ฟ้าส่งข้ามาเติมรัก บทที่14
"อาตง อาตง เจ้าอยู่ไหม"
เสียงเรียกชื่อดังกึกก้อง ตามด้วยการปรากฏตัวของชายหญิงคู่หนึ่ง ผู้ใหญ่ทั้งสามในบ้านที่กำลังอยู่ในกิจกรรมกินข้าวชะงักมือลง
ส่วนเด็กๆทั้งสามกับแสดงกิริยาหวาดกลัว ตัวหานชิงและหานเหนียนวิ่งเข้าไปกอดมารดาตัวสั่น ส่วนเซียนเหยาก็วิ่งเข้าไปหลบหลังมารดาของตน
"หึ เจ้าใหญ่เจ้ารอง เจอลุงใหญ่กับป้าสะใภ้ใหญ่เหตุใดถึงไม่ทักทาย ช่างใช้ไม่ได้จริงๆ"
น้ำเสียงดุดันเหยียดหยามของฝ่ายหญิงที่มา กล่าวขึ้นอย่างไม่ไว้หน้า
เว่ยเหนียนเหยากอดปลอบลูกชายทั้งสองก่อนจะลุกขึ้น เฮ้อที่แท้ก็ญาติฝ่ายสามีนี้เอง
"พี่สามี พี่สะใภ้ ไม่ทราบว่าท่านมีธุระอันใด ตอนนี้ท่านพี่ไม่อยู่เจ้าค่ะ"
สองสามีภรรยาวางท่าเดินเข้ามาในบ้านอย่างไร้มารยาท มองดูกับข้าวบนโต๊ะตาวาว ดูท่าสิ่งที่ชาวบ้านร่ำลือจะเป็นจริง น้องชายของตนน่าจะได้โชคจากการเข้าป่า จนเปลี่ยนเป็นเงินก้อนโตเป็นแน่
มิน่าล่ะ น้องสะใภ้คนนี้ถึงได้เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือแบบนี้ หานเวิ่นมองหญิงสาวด้วยสายตาเหยียดหยามดูแคลน
"ท่านพ่อท่านแม่ เป็นห่วงเจ้ารองกับหลานๆเลยให้ข้าเข้ามาดู และให้บอกเจ้ารองด้วยว่า ให้พาหลานๆเข้าไปหาหน่อย เพราะนางคิดถึงหลานทั้งสองมาก"
หานเวิ่นรู้ว่า หานตงต้องการความรักจากมารดามากเพียงใด พวกเขามักจะใช้จุดจุดนี้คอยรัดเอาเปรียบอีกฝ่ายอยู่เสมอ
สองสามวันที่ผ่านมา หานตงคงกำลังโกรธและน้อยใจ กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนั้น จึงทำให้น้องสะใภ้ได้ประโยชน์จากเงินก้อนใหญ่ไปเต็มๆ
เขาสังเกตดูว่าอาหารบนโต๊ะมีอาหารจานเนื้อหนึ่งจาน ผัดผักหนึ่งจาน แถมยังมีข้าวสวย หลานชายทั้งสองก็ดูอวบอิ่มขี้น แถมยังสวมใส่เสื้อผ้าใหม่อีก
ไอหยาบ้านหลังนี้ใช้เงินไปมากเพียงใดแล้วนะ ไม่ได้ ไม่ได้ เขาต้องรีบให้หานตงไปพบมารดา หากหานตงไปพบมารดา เขาเชื่อว่าด้วยสติปัญญาของมารดา นางต้องจัดการรีดเงินจากหานตงออกมาได้หมดแน่ๆ
"เอาอย่างนี้เถอะเจ้าค่ะ เดี๋ยวท่านพี่กลับมาข้าจะบอกให้ ตอนนี้เชิญท่านกลับไปก่อนเถอะ ข้าหิวข้าว คงไม่ออกไปส่งนะเจ้าคะ เด็กๆกลับไปนั่งกินข้าวกันลูก อาหารเย็นแล้วเดี๋ยวจะไม่อร่อย"
"ท่านแม่ลี่ ซินเซียง กินข้าว เจ้าค่ะ"
เว่ยหานเวิ่นกับภรรยาเห็นว่าน้องสะใภ้ไม่ให้ความเคารพพวกตน แถมยังขับไล่ตนต่อหน้าผู้อื่น ก็โกรธหน้าดำหน้าแดงกลับไป
ผ่านไปจนถึงยามเว่ยรถเกวียนคันหนึ่งก็วิ่งมาจอดที่หน้าบ้าน หานตงและเซียนย้งก้าวลงจากรถ ยังไม่ทันที่จะเข้าบ้าน เจ้าใหญ่กับเจ้ารองก็แข่งกันเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ฟัง
