ตอนที่ 20 ฟิวชั่นสัตว์วิเศษ
ตอนที่ 20 ฟิวชั่นสัตว์วิเศษ
ติดตามข่าวสาร/พูดคุยเสนอแนะความคิดเห็นได้ที่เพจผู้แปล FB: ND Translate นิยายแปลไทย
“ทำไมถึงได้มีเมฆดำอยู่ทั่วฟ้าได้ล่ะ?” ไมล์ได้ออกจากห้องโถงไปแล้ว ในขณะที่ยืนอยู่ทางเข้าคุกใต้ดิน ไมล์ก็ได้มองย้อนกลับไปยังคฤหาสน์ที่จากมา ที่ตรงนั้นถูกน้ำที่คล้ายกับเสาตกใส่ เมื่อเห็นหลังคาของคฤหาสน์ถูกทำลายก็ทำให้มุมปากของไมล์กระตุกอย่างช่วยไม่ได้
“บัดซบ! อัลเลนกำลังทำอะไรอยู่กัน? เจ้านั่นจะรู้ไหมว่าฉันต้องเสียค่าซ่อมแซมคฤหาสน์เท่าไหร่? ฉันบอกให้ฆ่าเด็กนั่น ไม่ใช่ทำลายคฤหาสน์!”
เท่าที่ไมล์รู้ มีเพียงคนเดียวในฟาร์มที่มีพลังการต่อสู้ธาตุน้ำ คนคนนั้นก็คืออัลเลน เป็นไปได้ไหมที่การต่อสู้ครั้งนี้จะผลักดันให้อัลเลนได้กลายเป็นนักรบระดับเงินไป?
แม้ว่าจะต้องสูญเสียอะไรไปบ้าง แต่เมื่อคิดได้แบบนั้นก็อดไม่ได้ที่จะทำให้ไมล์มีความสุข ถ้าหากอัลเลนกลายเป็นนักรบระดับเงินจริง การจะจับเด็กอวดดีที่อาละวาดอยู่ก็คงจะไม่ใช่เรื่องยากอะไร ไมล์ที่คิดแบบนั้นได้เดินลงไปยังคุกใต้ดินอย่างช้าๆ
“ถ้าหากฉันจับมันได้ มันจะต้องถูกทรมานให้สาสมแน่!” ไมล์พึมพำกับตัวเองอย่างชินชา
ถ้าหากอัลเลนกลายเป็นนักรบระดับเงินจริง ไมล์ก็ไม่คิดที่จะหักค่าจ้างของเขา การจะมีนักรบระดับเงินเป็นผู้รับใช้ได้ไม่ใช่เรื่องง่าย
ถ้าหากไม่มีวัตสันสักคนก็คงจะไม่มีใครขัดขวางการชิงไก่หอมหวนห้าสีได้ ไมล์สามารถคาดการณ์ได้ว่าฟาร์มของตัวเขาจะต้องขยายตัวในอีกไม่กี่ปี มันจะต้องขยายจนกลายเป็นฟาร์มที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแน่
เมื่อคิดได้แบบนั้นใบหน้าของเขาก็ร้อนผ่าว แต่ไม่ทันที่จะทำอะไรเสียงของเด็กหนุ่มก็ขัดความฝันของไมล์ซะก่อน “ขอโทษนะ แต่คุณไม่มีโอกาสแล้ว”
ไมล์หันกลับมาก่อนที่จะเห็นวัตสันที่กำลังยืนอยู่ที่ด้านหลัง
ที่ด้านหลังของวัตสันเต็มไปด้วยนักรบวารีกว่าหลายสิบตัว นักรบวารีแต่ละตัวได้จับตัวผู้คุ้มกันมาด้วย อัลเลนเองก็เป็นหนึ่งในผู้ที่ถูกจับตัวมา ที่ใบหน้าของเขาบูดบึ้งอย่างช่วยไม่ได้
“นี่มันเป็นไปได้ยังไงกัน? พวกแกมัวทำอะไรอยู่? แค่หยุดเด็กคนเดียวมันจะยากเกินความสามารถเหรอไงกัน? ฉันไปทำอะไรไว้ถึงได้มีลูกน้องไม่มีประโยชน์อย่างพวกแก...”
