969-970
5/8
Ep.969
“ระดับเทวะขั้น 5!”
สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันน่าหวาดหวั่นของปากยักษ์ที่อยู่ใต้ฝ่าเท้า ซูเฉินตกใจเป็นอย่างมาก
เขาเคยเผชิญหน้ากับเว่ยหยางในระดับเทวะขั้น 4 มาก่อน ซึ่งกลิ่นอายของเว่ยหยาง ไม่แกร่งเท่าปากยักษ์นี้อย่างแน่นอน
ดังนั้นสามารถยืนยันได้ว่า ผู้ที่ลอบโจมตีเขาต้องเป็นสัตว์อสูรเทวะขั้น 5 อย่างไม่ต้องสงสัย
แต่สิ่งที่ทำให้ซูเฉินคิดไม่ตกก็คือ ไม่ใช่ว่ามิติท้ารบคือพื้นที่สะกดพลังหรอกหรือ? แล้วเหตุใดฝ่ายตรงข้ามถึงยังอยู่ในขั้น 5 ของระดับเทวะได้?
“เอ๊ะ?”
ระหว่างนั้นเอง ซูเฉินค้นพบว่าอำนาจเขตแดนที่คอยสะกดพลังของเขาได้หายไปแล้ว ระดับฐานฝึกตนทะยานกลับคืนสู่เทวะขั้น 2 อีกครั้ง
ซูเฉินถอนหายใจด้วยความโล่งอก ร้องตะโกนเสียงเย็น “ไอ้ตัวที่ทำลับๆล่อๆอยู่ข้างล่าง ไสหัวออกมาซะ!”
แคร่ก แคร่ก แคร่ก ….
ตามด้วยเสียงปริร้าวของพื้นดิน เห็นบางสิ่งที่มีขนาดเท่าฝ่ามือ มุดขึ้นมาจากใต้ดิน
“ตัวแค่นี้เอง?”
ซูเฉินอุทานด้วยความประหลาดใจ อสูรน้อยตัวนี้ กลิ่นอายของมันเหมือนกับปากยักษ์เมื่อครู่เลย สิ่งนี้บ่งบอกว่า อสูรตนนี้คืออสูรเทวะขั้น 5
อย่างไรก็ตาม ด้วยขนาดตัวที่เล็กเช่นนี้ แต่กลับสามารถอ้าปากใหญ่ยักษ์ได้ มันค่อนข้างเหลือเชื่อจริงๆ
สัตว์อสูรมองไปทางซูเฉิน หัวเราะเบาๆว่า “มนุษย์ เจ้าร้ายกาจกว่าที่ข้าคิดไว้”
เสียงนี้แม้ดังฟังชัด แต่กลับแฝงไปด้วยความเยาว์วัย มันทำให้ซูเฉินรู้สึกว่า เบื้องหน้ายังเป็นอสูรน้อยอยู่
“เจ้าตัวน้อย เมื่อครู่แกเป็นคนลอบทำร้ายฉันใช่ไหม? ฉันว่าแกน่าจะมีคำอธิบายที่เหมาะสมให้ฉันนะ ไม่งั้นก็อย่าตำหนิว่าฉันหยาบคาย!”
ซูเฉินหรี่ตาลง เอ่ยถามเสียงเย็น
ตอนนั้นหากไม่ใช่เพราะเขาตอบสนองได้เร็วพอ บางทีเขาอาจถูกฆ่าตายไปแล้วก็ได้
ได้ยินแบบนั้น อสูรน้อยตกตะลึง มันคิดยังไงก็คิดไม่ออก เห็นอยู่ชัดๆว่าซูเฉินเป็นแค่เทวะขั้น 2 แล้วทำไมถึงกล้าข่มขู่มันที่มีสถานะถึงเทวะขั้น 5? ใช่หวาดกลัวจนโง่งมไปแล้วหรือไม่?
“มนุษย์ เจ้ารู้ไหมว่าผลที่ตามมาจากการล่วงเกินข้าคืออะไร? ไม่กลัวว่าข้าจะฆ่าเจ้าหรือ!” อสูรน้อยเอียงคอ มองไปยังซูเฉินด้วยความสนใจ
“อยากฆ่าฉัน?”
