WS บทที่ 294 เรือของนิโคล่า
เมื่อถึงจุดนี้ ร่างกายทั้งหมดของเมอร์ลินถูกปกคลุมด้วยชั้นของเปลวไฟสีซีดแต่เปลวเพลิงเหล่านี้ได้ลดน้อยลงแล้ว นี่คือเพลิงวินาศแต่ตอนนี้แม็กซิมได้ระงับไว้หมดแล้ว นอกจากนี้ มันถูกรวมเข้ากับคาถาธาตุไฟในจิตใต้สำนึกของเมอร์ลิน
*บูม!*
ในที่สุด ชั้นเปลวเพลิงสีซีดบนพื้นผิวร่างของเมอร์ลินก็วูบวาบ จากนั้นก็กลับเข้าไปในร่างของเขาทันที
ในขณะเดียวกัน ในจิตใต้สำนึกของเมอร์ลิน เปลวไฟสีซีดก็ถูกรวมเข้ากับคาถาธาตุไฟอย่างสมบูรณ์เช่นกัน แม้ว่ากระบวนการจะค่อนข้างแตกต่างจากการฝึกฝนพลังปีศาจแพนโดร่า ผสานผืนพิภพที่เขาฝึกฝนมาก่อนหน้านี้
เขาไม่รู้ว่ามันจะได้ผลหรือไม่ เขาจะรู้ว่าเมื่อเขาลองใช้งานมัน
“เพลิงพิโรธ!”
เมอร์ลินปล่อยเพลิงพิโรธออกไปอย่างรวดเร็ว และทันใดนั้น เปลวไฟอันรุนแรงก็ก่อตัวขึ้น เผาไหม้อย่างดุเดือดในความว่างเปล่า
เดิมทีเปลวไฟของเพลิงพิโรธนั้นเป็นสีแดง แต่ตอนนี้เปลวไฟนั้นซีดและปล่อยความร้อนอันน่าสยดสยองออกมา
"สำเร็จ! นี่คือเปลวไฟที่ผสานกับเพลิงวินาศอย่างสมบูรณ์!”
เมอร์ลินรู้สึกยินดี ภายใต้การปราบปรามของแม็กซิมแห่งไฟทำให้เพลิงวินาศถูกรวมเข้ากับคาถาธาตุไฟซึ่งมันจะช่วยปรับปรุงพลังของคาถาอย่างมาก
สำหรับขอบเขตของพลังที่เพิ่มขึ้นของเพลิงพิโรธนั้น เมอร์ลินก็ไม่ทราบแน่ชัด เรื่องไว้เขาค่อยตรวจสอบมันในอนาคต
เมอร์ลินยังให้ความสนใจกับการเปลี่ยนแปลงของเพลิงวินาศ มาโดยตลอด เมื่อมีบางอย่างผิดปกติ เขาจะใช้แม็กซิมแห่งไฟเพื่อปราบปรามอีกครั้ง
แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าเพลิงวินาศแข็งแกร่งเพียงใดหลังจากหลอมรวมเข้ากับคาถาธาตุไฟแล้ว แต่เมอร์ลินก็สามารถสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของเพลิงพิโรธที่ปล่อยออกมาก่อนหน้านี้อย่างชัดเจน มันแข็งแกร่งกว่าเพลิงวินาศดั้งเดิมมาก แน่นอนว่ามันไม่เพียงแค่เทียบเท่าพลังสูงสุดของคาถาระดับสี่อีกต่อไป
“ฟู่…”
หลังจากผสานเพลิงวินาศเข้ากับคาถาแล้ว เมอร์ลินก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมา
จากนั้นเขาก็เริ่มตรวจร่างกายและพบกับความรู้สึกที่ได้รับการปลดปล่อยจากสัญญาก่อนหน้านี้
เมื่อลงนามในสัญญาแล้ว มันทำให้นักเวทย์รู้สึกเหมือนถูกพันธนาการในส่วนลึกของหัวใจ จนถึงตอนนี้ เมอร์ลินได้ลงนามในสัญญาเพียงสองสัญญา สัญญาหนึ่งกับดินแดนมนต์ดำและอีกหนึ่งสัญญากับป้อมอูดอน
เขามั่นใจว่าเขาไม่ได้คิดไปเองเกี่ยวกับความรู้สึกของการยกเลิกสัญญาก่อนหน้านี้ ยิ่งกว่านั้น เมอร์ลินตรวจสอบอย่างละเอียดดูแล้วพบว่าพันธสัญญาได้หายไปจริง ๆ มันเป็นสัญญาที่ลงนามกับป้อมอูดอน
มันเป็นเรื่องยากมากที่จะยกเลิกสัญญา ดังนั้นเมอร์ลินจึงไม่เคยพยายามยุติสัญญาใด ๆ แม้ว่าจะมีความคิดเช่นนั้นก็ตาม เขาก็ไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ ทว่าตอนนี้สัญญาของเขากับป้อมอูดอนได้สิ้นสุดลงจริง ๆ ดังนั้นจึงเหลือเพียงความเป็นไปได้เดียวเท่านั้น คือ ทางป้อมอูดอนเป็นฝ่ายที่ยกเลิกสัญญา
“เกิดอะไรขึ้นกับป้อมอูดอน? พวกเขายกเลิกสัญญากับฉันทำไม?”
