของสามีนางโชคร้าย ทางบ้านแม่สามีก็ไม่ต้องรับผิดชอบอะไร
ทุกครั้งที่จดบันทึกตระกูล บันทึกจะถูกทำขึ้นมาสามแผ่น
แผ่นที่หนึ่งเก็บไว้ที่ผู้นำตระกูล อีกสองแผ่นจะส่งให้กับคู่กรณี ซึ่งแน่นอนอีกหนึ่งแผ่นต้องอยู่กับพ่อแม่ของสามีแล้ว ส่วนอีกหนึ่งแผ่นสามีของนางเพิ่งจะไปนำมา
การที่จะทำให้บันทึกมีผลตามกฎหมาย ต้องนำไปให้เจ้าหน้าที่ส่วนกลางลงตราประทับรับรอง วันพรุ่งนี้นางจะให้สามีของนางจัดการทุกสิ่งทุกอย่างให้เรียบร้อย ก่อนที่ความวุ่นวายครั้งใหญ่จะตามมา
"ท่านพี่ อาย้ง ข้ามีอีกสิ่งหนึ่งจะปรึกษา นี่เป็นแบบบ้านที่ข้าร่างขึ้น แต่ข้าคิดจะสร้างให้เหมือนกันขึ้นมาสองหลัง ข้าอยากให้เจ้ากับซินเซียงย้ายเข้ามาอยู่ด้วยกัน"
เซียนย้งนั่งนิ่งไปแล้ว เขาคิดไม่ถึงว่าพี่สะใภ้จะดีกับเขาถึงเพียงนี้ ที่ดินที่เขาปลูกบ้านเป็นที่ที่ทางการจัดสรรขึ้นมาให้เช่า ไม่ใช่ที่ที่สืบทอดจากบรรพบุรุษเหมือนของคนอื่น ดังนั้นทุกปีจะต้องเสียค่าเช่าบำรุงปีละสามร้อยอีแปะให้กับทางการ
ทุกๆ ปีเขากับภรรยาต้องอดมื้อกินมื้อ เพื่อจะเก็บเงินส่วนนี้ให้ครบ เมื่อวานที่เขาเห็นเงินก้อนนั้น ยังคิดอยู่เลยว่า คงจะไม่ต้องทนอดมื้อกินมื้อเพื่อหาเงินเก็บไว้สำหรับจ่ายค่าบำรุงอีกนาน
มาตอนนี้พี่สะใภ้ถึงกับจะสร้างบ้านให้พวกเขาเข้ามาอยู่ด้วยกัน ชายหนุ่มถึงกับตาแดงกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่
"ขอบคุณพี่สะใภ้ ขอบคุณขอรับ"
ส่วนหานตงกับจับมือข้างหนึ่งของภรรยาไว้อย่างตื้นตัน เขารู้ว่านางทำไปเพื่อตอบแทนเซียงย้งและครอบครัว แต่ไม่คิดว่านางจะมีน้ำใจถึงเพียงนี้
"อาย้งข้ามอบงานเรื่องการสร้างบ้านให้เจ้าดูแล จำไว้ หากมีคนถามถึงให้เจ้าบอกว่ามีคนจ้างมาดูแล ห้ามเปิดเผยทุกสิ่งก่อนที่บ้านจะเสร็จเรียบร้อย ส่วนการสร้างเจ้าให้นายช่างหาคนเข้ามามากสักหน่อย ข้าอยากให้เสร็จก่อนหน้าหนาวที่จะมาถึง"
เมื่อแจกแจงงานทุกอย่างให้กับทุกคนแล้ว เว่ยเหนียนเหยาก็กลับมาจดจ่อกับงานของตนอีกครั้ง ตอนนี้ทุกอย่างล้วนดำเนินไปตามที่นางต้องการ
สามีของนางจัดการเรื่องที่ดินกับบันทึกฉบับนั้นเป็นที่เรียบร้อย ส่วนเซียนย้งก็ติดต่อนายช่างใหญ่เข้ามาตีราคาการสร้างบ้านตามแบบแปลนที่นางให้
นายช่างใหญ่ผู้นั้นบอกว่าไม่เคยสร้างบ้านแบบนี้มาก่อน แต่เขาเห็นว่าเป็นความท้าทายแบบหนึ่ง แน่นอนว่าเขาต้องสร้างออกมาให้ดีที่สุด หลังจากสอบถามรายละเอียดปลีกย่อยอีกเล็กน้อย
นายช่างใหญ่ก็ตีราคาค่าสร้างบ้านมาเป็นจำนวนถึงสองร้อยตำลึง ซึ่งรวมไปถึงการสร้างรั้วอิฐล้อมรอบที่ดินทั้งยี่สิบหมู่ของนางด้วย
เซียนย้งที่ได้ยินราคาถึงกับวิ่งมาปรึกษานางในทันที แต่นางเห็นว่าราคานี้เป็นราคาที่ไม่สูงมาก เพราะไหนจะต้องสร้างบ้านถึงสองหลัง วัสดุที่ระบุไว้ก็เป็นของชั้นดี อีกทั้งยังขอให้หาคนมาเพิ่มเพื่อเร่งงานอีก
นางนำเงินร้อยตำลึงให้กับเซียนย้งไปทำสัญญา โดยในสัญญาระบุว่าจะส่งมอบบ้านที่สร้างเสร็จแล้วภายในระยะเวลาสองเดือน ส่วนกำแพงหินจะสร้างและส่งมอบหลังจากนั้นอีกหนึ่งเดือน
พ่อกำลังจะมีบ้านใหม่แล้วนร้าาาาา ใครอยากจะไปอยู่กับนางบ้าง หุ หุ หุ