ผู้คุ้มกันได้แต่ก้มหน้าลง ความเจ็บปวดที่ได้รับจากคำพูดมันอยู่เหนือคำบรรยายใด ต่อหน้าผู้เป็นนักเวทและนักรบระดับเงิน พวกเขาจะไปหยุดสัตว์ประหลาดแบบนั้นได้ยังไง? แม้ว่าจะเจ็บปวดแค่ไหนแต่ทุกคนก็ทำได้เพียงก้มหน้ายอมรับมัน
ไมล์โกรธมากจนหน้าเปลี่ยนสี หนวดที่มีสั่นเครืออย่างไม่หยุดยั้ง
“หยุดพูดเรื่องไร้สาระได้แล้วนะครับ”
ไมล์ที่ได้ฟังแบบนั้นรู้สึกหนาวไปถึงกระดูก ดวงตาสีฟ้าของวัตสันกำลังจับจ้องมายังตัวเขา ขาของไมล์อ่อนแรงลงจนล้มไปกับพื้น ไมล์รู้สึกได้ถึงมหาสมุทรเมื่อได้เห็นดวงตาของวัตสันในครั้งแรก ในตอนนี้มหาสมุทรที่ว่าดูเหมือนจะกลายเป็นภูเขาน้ำแข็งไปแล้ว
สีหน้าของไมล์ยังคงเปลี่ยนแปลงไป ในที่สุดเขาก็ฝืนยิ้มออกมา “นี่มันเรื่องเข้าใจผิด เรื่องเข้าใจผิดต่างหาก! หนุ่มน้อย พวกเรามาคุยกันดีกว่า! ฉันจะปล่อยคนที่นายตามหาอยู่ให้เอง และฉันจะให้ห้าร้อยเหรียญทองกับนายด้วย ช่วยลืมเรื่องนี้ไปเถอะนะ ฉันทำอะไรโดยที่ไม่ทันได้ยั้งคิดไป ตอนนี้ฉันรู้แล้ว ฉันสำนึกผิดแล้ว ว่าไงล่ะ? นายช่วยให้อภัยฉันได้ไหม?”
ไมล์ยอมก้มหัวให้กับวัตสันที่ยังเป็นเด็ก
วัตสันมองไปทางไมล์ด้วยสายตาที่สมเพชก่อนที่จะเดินผ่านไป
ไมล์เจ็บใจที่ถูกมองด้วยสายตานั้น ตัวเขาที่กำหมัดแน่นแต่ก็ยังมีความสุข ยังไงซะเด็กอย่างวัตสันก็ยังถูกหลอกง่ายๆ อยู่ดี
ความอยู่รอดถือเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ตราบใดที่ยังมีชีวิตอยู่ก็ยังสามารถแก้แค้นได้อยู่เสมอ ไมล์ตัดสินใจแล้ว ในตอนที่วัตสันจากไป ตัวเขาจะใช้เงินจำนวนมากเพื่อจ้างมือสังหาร และถ้าหากเป็นไปได้เขาก็จะซื้อยาพิษและวางยาพิษในแหล่งน้ำใกล้ๆ กับบ้านของวัตสัน
การฆ่าใครสักคนไม่จำเป็นจะต้องใช้วิธีที่ตรงไปตรงมา ยังมีวิธีการอีกมากมายที่จะจัดการเป้าหมายได้
ในตอนนั้นเองไมล์ก็สังเกตเห็นวัตสันยกมือขวาขึ้น ที่ด้านหลังวัตสัน นักรบวารีก็ได้ยกหอกยาวในมือขึ้นมา
วัตสันพยายามจะทำอะไรกันแน่?
ไมล์ที่เห็นแบบนั้นรู้สึกไม่ดี ก่อนที่จะได้อ้าปากพูดอะไร หอกยาวสีฟ้าก็ได้พุ่งมาหาตัวเขาซะก่อน มันได้แทงทะลุหน้าอกของไมล์ไป ไมล์เห็นบาดแผลที่เต็มไปด้วยเลือดดี ท้ายที่สุดไมล์ก็ล้มลงไปกับพื้นก่อนที่จะหลับใหลไปชั่วนิรันดร์
...
