ฟ้าส่งข้ามาเติมรัก บทที่15
"ท่านพี่ ท่านจะเข้าไปหาท่านแม่ที่บ้านหรือไม่เจ้าคะ"
หานตงส่ายหน้า เขายังทำใจไปพบหน้ามารดาไม่ได้ บาดแผลในครั้งนั้นบาดลึก จนยากจะเยียวยาในระยะเวลาอันสั้น
"แม้ท่านจะไม่เข้าไป ข้าว่าอย่างไรคนพวกนั้นก็คงไม่หยุดก่อกวนเราแน่เจ้าค่ะ"
"พี่ได้ยินมาว่า พี่ใหญ่กำลังหาเงิน เพราะอีกไม่นานทางผู้ใหญ่บ้านน่าจะเปิดให้จองชื่อบุตรชายที่ต้องการเข้าเรียนในสถานศึกษา"
"หึ บุตรชายเขาต้องเรียน แล้วบุตรเราไม่ต้องเรียนหรือยังไง"
"ช่างเถอะ ยังไงพี่ก็จะไม่ยอมให้ใครมาเอาเปรียบครอบครัวเราอีกแล้ว"
หานตงดึงผู้เป็นภรรยามากอดอย่างปลอบโยน
"ท่านพี่ ท่านเคยเห็นบันทึกการแยกครอบครัวของท่านหรือไม่เจ้าคะ"
"ไม่นะ วันนั้นมีเพียงบิดามารดา และผู้ใหญ่บ้านไปหาท่านผู้นำตระกูล ส่วนพี่มารดาให้ย้ายสิ่งของเข้ามาจัดที่บ้านหลังนี้"
"งั้นวันพรุ่งนี้ ท่านนำหมูไปฝากท่านผู้นำตระกูลสักหนึ่งจิน พร้อมทั้งขอบันทึกแผ่นนั้นกลับมาด้วยนะเจ้าคะ"
"เจ้าคิดว่า บันทึกนั้นมีปัญหา"
หญิงสาวส่ายหน้าไม่กล้าแสดงความคิดเห็นออกไปตรงๆ
"ข้าก็แค่อยากเตรียมรับมือไว้เท่านั้นเจ้าค่ะ เรื่องนี้ข้าอยากให้ท่านทำแบบเงียบๆ อย่าให้มากความได้หรือไม่เจ้าคะ"
"นี่ก็ยังไม่เย็นมากนัก เอาแบบนี้เดี๋ยวพี่จะไปตักน้ำมาไว้ให้เจ้าอาบซะก่อน แล้วจะไปหาท่านผู้นำเลย ส่วนเจ้าก็ทำข้าวเย็นไว้ รอพี่กลับมากินพร้อมกันดีหรือไม่"
หานตงเดินออกไปจากบ้านอย่างเร่งรีบ เขาเริ่มมีลางสังหรณ์แปลกๆขี้นมา
เว่ยเหนียนเหยาผุดลุกผุดนั่งไม่เป็นสุข สามีของนางหายไปนานแล้ว จนนางทนเห็นบุตรชายหิวข้าวไม่ไหว จึงจัดให้เด็กๆกินข้าวกันไปก่อน กว่าสามีจะกลับบ้านมา ลูกๆก็เข้าห้องนอนไปเสียแล้ว
หานตงเดินกลับบ้านมาอย่างคนไร้วิญญาณ บันทึกที่เขาขอมาจากท่านผู้นำตระกูลแผ่นนั้นไม่ต่างจากมีดที่กรีดลงในหัวใจ
เขาไม่รู้ว่าเขาทำผิดอะไร ทำไมทั้งบิดาและมารดาจึงใช้เหตุผลเสมือนตัดขาดเขาออกจากวงศ์ตระกูล ทั้งเหตุที่บอกว่าพวกเขาทำผิดจารีต ภรรยาไม่เคารพผู้อาวุโส ซ้ำยังบอกอีกว่าต่อไปไม่ว่าทั้งสองครอบครัวจะยากจนหรือมั่งมีก็ไม่เกี่ยวข้องกัน
ตัวเขาไม่เคยรู้เรื่องข้อความนี้เลยสักนิด ทุกเดือนแม้จะย้ายออกมาแล้ว หากแต่เขาก็พยายามหาเงินส่งเข้ากองกลางที่บ้านใหญ่ตามคำสั่งของมารดาอยู่เสมอ