ซูเฉินหัวเราะ เปิดใช้งาน [เทคนิคปลุกศูนย์รวมวิญญาณสวรรค์] หลังจากฐานฝึกตนกระโดดขึ้นเป็นขั้น 3 เขาก็จ่ายแต้มพลังงานอีก 50,000 จุด เพื่อแลกเปลี่ยน [คุณสมบัติเลเวล 14 อย่างเต็มรูปแบบ]
ยกระดับฐานฝึกตนมาอยู่ในเทวะขั้น 4 ได้ในคราเดียว
เดิมที เพื่อเตรียมรับมือกับนักพรตเทียนซ่าน ซูเฉินไม่อยากเลื่อนขั้นฐานฝึกตนให้รวดเร็วเกินไป นั่นเพราะหวูซางเคยพูดไว้ ว่าคนที่นักพรตเทียนซ่านจะส่งมาฆ่าเขา อย่างมากสุดสามารถส่งได้แค่คนที่มีฐานฝึกตนเหนือกว่าสองขั้นเท่านั้น
นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไม ต่อให้ซูเฉินยกระดับขึ้น ก็ไม่ค่อยส่งผลอะไรนัก ตรงกันข้าม หากเขาเติบโตเร็วเกินไปจะยิ่งเป็นการสร้างความหวาดกลัวแก่นักพรตเทียนซ่าน
ชนิดที่ว่าอาจถึงขั้นฉีกหน้าหวูซาง แล้วลงมือกับเขาด้วยตัวเอง
กระนั้น สัตว์อสูรเทวะขั้น 5 จู่ๆก็ปรากฏตัวขึ้นเบื้องหน้า เจ้าสิ่งนี้เป็นภัยคุกคามอย่างใหญ่หลวงต่อเขา ซูเฉินไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยกระดับเพื่อต่อกรกับมัน
“มนุษย์ เจ้าทำได้อย่างไร?”
เห็นซูเฉินยกระดับขึ้นสองครั้งซ้อนในคราเดียว อสูรตัวน้อยตะลึงลาน
“ฉันทำได้ยังไงต้องอธิบายให้แกฟังด้วยหรอ?” ซูเฉินแค่นเสียงเย็น ขณะที่เขากำลังจะเคลื่อนไหว จู่ๆอสูรตัวน้อยพลันร้องตะโกนขึ้นว่า “มนุษย์ ใจเย็นก่อน ข้าขอยอมแพ้!”
แม้มันจะเป็นถึงระดับเทวะขั้น 5 แต่ก็ไม่ฉกาจในการต่อสู้ มันสังเกตเห็นกำลังรบอันแข็งแกร่งของซูเฉินมานานแล้ว
ตอนซูเฉินอยู่แค่ขั้น 2 มันมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าสามารถกำจัดเขาได้ แต่เวลานี้ซูเฉินเลื่อนเป็นเทวะขั้น 4 ต่อให้มีมันเพิ่มอีกตัวก็สู้ไม่ได้อย่างแน่นอน
แทนที่จะถูกซูเฉินทำร้าย เช่นนั้นมันยอมแพ้เลยดีกว่า
และประเด็นก็คือ มันมั่นใจเป็นอย่างยิ่ง ว่าซูเฉินจะไม่มีทางฆ่ามัน
6/8
Ep.970
ยอมแพ้?
ซูเฉินตะลึง
สัตว์อสูรระดับเทวะขั้น 5 กลับเลือกที่จะยอมแพ้ทั้งๆที่ยังไม่ทันได้ลงมือ?
นี่จะขี้ขลาดเกินไปหน่อยกระมัง?
“ต่อให้ยอมแพ้ก็ใช่ว่าฉันจะยอมปล่อยแกไป ถ้าอยากรอด แกต้องมาเป็นสัตว์เลี้ยงวิญญาณของฉัน แล้วก็ต้องมีความสามารถที่น่าสนใจมากพอด้วย”
ซูเฉินจ้องอสูรน้อยเขม็ง กล่าวเสียงเย็น
หากมันมีดีแค่เป็นอสูรเทวะขั้น 5 แต่ไม่มีความสามารถที่โดดเด่น ซูเฉินทำใจยอมรับมันไม่ได้จริงๆ แบบนั้นจับเชือดแล้วเก็บชิ้นส่วนคงคุ้มค่ากว่า
อสูรน้อยตะลึงงัน มันไม่เข้าใจจริงๆ สัตว์เทวะขั้น 5 เป็นฝ่ายยอมจำนน แต่ซูเฉินยังไม่ยอมอ่อนข้อให้อีกหรือ?
อย่างไรก็ตาม ภายใต้การจับจ้องของซูเฉิน มันไม่ได้เอ่ยคำรุนแรงก้าวร้าวใดๆ แต่กลับพูดด้วยน้ำเสียงเจรจาต่อรองว่า “ข้าไม่ชอบถูกสั่ง ดังนั้นไม่อาจเป็นสัตว์เลี้ยงวิญญาณของเจ้าได้ แต่ข้าสามารถให้ความร่วมมือกับเจ้าได้”
ให้ความร่วมมือ?
ซูเฉินแค่นเสียงหัวเราะ เห็นได้ชัดว่าอสูรน้อยตัวนี้ยังไม่เข้าใจสถานการณ์ของตัวเอง กล้าดียังไงมาต่อรองกับเขา
ซูเฉินค่อยๆหรี่ตาลง ในดวงตาทอประกายเย็นยะเยือก
สังเกตเห็นถึงความไม่เป็นมิตรในสายตาของซูเฉิน อสูรน้อยสะดุ้งโหยง รีบพูดว่า “ช้าก่อน! ฟังข้าพูดให้จบก่อน”
“ว่ามา”
ซูเฉินส่งเสียงฮึ่มๆเบาๆ หากอสูรน้อยไม่ให้คำอธิบายที่น่าพอใจ แต่ยังยั่วโมโหเขา ก็เตรียมรับทัณฑ์ทรมานได้เลย
“ข้าสามารถช่วยเจ้าปลุกพลังพิเศษได้” อสูรน้อยกล่าวอย่างตรงไปไหนมา
ว่าอะไรนะ?