วันที่เคยยิ่งใหญ่ วันที่เคยมีแต่เรื่องดีๆ ในตอนนี้ทุกอย่างได้เปลี่ยนไปแล้ว ไมล์ผู้เป็นเจ้าของฟาร์มและคฤหาสน์ได้ตายจากไป จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีใครคิดที่จะฝังร่างเขา
ในห้องโถงที่เต็มไปด้วยความเสียหาย วัตสันได้นั่งอยู่ในที่ที่ไมล์เคยนั่ง ที่ด้านหน้าของเขามีผู้คุ้มกันกว่าสิบคน ผู้คุ้มกันเหล่านั้นถูกนำโดยอัลเลน ทุกคนต่างก็ทำความเคารพวัตสันแต่โดยดี คนงานกว่าหลายสิบคนได้แต่นอนราบอยู่บนพื้นพร้อมกับผ้าพันแผล คนงานทั้งหลายไม่กล้าแม้แต่จะส่งเสียงหายใจดัง
“ไมล์เป็นคนที่ผิดทุกอย่าง พวกคุณเป็นเพียงผู้สมรู้ร่วมคิดเท่านั้น ผมจะไม่ลงโทษพวกคุณเกินความจำเป็นหรอก! ดังนั้นมอบของมีค่าทั้งหมดมาแล้วก็ไปได้แล้ว!” วัตสันโบกมือ
วัตสันไม่ได้ตั้งใจที่จะสังหารทุกคน การฆ่าไมล์เพียงคนเดียวมันเพียงพอแล้วที่จะข่มขู่ทุกคนได้ วัตสันยังเชื่อว่าข่าวการตายของไมล์จะต้องแพร่กระจายออกไป จุดประสงค์ที่วัตสันลงมือสังหารไมล์มีไว้เพื่อประกาศตัวตน มันเป็นแผนการเบื้องต้นที่จะป้องกันไม่ให้ใครคิดต่อต้านตัวเขา
“ครับ”
ทุกคนได้แต่ถอนหายใจออกมา แม้ว่าเด็กที่อยู่ตรงหน้าจะยังเป็นเด็ก แต่ความคิดที่วัตสันมีมันไม่เหมือนกับความคิดเด็กเลย นอกจากนี้พลังที่มีก็ยังแข็งแกร่งจนเกินไป เด็กคนนี้เป็นใครกันแน่?
สิ้นสุดเสียงสั่งการวัตสัน คนงานทั้งหลายก็ได้นำเหรียญเงินที่มีออกมา ผู้คุ้มกันที่ฉลาดหลักแหลมบางคนตัดสินใจที่จะนำของมีค่าทั้งหมดออกมาจากคฤหาสน์
ชั่วพริบตาเดียววัตสันก็ได้ชุดเกราะและอาวุธนับร้อยชิ้น นอกจากนี้ยังมีเหรียญทองกว่าสามร้อยเหรียญ เครื่องประดับบางส่วน โดยข้าวของทั้งหมดที่ได้มีมูลค่าประมาณห้าร้อยเหรียญทอง ไข่หลากสีที่ถูกซีคและซีโน่นำมาในก่อนหน้านี้ก็ยังไม่ถูกกิน
“คุณวัตสัน นี่เป็นทรัพย์สินกว่าครึ่งของคฤหาสน์ครับ” อัลเลนพูดรายงาน
“ครึ่งหนึ่งอย่างงั้นเหรอ?”
วัตสันได้แต่ชื่นชมทรัพย์สินที่ได้มา ตัวเขากำลังนึกถึงอุปกรณ์ทั้งหลายที่จะถูกฟิวชั่นเพิ่มระดับ “แล้วอีกครึ่งอยู่ที่ไหนล่ะ?”