เมอร์ลินขมวดคิ้ว การยกเลิกสัญญาในตอนนี้ทำให้ทางป้อมอูดอนเสียหายเต็ม ๆ และป้อมอูดอนจะไม่มีวันบอกเลิกสัญญาโดยไม่มีเหตุผลที่ชัดเจน
“ดูเหมือนว่าฉันต้องไปที่หมู่เกาะเคิร์ดมันสลาเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้น”
เมอร์ลินคิดอยู่ครู่หนึ่งและตัดสินใจอยู่ในใจใช้แม็กซิมแห่งไฟควบคุมเรือของนิโคล่า ทันทีที่เขาบังคับเรือได้ เขาสั่งให้เรือหันหลังกลับและรีบไปยังหมู่เกาะเคิร์ดมันสลาด้วยความเร็วสูงสุด
เขาเพิ่งเรียนรู้เกี่ยวกับเรือของนิโคล่าได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้นแต่ควบคุมได้ง่ายอยู่แล้ว เมอร์ลินยังค่อย ๆ ศึกษาหน้าที่บางอย่างภายในเรือ
เรือของนิโคล่ามีความเร็วค่อนข้างสูง ขณะแล่นไปใต้ท้องทะเล มันเร็วกว่าคาถาบินที่ใช้โดยนัก้เวทย์ระดับสี่อย่างแน่นอนแต่มันใช้พลังงานเป็นจำนวนมาก
พลังงานที่ใช้สนับสนุนเรือของนิโคล่ามาจากธาตุไฟขนาดใหญ่ที่ดูดซับโดยหินธาตุไฟจากช่องมิติ
อย่างไรก็ตาม เมอร์ลินมักรู้สึกว่าเรือของนิโคล่าไม่ธรรมดา แม้แต่จอมเวทย์ในตำนานนิโคล่าเองก็ยังต้องจ่ายราคาแพงเพื่อให้นักเล่นแร่แปรธาตุสร้างเรือลำดังกล่าวขึ้นมา ดังนั้นมันจึงไม่น่าทำได้แค่ดำไปใต้ทะเลด้วยความเร็วสูงเท่านั้น มันต้องมีหน้าที่อย่างอื่นให้ใช้งานอย่างแน่นอน
“ความรู้สึกที่ได้ควบคุมเรือ มันช่างวิเศษจริง ๆ”
เมอร์ลินยังคงทำความคุ้นเคยกับความลึกลับของเรือนิโคล่า ในไม่ช้า เขาก็ค้นพบว่าธาตุไฟจำนวนเกินจินตนาการถูกเก็บไว้บนเรือของนิโคล่าเป็นเวลากว่าสามพันปีหรือมากกว่านั้นซึ่งก่อนที่เมอร์ลินจะได้ครอบครองเรือ ตัวเรือไม่ได้ใช้พลังงานมากนัก
และการที่หินธาตุไฟเหล่านี้ไม่ได้ถูกใช้งานเป็นเวลาที่นานมาก พวกมันได้รวมตัวเสาเพลิงขนาดใหญ่ที่ไม่มีใครเทียบได้นับสิบซึ่งมีพลังมากกว่าพลังงานของหินธาตุหลายพันเท่า
เป็นครั้งแรกที่เมอร์ลินรู้สึกถึง ‘ความยิ่งใหญ่’
“เสาเพลิงมากมายขนาดนั้น? พวกมันมีไว้ทำอะไร อย่าบอกนะว่าเรือของนิโคล่ามีพลังโจมตีมหาศาลด้วย?”