เว่ยเหนียนเหยาเห็นสามีเดินกลับมาไม่พูดไม่จา นางก็ไม่พูดจาบีบคั้นอะไร ได้แต่นำเขาเดินมานั่งบนเก้าอี้ที่ห้องโถง จากนั้นจึงเดินไปรินน้ำแกงที่อุ่นเอาไว้ในครัวมาให้สามีดื่ม
สามีของนางนั่งนิ่งเหมือนหุ่นยนต์ราวกับไม่มีชีวิต นางจึงหันไปเก็บกับข้าวที่ตั้งอยู่บนโต๊ะ ความอยากอาหารตอนนี้ล้วนเลือนหายไปเสียสิ้น
หลังจากที่เข้าครัวไปสักพัก นางก็นำอ่างน้ำอุ่นยกเข้าไปวางในห้อง ก่อนจะกลับออกมา เดินจูงสามีตามเข้าไปในห้องอีกครั้ง
หญิงสาวจัดแจงถอดรองเท้า ถุงเท้าให้สามี จากนั้นก็นำผ้ามาเช็ดหน้าและตามด้วยเนื้อตัวอย่างอ่อนโยน ชายหนุ่มล้วงกระดาษแผ่นหนึ่งที่มีตราตระกูลประทับอยู่ส่งให้ภรรยา
"อาเหยาตอนนี้พี่มีเพียงเจ้าและบุตรชายแล้วจริงๆ"
หญิงสาวอ่านบันทึกตรงหน้า นี่มันบันทึกแยกครอบครัวที่ไหน มันเป็นบันทึกขับไล่ชัดๆ นางไม่เคยเห็นใครจะรักลูกได้ลำเอียงถึงเพียงนี้
แม้ต้องการให้ลูกชายคนเล็กได้ดีเลิศเลอเพียงใด แต่จำเป็นต้องเหยียบย่ำบุตรอีกคนถึงเพียงนี้เชียวหรือ แต่ก็ดีแล้ว ต่อไปนี้เวลาลงมือจะได้ไม่ต้องเกรงใจกัน
แม้จะโมโหจนอยากจะฉีกบันทึกแผ่นนี้ทิ้ง แต่การกระทำกับตรงกันข้าม นางค่อยๆบรรจงพับกระดาษแผ่นนั้นอย่างทะนุถนอม ก่อนจะนำไปเก็บไว้ในกล่องไม้อย่างดี
กระดาษแผ่นนี้คือยันต์คุ้มครองของครอบครัวนาง นางเชื่อว่าต่อไปหากครอบครัวของนางมีเงินมีทอง ทางบ้านแม่สามีต้องมาวุ่นวายอีกแน่
หากเป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆ นางคงไม่อยากจะใส่ใจ แต่เมื่อเห็นข้อความและการกระทำที่เหมือนกับหลอกลวงของทางฝั่งนั้น ทำให้นางไม่ไว้ใจครอบครัวทางฝั่งแม่สามีอีก
หญิงสาวถอนหายใจ ก่อนจะเดินเข้าไปซุกตัวในอ้อมแขนของสามี
"ท่านพี่ ข้าอยากขอให้ท่านเข้มแข็ง เพื่อข้าและบุตรชายของเรา คนอื่นอาจจะขาดท่านได้ แต่ข้าและบุตรชายขาดท่านไม่ได้นะเจ้าคะ"
ขาดสิ่งใด ย่อมต้องหาสิ่งนั้นมาทดแทน หญิงสาวรู้ดีว่าสามีขาดความมั่นใจ คิดว่าตัวเองไม่เป็นที่ต้องการของมารดา นางจึงบอกให้เขารู้ว่า นางและบุตรชายต่างเห็นเขาเป็นท้องฟ้าคุ้มภัย ย่อมขาดเขาไปไม่ได้
หานตงหน้าตาดีขึ้น เขาลอบมองใบหน้างามของภรรยาในอ้อมแขน ก่อนจะกระซิบขอบคุณทวยเทพทั้งสรวงสวรรค์ที่ส่งนางมาให้กับเขา
หานตงประคองร่างงามนอนลงบนเตียง ก่อนจะลงนอนเคียงข้าง ใบหน้าคมคายคลอเคลียดวงหน้างามโดยที่อีกฝ่ายไม่ขัดขืน
แต่ความอ่อนล้าที่เข้ามาจู่โจมทำให้ฝ่ายชายหลับลงไปในที่สุด
สงสารพ่อ....อดทนอีกหน่อยนร้าาาา ทุกอย่างกำลังจะผ่านไป