ซูเฉินตกใจมาก เริ่มขึ้นเสียงว่า “การปลุกพลังของเหล่าสิ่งมีชีวิตที่เข้าสู่มิติท้ารบ มีความเกี่ยวข้องกับแกงั้นหรอ?”
หากอสูรน้อยสามารถทำแบบนั้นได้จริงๆ ตัวมันถือเป็นสมบัติล้ำค่าอย่างไม่ต้องสงสัย
ซูเฉินไม่อาจสงบใจได้อีกต่อไป
“ขอรับ อสูรน้อยพยักหน้า” กล่าวยืนยันหนักแน่นว่า “ในบรรดาเหล่าผู้ที่สามารถปลุกพลังได้ รวมถึงตัวเจ้า ล้วนเป็นข้าที่สุ่มพลังให้้”
ซูเฉินสูดหายใจลึก เอ่ยถามว่า “แกทำได้ยังไง?”
เรื่องนี้สำคัญมาก จำเป็นต้องตรวจสอบให้ชัดเจน เขาจะไม่ยอมให้อสูรน้อยตัวนี้หลอกเอาเด็ดขาด
“ที่ทำได้เพราะข้าคือ ‘อสูรเทพปลุกพลัง’ ความสามารถของอสูรเทพปลุกพลังคือการช่วยกระตุ้นพลังพิเศษให้แก่ผู้อื่น” อสูรน้อยอธิบาย
อสูรเทพปลุกพลัง?
เป็นครั้งแรกที่ซูเฉินได้ยินชื่อนี้ เขาทวนคำกับตัวเองอยู่พักหนึ่ง ถามด้วยความสงสัยว่า “งั้นแกก็เป็นอสูรเทพน่ะสิ?”
อสูรเทพหากเทียบกับผู้ฝึกตนแล้ว นั่นคือผู้แข็งแกร่งในขอบเขตเทพเจ้า กระนั้น อสูรน้อยตนนี้อยู่แค่ขั้น 5 ระดับเทวะเท่านั้น แล้วมันจะเป็นอสูรเทพได้อย่างไร?
“ในอดีตข้าเคยอยู่ในสถานะอสูรเทพ อย่างไรก็ตาม มหาศึกครั้งก่อนได้รับบาดเจ็บสาหัส ฐานฝึกตนจึงลดต่ำลง นั่นคือเหตุผลที่ข้าต้องซ่อนตัวอยู่ในมิติท้ารบแห่งนี้” อสูรเทพปลุกพลังกล่าว
ซูเฉินยังไม่มั่นใจว่าที่อีกฝ่ายพูดเป็นความจริงหรือไม่ เขาครุ่นคิดเล็กน้อย ก่อนเปิด [พื้นที่เลี้ยงสัตว์] อย่างเงียบๆแล้วติดต่อกับหงส์เพลิง
“เสี่ยวเหยียน นายเคยได้ยินเรื่องของอสูรเทพปลุกพลังบ้างไหม?”
หงส์เพลิงนึกทบทวนอยู่พักหนึ่ง ตอบกลับว่า “เจ้านาย มีเรื่องเล่าในเผ่าอสูรศักดิ์สิทธิ์ของพวกเราเกี่ยวกับเรื่องของอสูรเทพปลุกพลังอยู่เหมือนกัน”
หัวใจของซูเฉินเต้นแรง ไม่ขัดจังหวะหงส์เพลิง
“เล่ากันว่าถึงแม้ระดับฐานฝึกตนของอสูรเทพปลุกพลังจะอยู่ในขอบเขตเทพเจ้า แต่ตัวมันไม่ชำนาญการรบ ความสามารถในการต่อสู้ย่ำแย่มาก ทว่าคุณสมบัติที่โดดเด่นที่สุดของมันคือความสามารถในการปลุกพลังให้แก่ผู้อื่น ซึ่งค่อนข้างคล้ายกับมิติท้ารบ” หงส์เพลิงกล่าวต่อ
ได้ยินแบบนั้น ซูเฉินตื่นตัวขึ้นมาทันที
อ้างอิงจากคำพูดของหงส์เพลิง อสูรน้อยเบื้องหน้านี้อาจเป็นอสูรเทพปลุกพลังจริงๆก็ได้
แต่เพื่อให้แน่ใจยิ่งขึ้น ซูเฉินถามอีกครั้งว่า “เสี่ยวเหยียน มิติท้ารบปรากฏขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่?”
ตามที่อสูรน้อยกล่าว สืบเนื่องมาจากมหาศึกเมื่อหมื่นปีก่อน ทำให้มันได้รับบาดเจ็บจนต้องหลบหนีมาซ่อนตัวในมิติท้ารบ
หากเวลาที่เกิดขึ้นตรงกัน ก็สามารถพิสูจน์ได้ว่าอสูรน้อยตัวนี้พูดจริง