หานตงถอนใจก่อนจะส่งของเล็กๆที่พวกเขาซื้อมาให้เด็กๆวิ่งกลับเข้าไปเก็บในบ้าน ส่วนตัวพวกเขาก็หอบอาหารแห้ง และอื่นๆตามเข้าบ้านไป
"ท่านพี่ท่านกลับมาแล้ว เหนื่อยหรือไม่เจ้าคะ"
"ไม่เหนื่อยหรอก วันนี้ดูท่าเจ้าจะเหนื่อยมากกว่าพี่นัก"
เว่ยเหนียนเหยาส่ายหน้า นางยังไม่รู้ว่า ในใจสามีคิดอย่างไรกับคนพวกนั้น จึงไม่อยากโต้ตอบรุนแรง เกรงว่าจะทำให้สามีลำบากใจ
"อาเหยา มีเพียงเจ้ากับบุตรชายเท่านั้น จึงจะเป็นคนในครอบครัว"
หานตงเลิกคิดเลิกฝันถึงความรักของมารดาตั้งแต่เหตุการณ์วันนั้นแล้ว ชายหนุ่มสลัดความคิดทั้งหมด ดึงมือภรรยาเดินเข้าไปในห้อง ก่อนจะนำเงินที่ได้มาถึง 300ตำลึงทองวางลงตรงหน้าหญิงสาว
เว่ยเหนียนเหยาตาโต ไม่คิดเลยว่าปลาไหลจะขายได้ราคาถึงเพียงนี้ นางเริ่มคิดถึงแหล่งที่มาของรายได้ จากเท่าที่นางสังเกต ปลาไหลในบึงนั้นน่าจะเหลืออยู่อีกจำนวนหนึ่ง
แต่นางไม่อยากจับขึ้นมาทั้งหมด นางมีแผนการสำหรับปลาไหลพวกนั้นอยู่ในหัวอยู่แล้ว
"แล้วทำไมท่านไม่แบ่งเงินให้เซียนย้งไปละเจ้าคะ"
"ไม่ว่ายังไงเขาก็ปฏิเสธหัวชนฝา บอกว่าเงินนี้ไม่ใช่ของเขา ถึงเขาจะยากจนแต่ก็มีศักดิ์ศรี ไม่คิดหยิบฉวยของของผู้อื่น ข้าจึงทำแบบที่เจ้าบอก พาเขาไปที่ร้านที่เจ้าเคยซื้อข้าวสาร เถ้าแก่ร้านความจำช่างดียิ่งนัก เขานำรายการที่เจ้าเคยซื้อมาให้ข้าดู ข้าจึงตัดบางอย่างที่ไม่จำเป็นออก ก่อนจะให้เขาจัดมาให้อย่างละสองชุด
จากนั้นข้าก็ให้เซียนย้งไปหาเกวียนรับจ้าง ก่อนที่ตัวข้าจะเดินไปซื้อที่นอนกับผ้าห่มมาให้พวกเขาสามชุด ตอนกลับมาถึงแม้เขาจะทำหน้าแปลกใจแต่ก็ไม่ได้สอบถามอะไร เมื่อเกวียนมาถึงหน้าบ้านพวกเขา ข้าเลยให้คนขับหยุดรถ และบังคับให้เขาขนของเข้าบ้านไป"
หานตงเล่าให้ภรรยาฟังอย่างภาคภูมิใจในความฉลาดของตัวเอง
"ท่านพี่เก่งมากเลยเจ้าค่ะ ส่วนเรื่องเงินเดี๋ยวข้าจะค่อยๆหาวิธีให้เขายอมรับไปเอง"
สองสามีภรรยาเดินออกมาหาครอบครัวของเซียนย้งที่นั่งอยู่ เซียนย้งกำลังเล่าให้ภรรยาฟังว่า ครอบครัวของหานตงดีกับพวกเขาเพียงใด ไม่เพียงซื้อข้าว และหมูให้ แม้กระทั่งผ้าห่ม และที่นอนยังจัดเตรียมไว้ให้พวกเขาอีก
นางลี่สือหลินได้ฟังก็ยิ่งรู้สึกซาบซึ้ง ครอบครัวของเว่ยหานตงเป็นอย่างมาก เป็นบุญของบุตรสาวและบุตรเขยของนางที่สร้างไว้หลายภพชาติ จึงตามมาส่งผลในชาตินี้แน่ๆ
"เซียนย้ง เจ้าพอจะรู้จักช่างไม้ฝีมือดีบ้างหรือไม่"
"ลูกชายบ้านป้าหวังขอรับ เป็นช่างไม้ฝีมือดีที่สุด แต่เขามักจะเรียกค่าฝีมือแพงเกินไป ชาวบ้านแถวนี้จึงไม่ค่อยจะจ้างงานเขาขอรับ"
"แพงเกินไป?"