“เดิมทีไมล์เป็นผู้ทำธุรกิจเกี่ยวกับสัตว์เศษ เพราะแบบนั้นทรัพย์สินที่เหลืออีกครึ่งจึงไม่ใช่เงิน มันเป็นสัตว์วิเศษครับ”
“พาผมไปดูสัตว์วิเศษพวกนั้นที”
วัตสันดวงตาเป็นประกาย ไม่นานหลังจากที่เดินออกจากคฤหาสน์ ในที่สุดวัตสันก็มาถึงฟาร์มเพาะพันธุ์ ที่ฟาร์มแห่งนี้ถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน ส่วนซ้ายมีสัตว์วิเศษที่ดูคล้ายกับสิงโตจำนวนมากกำลังเดินไปเดินมา ร่างกายของพวกมันถูกปกคลุมไปด้วยขนที่ดูคล้ายกับเปลวไฟ ที่ด้านขวาเองมีเสือที่มีจำนวนเท่าๆ กัน เสือแต่ละตัวต่างก็มีหินปกคลุมร่างกาย
วัตสันรู้จักสัตว์วิเศษทั้งสองชนิดนี้ มันคือสิงโตเกรี้ยวกราดและเสือเกราะศิลา สัตว์ทั้งสองชนิดก็คือสัตว์วิเศษระดับเหล็ก
สัตว์วิเศษเปรียบเหมือนกับสัตว์ที่มีการฝึกฝนบ่มเพาะท่ามกลางสัตว์ทั่วไป แม้ว่าวัตสันอยู่ในโลกใบนี้มานานแต่นี่ถือเป็นครั้งแรกที่ตัวเขาได้เห็นสัตว์วิเศษแบบนี้ สำหรับผู้ฝึกฝนบ่มเพาะที่เก่งมากพอ พวกเขาจะสามารถใช้สัตว์วิเศษเพื่อจะปกป้องถิ่นที่อยู่รวมไปถึงใช้เพื่อเป็นสัตว์ขี่เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งของตัวเอง คฤหาสน์หลายแห่งต่างก็มีพื้นที่ไว้เลี้ยงดูสัตว์วิเศษเป็นของตัวเอง บางทีเพียงแค่มูลของพวกมันก็เพียงพอแล้วที่จะหล่อเลี้ยงให้พื้นดินอุดมสมบูรณ์
ครอบครัวของวัตสันเองก็เคยทำในแบบเดียวกัน แต่ถึงแบบนั้นพวกเขาก็ไม่อาจเลี้ยงดูสัตว์วิเศษไว้ได้ สุดท้ายแล้วสิ่งที่พวกเขาทำได้ก็มีแต่เพียงการเลี้ยงไก่
ในขณะที่วัตสันกำลังชื่นชมสัตว์วิเศษ ในตอนนั้นสิงโตเกรี้ยวกราดและเสือเกราะศิลาที่แข็งแกร่งก็ได้วิ่งข้ามรั้วออกมา สัตว์วิเศษทั้งสองต่างก็คำรามใส่วัตสัน
“สัตว์วิเศษพวกนี้เป็นสัตว์ป่าโดยสัญชาตญาณ พวกมันมักจะดุร้ายกับคนแปลกหน้าเสมอ” อัลเลนได้อธิบายจากด้านข้าง ตัวเขากลัวว่าวัตสันจะฆ่าสัตว์วิเศษทั้งสองตัวด้วยความโกรธ สัตว์วิเศษระดับเหล็กเมื่อโตเต็มวัยจะสามารถขายได้กว่าหลายสิบเหรียญเงิน ดังนั้นสัตว์วิเศษทุกตัวล้วนมีค่า
ดุร้ายกับคนแปลกหน้า?
นั้นไม่ได้สำคัญอะไรสำหรับวัตสันเลย สุดท้ายแล้วมันจะเชื่อฟังเขาเองหลังจากที่ผ่านการฟิวชั่น
วัตสันเหลือบมองสัตว์วิเศษทั้งสองชนิดก่อนที่จะใช้งานระบบฟิวชั่น สิงโตเกรี้ยวกราดและเสือเกราะศิลาเปล่งแสงก่อนที่จะเข้าชนกัน ร่างกายของพวกมันขยายใหญ่กว่าเดิม สัตว์วิเศษที่สูงกว่าสามเมตรมีหัวสองหัวได้ปรากฏตัวขึ้น
หลังจากที่เสร็จสิ้นการฟิวชั่นวัตสันก็ได้หันกลับมาถาม “สัตว์วิเศษที่เห็นก็คือสัตว์ทั้งหมดที่มีสินะครับ?”
“คะ...ครับ...” อัลเลนตอบกลับอย่างติดๆ ขัดๆ ที่ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยเหงื่อ นี่ฉันกำลังฝันไปอย่างงั้นเหรอ? ทำไมสัตว์วิเศษทั้งสองชนิดถึงได้หลอมรวมกันได้? นั่นมันเวทมนตร์อย่างงั้นเหรอ? นี่มันจะน่ากลัวเกินไปแล้ว
อัลเลนที่เห็นวัตสันทำแบบนั้นไม่อยากที่จะเตือนอะไรวัตสันอีกต่อไป
ติดตามข่าวสาร/พูดคุยเสนอแนะความคิดเห็นได้ที่เพจผู้แปล FB: ND Translate นิยายแปลไทย