จู่ ๆ ก็มีความคิดแวบเข้ามาในหัวของเมอร์ลิน เขาพูดถูก เรือของนิโคล่าถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นที่หลบภัยเมื่อนิโคล่ากลับมาจากมิติที่แปลกประหลาดมายังดินแดนอันรุ่งโรจน์
เนื่องจากเป็นสถานที่ลี้ภัย จึงต้องค่อนข้างคล่องตัวและต้องเป็นประโยชน์ต่อนิโคล่า ดังนั้น เรือของนิโคล่าจึงมีพลังโจมตีที่น่ากลัว
เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ เมอร์ลินก็ค้นหาต่อไปแต่ไม่ว่าเขาจะมองหามันมากแค่ไหน ดูเหมือนว่าเขาจะไม่พบศักยภาพในการโจมตีอันยิ่งใหญ่ของเรือนิโคล่า
“เรือของนิโคล่า…เป็นไปได้ไหมที่ทั้งเรือของนิโคล่าเป็นอุปกรณ์เวทมนต์อันทรงพลัง”
เมอร์ลินควบคุมเรือของนิโคล่าและมองเห็นทุกซอกทุกมุมของเรือ เขาได้ตรวจสอบโครงสร้างโดยรวมของเรือนิโคล่าด้วย
แม้เหตุผลที่เขาสร้างขึ้นจะดูไร้สาระแต่มันจะน่ากลัวขนาดไหนหากเรือลำใหญ่ลำนี้เป็นอุปกรณ์เวทมนต์?
ทฤษฎีนี้อาจดูไร้สาระ แต่ยิ่งเมอร์ลินคิดเรื่องนี้มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งดูเหมือนว่าเขาพูดถูกมากขึ้นเท่านั้น ดังนั้นเขาจึงมุ่งความสนใจไปที่แม็กซิมแห่งไฟ เมอร์ลินรู้ด้วยว่าเขาสามารถควบคุมเรือของนิโคล่าได้เนื่องจากแม็กซิมแห่งไฟซึ่งทิ้งไว้โดยนิโคล่า
ขณะที่แม็กซิมแห่งไฟถูกจำลองโดยพลังจิตของเมอร์ลิน การควบคุมเรือของนิโคล่าของเมอร์ลินก็ค่อย ๆ คล่องแคล่วขึ้นเรื่อย ๆ ในที่สุด ความลับทั้งหมดบนเรือของนิโคล่าทั้งหมดก็ถูกเปิดเผยต่อหน้าต่อตาของเมอร์ลิน
“แน่นอนว่าเรือของนิโคล่าเป็นอุปกรณ์เวทมนต์อันทรงพลังจริง ๆ แต่สิ่งเดียวที่สามารถควบคุมเรือได้ก็คือได้คือพลังของแม็กซิม!”
ดูเหมือนว่าเมอร์ลินจะได้รับข้อมูลบางอย่างจากแม็กซิมแห่งไฟ ย้อนกลับไปในตอนที่จอมเวทย์ในตำนาน นิโคล่า ได้เรือและบังคับเรือโดยใช้แม็กซิม ผลลัพธ์ที่ได้ก็เพียงพอแล้วที่จะเป็นคู่แข่งกับพ่อมดในตำนานตัวจริง!
เมอร์ลินรู้สึกตกใจอย่างสุดซึ้งในหัวใจของเขา หากเรือแห่งนิโคล่าเปิดใช้งานจริง ๆ พลังของมันจะสามารถสู้กับจอมเวทย์ในตำนานได้
“น่าเสียดายที่มันเปิดใช้งานได้ด้วยแม็กซิมแห่งไฟเท่านั้นและตัวแม็กซิมที่จอมเวทย์ในตำนานนิโคล่าทิ้งไว้ให้นั้นไม่ได้เหลือพลังงานไว้มากเท่าไหร่นัก หากมันถูกใช้เพื่อเปิดใช้งานเรือของนิโคล่าอีกครั้ง พลังงานจำนวนมากจะถูกใช้ไป”
เมอร์ลินให้คุณค่ากับแม็กซิมแห่งไฟอย่างสูง เขาอาจจะไม่สามารถปรับแต่งและฝึกฝนหลักได้ในขณะนี้ แต่ในตอนนี้ของมันช่วยสร้างแบบโครงสร้างคาถาธาตุและเพื่อทำความเข้าใจแก่นแท้แห่งไฟในอนาคต
แม้ว่าเมอร์ลินหวังที่จะเป็นนักเวทย์ระดับเจ็ด แต่เขาสามารถใช้แม็กซิมแห่งไฟเพื่อสร้างและสร้างโครงสร้างเวทมนตร์ธาตุไฟใหม่ที่ทรงพลังอย่างไม่อาจประเมินได้
หลังจากที่กลายเป็นจอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่ การฝึกฝนและปรับแต่งแม็กซิมแห่งไฟนี้ได้วางรากฐานที่มั่นคงสำหรับการเลื่อนตำแหน่งให้เป็นจอมเวทย์ในตำนานในอนาคต แต่นี่เป็นสิ่งที่ยากเกินไปสำหรับเมอร์ลิน ในการคิดเรื่องไกลตัวในตอนนี้
เมื่อเขาได้ครอบครองเรือของนิโคล่า เขาเชื่อมั่นอย่างแรงกล้าสักวันหนึ่งเขาจะกลายเป็นจอมเวทย์
แต่น่าเสียดายที่เรือของนิโคล่าไม่สามารถนำออกไปได้ เนื่องจากมันสามารถเคลื่อนที่ได้เพียงใต้ทะเลเท่านั้น
หลังจากควบคุมเรือของนิโคลาแล้ว เมอร์ลินพบว่าเขาสามารถสำรวจรอบ ๆ ก้นทะเลผ่านเรือของนิโคล่าได้
“เอ๊ะ? คลื่นรุนแรงเช่นนี้…”
เมอร์ลินเห็นว่ารอบๆ เรือของนิโคล่า ดูเหมือนจะมีคลื่นซัดสาดอย่างต่อเนื่องที่พุ่งออกมาจากพื้นผิวทะเล ก่อตัวเป็นคลื่นทะเลขนาดมหึมา
อย่างไรก็ตาม เมื่อเมอร์ลินตรวจสอบอย่างละเอียด เขาก็สูดหายใจเข้าอย่างแรง เพราะเขาเห็นว่าบนผิวทะเล มีสัตว์ทะเลหนาแน่นมากมายภายในคลื่นอันรุนแรง สัตว์ทะเลเหล่านี้แพร่จิตสังหารอันดุร้ายซึ่งพุ่งไปที่ชายหาด
“สัตว์ทะเลโจมตีหมู่เกาะเคิร์ดมันสลางั้นเหรอ?”