"ขอรับ แต่สำหรับข้า ข้าเคยเห็นงานของเขาอยู่ครั้งหนึ่ง ตอนนั้นเขาขาดแรงงานที่จะยกตู้ไม้เพื่อนำส่งเข้าไปในเมือง เลยมาจ้างข้าให้ไปช่วย งานของเขาประณีตมาก ทั้งยังใช้ไม้เนื้อแข็งทั้งหมด เห็นว่าตู้ใบนั้นเขาขายไปในราคาถึงห้าตำลึงเงินเลยทีเดียวขอรับ"
โดยปรกติแล้ว ตู้ทั่วไปจะอยู่ที่ราคาไม่เกินหนึ่งก๊วน สูงสุดคือสองตำลึงเงิน ตามแต่เนื้อไม้ที่นำมาสร้าง หากแต่สิ่งที่นางต้องการในตอนนี้เป็นสิ่งที่ต้องใช้ช่างที่มีความสามารถและต้องทำออกมาให้ประณีตและสวยงาม เพื่อเป็นการต่อยอดขายให้กับงานของนาง
"ไม่เป็นไร พรุ่งนี้เจ้าช่วยไปตามเขามาให้ข้าหน่อย ส่วนนี่ข้าให้เป็นค่าเสียเวลาของเจ้า"
หญิงสาวส่งถุงเงินใบเล็กให้กับเซียนย้ง เซียนย้งรีบปฏิเสธทันทีพร้อมทั้งพยายามส่งถุงเงินกลับ
"พี่สะใภ้เรื่องเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ข้าจะรับเงินท่านได้อย่างไร"
"อาย้งตั้งแต่พรุ่งนี้ข้ากับสามีคงจะยุ่งมาก เรื่องบางเรื่องอาจต้องรบกวนเจ้าและอาเซียง หากเจ้าไม่รับเงินนี่ไว้ จะให้ข้าหน้าด้านรบกวนเจ้าได้อย่างไร ช่างเถอะ หากว่าเจ้าไม่มีใจจะช่วยข้า ก็ลืมคำพูดพวกนั้นซะ"
หานตงพยักหน้าให้เซียนย้งรับเงินไว้ เซียนย้งจึงเก็บเงินเข้าไปในอกเสื้อก่อนจะโค้งตัวกล่าวขอบคุณ
"พี่สะใภ้วันนี้พวกข้ารบกวนมานานแล้ว คงต้องขอตัวก่อน เดี๋ยววันพรุ่งนี้ข้าจะรีบมาช่วยท่านเย็บชายผ้าเช็ดหน้าให้เสร็จเจ้าค่ะ"
"พาท่านแม่กับอาเหยามาด้วยเถอะนะ ที่บ้านจะได้ครึกครื้นสักหน่อย ส่วนนี้ข้าให้เจ้าเป็นสินน้ำใจในวันนี้ หากเจ้าปฏิเสธก็ไม่ต้องมาเรียกข้าว่าพี่สะใภ้อีก"
ซินเซียงน้ำตาคลอเบ้าอย่างซาบซึ้ง ก่อนจะขอบคุณอีกครั้ง เมื่อครอบครัวของเซียนย้งกลับไป สองสามีภรรยาก็กลับมานั่งปรึกษากันถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นอีกครั้ง
แจ้งเรื่องค่าของเงินกันสักหน่อย
1,000อีแปะ เท่ากับ 1 ตำลึงเงิน
10ตำลึงเงิน เท่ากับ 1 ตำลึงทอง
ขอออกตัวก่อนว่า ไรท์ก็ไม่ค่อยรู้เรื่องราคาสิ่งของมากนัก แต่พยามคิดว่า ที่ๆนางเอกอยู่จริงๆคือบ้านนอก ดังนั้นราคาของก็ไม่น่าจะแพงมาก ยกเว้นแต่สิ่งของที่ต้องใช้คนที่ชำนาญทำราคาถึงน่าจะสูง
ดังนั้นเรื่องราคาสินค้า อาจจะมีไม่เหมาะสมบ้าง ก็ขออภัยไว้ก่อนนะเจ้าคะ
???????