ตอนที่ 46 อยากไปดูหนังหน่อยไหม
“คุณมาที่นี่บ่อยเหรอ?” เจียงเหยาถามด้วยความสงสัย
“ถ้าจำไม่ผิด คุณไม่ชอบอาหารกวางตุ้งนี่”
“ใช่แล้วล่ะ ผมไม่ชอบอาหารกวางตุ้ง แต่ผมเคยมาที่นี่หลายครั้งแล้ว” ลู่ชิงสีกล่าว ฟังดูแปลกใจเล็กน้อยที่เจียงเหยารู้ว่าเขาชอบไม่ชอบอะไร “ผมคิดว่า คุณน่าจะชอบ”
เจียงเหยาชอบอาหารรสชาติอ่อน เขาเคยมาทานอาหารที่ร้านนี้มาก่อนและพบว่า ซุปและสตูว์ของร้านนี้อร่อยใช้ได้ เขาเลยคิดว่าเจียงเหยาน่าจะชอบมันเหมือนกัน ตอนที่มาครั้งนั้น ยังคิดเลยว่าสักวันหนึ่งจะพาเจียงเหยามาทาน แต่ก็ไม่เคยมีโอกาสได้ชวนเธอมาเลย เพราะตลอดเวลาที่แต่งงานกัน เจียงเหยามีท่าทีเหินห่างกับเขาเกือบจะตลอดเวลา
“เพื่อนที่เรียน ม.ปลายด้วยกัน เขาเป็นเจ้าของร้านน่ะ ผมเลยมาที่นี่สองสามครั้ง” ลู่ชิงสีอธิบาย
“บางครั้งก็แวะมาเพื่อขึ้นเครื่อง ก็จะนัดรวมตัวกันที่นี่”
แม้ว่าร้านนี้ลูกค้าจะแน่นร้าน แต่อาหารก็ถูกเสิร์ฟมาอย่างรวดเร็ว
หลังจากอาหารถูกเสิร์ฟแล้ว ลู่ชิงสีคีบอาหารส่งให้เจียงเหยาทันที พร้อมกับรอยยิ้มจาง ๆ ดวงตาจับจ้องมองเธอชิมอย่างกระตือรือร้น
“รสชาติเป็นไงบ้าง” เขาถาม
“อร่อยมาก โดยเฉพาะซุป รสออกหวานนิด ๆ เหมือนจะมีรสของเลม่อนในซุปด้วย” เจียงเหยาซดซุปด้วยรอยยิ้มกว้างในขณะที่มือชี้ไปที่ซุปที่อยู่ข้างหน้าลู่ชิงสี
เธอมองดูลู่ชิงสีตักซุป เมื่อสายตาเหลือบไปเห็นเลม่อนฝานบาง ๆ อยู่ในนั้นด้วย เธอก็ยิ้มอย่างภาคภูมิใจยิ่งขึ้น
“ต่อมรับรสดีนี่” ลู่ชิงสีชมเธอ จากนั้นก็ถามด้วยน้ำเสียงสบาย ๆ
“แล้ววันชาติ หนึ่งเดือนหลังจากที่เริ่มเรียนในมหาวิทยาลัย คุณมีแผนจะทำอะไร?”
“อาจจะไปช้อปปิ้งกับเพื่อนห้องเดียวกัน หรืออาจจะกลับบ้าน” เจียงเหยาตอบ พร้อมก้มหน้ากินอาหารต่อ หลังจากนั้นทั้งคู่ไม่ได้พูดคุยอะไรกันอีก โดยลู่ชิงสีจะคีบอาหารให้กับเธอเป็นครั้งคราว
พวกเขาใช้เวลาในการทานอาหารกลางวันประมาณหนึ่งชั่วโมง
หลังจากออกจากร้านอาหาร เจียงเหยาเดินอยู่ข้างหลังลู่ชิงสี เธอใช้เขาแทนร่มกันแดดในช่วงเวลาที่ดวงอาทิตย์ร้อนสุด ๆ เช่นนี้ เธอถามเขา “เราจะกลับบ้านกันเลยไหม? ร้อนมากเลย”
“ไปดูหนังกันไหม” ลู่ชิงสีไม่ได้คิดจะกลับบ้านก่อนเวลาที่ตนเองวางไว้ นี่ถือเป็นช่วงเวลาอันล้ำค่าสำหรับเขาที่ได้ใช้เวลาอยู่กับเจียงเหยาตามลำพัง แม้ข้างนอกจะร้อน แต่เขาก็ยังไม่อยากกลับ
ยิ่งไปกว่านั้น เขาไม่เคยพาเธอออกมาข้างนอกเลย ตั้งแต่ที่พวกเขาแต่งงานกัน เขาคิดว่าสาว ๆ คงชอบดูหนัง เขาจึงวางแผนทุกอย่างไว้แล้ว ตอนนี้ก็อยู่ในกระเป๋าของเขาแล้วเ ระหว่างที่อยู่ในร้านอาหาร เขาได้ขอให้พนักงานออกไปซื้อตั๋วหนังให้
โชคดีที่ไม่เพียงแต่เจียงเหยาไม่คัดค้าน แต่เธอยังเร่งให้เขาขับรถไปโรงหนังทันที
หนังเรื่องนี้ยาวประมาณชั่วโมงครึ่ง ลู่ชิงสีไม่รู้ด้วยซ้ำว่าภาพยนตร์เรื่องนี้เกี่ยวกับอะไร เขารู้แค่เพียงว่ามันเป็นหนังตลกที่ทำให้ผู้หญิงตัวเล็กที่อยู่ข้าง ๆ เขาหัวเราะจนน้ำตาไหล ขณะที่เธอหัวเราะ เธอจะเขย่าแขนของเขาและถามเขาว่าทำไมเขาถึงไม่หัวเราะอยู่อย่างนั้นซ้ำไปซ้ามา
นี่เป็นครั้งแรกที่ลู่ชิงสีเห็นเธอหัวเราะและมีความสุขอย่างแท้จริง
หลังออกจากโรงหนังแล้ว ลู่ชิงสีพาเจียงเหยาไปเดินเล่นฆ่าเวลา ยังไม่ถึงเวลาที่จะพาเธอไปที่บ้าน พวกเขาเดินเล่นกันจนถึงห้าโมงเย็น และกว่าจะถึงบ้านของลุงก็ประมาณหกโมง
“พี่ชายมาแล้ว!” ทันทีที่ลู่เสี่ยวเซียวได้ยินเสียงรถ เธอมองลงมาจากระเบียงชั้นสอง จากนั้นก็โบกมือไปทางลู่ชิงสี พร้อมตะโกนเสียงดัง “พี่ชาย พี่สะใภ้ ขึ้นมาข้างบนเร็ว! พวกเรารอพวกพี่อยู่!”