ตอนที่ 47 คนสนุกสนาน
ลู่เสี่ยวเซียวอายุมากกว่าเจียงเหยา 1 ปี หญิงสาวคนนี้นิสัยตรงกันข้ามกับเจียงเหยา เธอเป็นคนกระตือรืนร้นและเข้าสังคมเก่ง แต่ไม่เก่งด้านวิชาการ หลังเรียนจบมัธยมปลาย เธอไม่สามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยชื่อดังได้ อีกทั้งลู่ชิงไห่ก็ไม่อยากให้เธออยู่ห่างจากเขาด้วยเช่นกัน ดังนั้นเขาจึงส่งลู่เสี่ยวเซียว เรียนมหาวิทยาลัยอันดับสามของเมืองนี้
ลู่เสี่ยวเซียวเป็นคนสนุกสนานอย่างเป็นธรรมชาติ เธอมีรอยยิ้มสดใสตลอดทั้งวันราวกับว่าโลกของเธอไม่มีความเศร้าโศกหรือความผิดหวัง เธอปฏิบัติต่อเจียงเหยาที่อายุน้อยกว่าเธอ เหมือนกับเป็นเพื่อนสนิทของตนเอง
ลู่ชิงสีพาเจียงเหยาเข้าไปในบ้าน ลู่เสี่ยวเซียววิ่งลงบันได อยากจะกระโดดกอดลู่ชิงสี แต่ถูกเขากีดกันไว้ เธอไม่ได้โกรธหรือแสดงอารมณ์เสียออกมา เพียงแต่หันไปโอบกอดเจียงเหยาแทน
“พี่สะใภ้ ยินดีด้วยนะคะที่ได้เข้าเรียนมหาวิทยาลัยแพทย์หนานเจียง พี่นี่น่าทึ่งมากเลย!” ลู่เสี่ยวเซียวยกนิ้วให้เจียงเหยา พร้อมกับพูดด้วยรอยยิ้มกว้าง
“ถ้าฉันฉลาดได้ครึ่งของพี่ พ่อของฉันคงมีความสุขมากเลยล่ะ”
ลู่ชิงไห่ที่กำลังนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นหัวเราะออกมาเสียงดัง
“ดีที่ลูกรู้จักตัวเอง”
ความจริงก็คือ ลู่ชิงไห่ไม่ได้คาดหวังอะไรกับลูกสาวคนเดียวของเขา เขาปล่อยให้เธอทำทุกอย่างที่เธอต้องการ เธอเป็นลูกสาวคนเดียวของเขาและสุดท้ายก็คือเธอที่จะได้รับมรดกธุรกิจของเขา ชีวิตของเธอได้รับการดูแลอย่างดี แม้ว่าเธอจะไม่ได้ออกไปทำงานก็ตาม
“เอ่อ ชิงสี คุณหลี่โทรหาลุงเมื่อตอนเที่ยง เขาบอกเรื่องที่เกิดในห้าง แล้วก็โทรมาขอโทษกับลุงแล้วล่ะ” ลู่ชิงไห่มองไปที่ลู่ชิงสีและเจียงเหยา แล้วพูดต่อ “พนักงานขายคนนั้นก็ถูกไล่ออกแล้ว เขาโทรมาขอโทษแทนเธอที่ทำให้พวกเธอไม่พอใจ”
เจียงเหยาส่ายหน้าอย่างเร่งรีบและพูดว่า “ไม่เป็นไรคะ ไม่มีอะไรจริง ๆ เรื่องเล็กน้อยเองค่ะ”
“ถ้าฉันอยู่ตรงนั่นนะ ฉันจะทรมานเธอจนกว่าเธอจะร้องไห้และขอขอชีวิตเลยคอยดู!” ลู่เสี่ยวเซียวพ่นลมหายใจ
“พี่สะใภ้ พี่น่ะอ่อนโยนเกินไป ก็เพราะแบบนี้ไง พวกเขาถึงได้กล้ารังแกพี่!”
“จะเป็นผู้หญิงอ่อนโยนก็ไม่เป็นไรหรอก เธอมีสามีคอยปกป้องเธอ” ลู่ชิงไห่มองไปที่ลู่เสี่ยวเซียวและหัวเราะ
“ในทางกลับกันสิ ลูกทำตัวเป็นแม่เสือร้ายขนาดนี้ พ่อละกังวลเสียเหลือเกินว่าจะไม่มีใครกล้าแต่งงานกับลูก สงสัยพ่อต้องดูแลดูกไปตลอดชีวิตล่ะมั้ง”
ขณะที่ลู่ชิงสีฟังที่ลู่ชิงไห่อธิบายว่าเจียงเหยาอ่อนโยน เขาก็ยิ้มอย่างเงียบ ๆ เจียงเหยานี่นะอ่อนโยน? เท่าที่จำได้ ระหว่างเจียงเหยากับความอ่อนโยน เหมือนจะไม่มีความเกี่ยวข้องกันเลย
ความอ่อนโยนไม่มีอะไรมากไปกว่าการถูกรูปลักษณ์ของเธอหลอกลวง ลึก ๆ แล้วเธอเป็นเหมือนแมวตัวน้อยที่โกรธจัดอยู่ตลอดเวลา ขึ้นอยู่กับว่าเธออยากจะแสดงกรงเล็บของเธอออกมาให้เห็นหรือไม่ต่างหาก
“พ่อ ไหนบอกว่าจะดูแลหนูไปตลอดชีวิตไม่ใช่เหรอ? ตอนนี้จะมาบอกว่าเสียใจรึไง?” ลู่เสี่ยวเซียวขมวดคิ้ว คำรามเหมือนลูกแมวที่กระวนกระวายใจ
“นี่ ๆ ทำตัวเป็นตัวตลกไปได้” ลุงลู่หัวเราะออกมาดัง ๆ เมื่อคิดถึงเหตุการณ์ที่ ลู่เสี่ยวเซียวอยู่กับพวกเขาในเมือง
ในแต่ละวัน บ้านของพวกเขาเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ เพราะแบบนี้ทำให้แม่ลู่ถึงได้เสียใจที่ลู่เสี่ยวเซียวไม่ได้อยู่ใกล้ ๆ
อาหารเย็นถูกจัดเตรียมโดยสาวใช้ของลู่ไห่ชิง
ลู่เสี่ยวเซียวเป็นนักกินที่จู้จี้จุกจิกเป็นพิเศษ อย่างแรกที่เธอให้ความสำคัญคือการจ้างแม่บ้านที่มีความสามารถในการทำอาหารเก่งเป็นพิเศษ ทำให้อาหารค่ำบนโต๊ะจึงมีแต่อาหารที่ถูกปรุงโดยเชฟระดับมิชลินในร้านอาหาร
ระหว่างทานอาหารเย็น ลู่เสี่ยวเซียวถามเกี่ยวกับกิจกรรมของลู่ชิงสีและเจียงเหยาในวันนี้
เมื่อได้ยินเจียงเหยาเล่าว่าไปดูหนัง ลู่เสี่ยวเซียวอดไม่ได้ที่เหลือบตาขึ้งมองลู่ชิงสีด้วยสายตาหยอกเย้า
หลังจากนั้นก็หันกลับมาพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องหนังที่เจียงเหยาเพิ่งไปดูมา หญิงสาวสองคนคุยกันอย่างสนุกสนาน เสียงหัวเราะของพวกเขาดังก้องไปทั่วห้องอาหาร