เมอร์ลินนึกถึงความเป็นไปได้นี้ในใจทันที ท้ายที่สุด ก่อนที่เขาจะถูกลากลงทะเลไปยังเรือของนิโคล่า เขาได้ฆ่าสัตว์ทะเลจำนวนมากเพียงลำพังที่โจมตีเกาะเพลิงม่วง
สัตว์ทะเลเหล่านี้อาจแข็งแกร่ง แต่เมอร์ลินไม่คิดว่าหมู่เกาะเคิร์ดมันสลาจะรับมือไม่ได้ ที่นั่นมีนักเวทย์ระดับเก้าสามคนในป้อมอูดอน และมีข่าวลือว่ามีจอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่ตั้งรกรากอยู่ที่เกาะ แม้ว่าสัตว์ทะเลจะมีจำนวนมาก แต่เหล่านักเวทย์ที่หมู่เกาะเคิร์ดมันสลาก็ยังคงสามารถรับมือได้อย่างง่ายดาย
อย่างไรก็ตาม เมื่อเมอร์ลินขยายพลังจิตของเขาออกจากทะเลและมองดูสถานการณ์บนเกาะ สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปในทันใด เขากระซิบเสียงต่ำ
“นั่น…เป็นสัตว์ราชาทั้งสองอย่างนั้นหรือ? ราชาในหมู่สัตว์ทะเลที่มีพลังเทียบเท่าจอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่!”
เมอร์ลินเห็นสัตว์ทะเลขนาดมหึมาสองตัวที่สร้างความหายนะบนชายหาด นอกจากนี้ ต่อหน้าสัตว์ทะเลทั้งสอง เขายังเห็นพ่อมดอูโม่และเหล่านักเวทย์อื่น ๆ อีกมากมาย
ใบหน้าของพ่อมดอูโม่มีแววตาแน่วแน่ และเมอร์ลินก็เข้าใจทำไมสัญญาในร่างกายของเขาจึงสิ้นสุดลง เกรงว่าไม่เพียงแต่เขาเท่านั้นแต่สมาชิกทุกคนในป้อมอูดอนทั้งหมดจะถูกยกเลิกสัญญาในร่างกายของตนด้วย
เมอร์ลินรู้ดีว่าสัตว์ราชาทั้งสองหมายถึงอะไร ทั่วทั้งหมู่เกาะเคิร์ดมันสลา เกือบจะเป็นการทำลายล้างครั้งใหญ่
“ป้อมอูดอนไม่ควรหายไปแบบนี้…ในฐานะที่ฉันเป็นยังมีเสื้อคลุมขอบทองฉันจะไม่ยอมให้มันเกิดขึ้นเด็ดขาด!”
เมอร์ลินก้มศีรษะลงเล็กน้อยและเหลือบมองไปยังเสื้อคลุมขอบทองที่สวมอยู่ จากนั้นภาพของพ่อมดอูโม่กับพ่อมดเบย์ตันแวบเข้ามาในหัวของเขา
หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง เมอร์ลินก็ค่อย ๆ เงยหน้าขึ้น รอยยิ้มที่ผ่อนคลายปรากฏขึ้นที่ขอบริมฝีปากของเขา
*บูม!*
ทันใดนั้นเอง แม็กซิมแห่งไฟในจิตใต้สำนึกของเมอร์ลินเริ่มมีการเปลี่ยนแปลง!