ตอนที่ 45 เป็นของคุณ
หลังจากผ่านไปชั่วโมงกว่า ๆ
พวกเขาทั้งคู่ออกจากห้างสรรพสินค้า เมื่อกำลังมุ่งหน้าไปยังทางออก ชายวัยกลางหิ้วกระเป๋าเอกสารของเขารีบเข้ามาที่ห้างสรรพสินค้า ขณะที่เขากำลังจะพุ่งผ่านพวกเขาไป ชายวัยกลางคนก็รีบถอยหลังกลับสองสามก้าว พร้อมร้องทักออก
“นายท่านลู่ อ๊ะ ผมนี่ตาถั่วเสียจริง เกือบจะพลาดกับคุณแล้วสิ!”
ผู้ชายคนนี้คือเจ้าของห้างสรรพสินค้า เขารีบมาที่ห้างสรรพสินค้าทันที ที่ได้รับสายจากผู้จัดการ
“นายท่านลู่ หายากเหลือเกินที่คุณจะมาเป็นของเรา ให้ผมเลี้ยงอาหารกลางคุณและภรรยาหน่อยเถอะครับ” คุณหลี่ นายใหญ่ของห้างสรรพสินค้ารีบออกตัวชวนพวกเขาไปทานอาหารกลางวัน ส่วนใหญ่ก็เพื่อประเมินสถานการณ์ว่าเขายังโกรธกับเหตุการณ์เมื่อชั่วโมงที่ผ่านมาหรือไม่ เกรงว่าเขาจะกลับไปพูดเรื่องนี้กับผู้อาวุโสลู่ ถ้าเป็นอย่างนั้นความตั้งใจที่จะขอกู้เงินเพิ่มก็คงเป็นอันต้องโยนทิ้งไป
ธุรกิจของเขาติดขัด เพราะการก่อตั้งบริษัทใหม่ในต่างจังหวัด แต่กลับกลายเป็นการลงทุนที่ขาดทุน ตอนนี้เขาจำเป็นต้องหาแหล่งเงินอย่างเร่งด่วน
“ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณครับ” ลู่ชิงสีปฏิเสธทันที “ผมไม่ค่อยได้กลับบ้าน เวลาของผมตอนนี้ยกให้เธอไปหมดแล้วครับ”
จากนั้นเขาก็จับมือเจียงเหยาและเดินตรงไปที่ลานจอดรถโดยไม่พูดอะไรกับคุณหลี่ที่รีบตามมาถึงที่นี่
“ตอนนี้เราจะไปไหนกันคะ” เจียงเหยานั่งอยู่ในรถและมองไปนอกหน้าต่าง เธอรู้สึกถึงความที่ไม่ปกติในใจของเธอ ภาพลักษณ์ของลู่ชิงสีในใจของเธอเปลี่ยนไปทั้งหมด เพียงเพราะสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้
เธอไม่เคยรู้แม้แต่น้อยว่า แม้แต่เจ้าของห้างสรรพสินค้าและผู้จัดการห้างสรรพสินค้าต่างก็เรียก ลู่ชิงสี ว่านายท่านลู่ เมื่อเธอนึกถึงปฏิกิริยาที่ไร้อารมณ์ของเขาต่อชื่อเรียกนี้ เธอคิดว่าเขาคงชินกับคำเรียกเช่นนี้แล้ว
เจียงเหยามองไปที่ลู่ชิงสี และพึมพำออกมา “นายท่านลู่?”
ลู่ชิงสีจอดรถหน้าร้านอาหารแห่งหนึ่ง แต่เขาไม่ได้รีบลงจากรถ เขาหันมาสบตาเจียงเหยา และถามว่า “แล้วอย่างนี้ ผมควรเรียกคุณว่าคุณนายลู่ด้วยรึเปล่า? หรือนายหญิงลู่? หรือคุณผู้หญิงเจียงดี?”
“ไม่ ไม่ต้องเลยนะ! ฟังดูบ้าบอ เหมือนคนแก่ พวกยุคทุนนนิยม สังคมโบราณอะไรแบบนั้นล่ะ!” เจียงเหยาส่ายหน้าด้วยความไม่พอใจ เธอพร้อมจะเปิดประตูและลงจากรถ ทว่าผลักอย่างไรก็ไร้ผล หลังจากนั้นเธอได้ยินเสียงหัวเราะเบา ๆ ของลู่ชิงสี เธอก็เข้าใจสถานการณ์ได้ทันที เขาล็อคประตูรถ มิน่าเล่า ถึงเปิดอย่างไรก็เปิดไม่ออก
เจียงเหยาจ้องมองไปที่ลู่ชิงสี “เปิดประตูสิ”
ลู่ชิงสีพยักหน้าด้วยรอยยิ้มและปลดล็อคประตู พวกเขาลงรถไปด้วยกัน
ลู่ชิงสีเลือก้านอาหารกว้างตุ้งชื่อดังของเมืองนี้ สำหรับมื้อกลางวันของพวกเขา ร้านนี้ถือได้ว่าเป็นร้านอาหารยอดนิยมที่คนแน่นตลอด
เจียงเหยามองไปรอบ ๆ ด้วยความสับสน ขณะที่ลู่ชิงสีเดินไปข้างหน้าและพูดกับพนักงาน จากนั้นพนักงานเสิร์ฟก็รีบลุกขึ้นยืนอย่างให้เกียรติ และพาพวกเขาไปโต๊ะริมหน้าต่าง
ลู่ชิงสีเป็นคนสั่งอาหาร เธอมองดูเขา พูดชื่ออาหารสองสามอย่าง โดยไม่พลิกดูเมนูด้วยซ้ำ เห็นได้ชัดว่าเขาคุ้นเคยกับสถานที่นี้มาก
หลังจากที่พนักงานเสิร์ฟออกไปพร้อมกับเล่มเมนู ลู่ชิงสีพูดขึ้น ขณะที่เห็นเจียงเหยามองไปรอบ ๆ อย่างสงสัย
“ผมไม่ได้จองห้องส่วนตัวไว้ ตอนนี้ห้องส่วนตัวเต็มหมดแล้ว ชั้นหนึ่งก็ค่อนข้างแอดอัดและเสียงดัง อดทนหน่อยนะ”
เจียงเหยาพยักหน้าและมองชายที่นั่งตรงข้ามเธออย่างจริงจัง เขาหยิบถ้วยน้ำชาและรินชาให้กับเธอ กลิ่นดอกเบญจมาศหอมฟุ้งเข้าจมูกเธอ เขาสั่งชาเก๊กฮวยที่มีฤทธิ์ช่วยลดร้อนใน ซึ่งถือเป็นเครื่องดื่มที่เหมาะอย่างมากในฤดูร้อน
ลู่ชิงสีดูเก่งและสง่างามมากในขณะที่เขารินชา เขาสังเกตเห็นว่าเจียงเหยากำลังเฝ้าดูเขาอยู่
แต่เขาเพียงแค่ลืมตาขึ้นมองเธอแวบหนึ่งโดยไม่พูดอะไร เขาวางถ้วยน้ำชาของเธอไว้ข้างหน้า ก่อนจะรินชาให้กับตัวเอง
เจียงเหยาตะลึงอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะถือถ้วยน้ำชาและเป่าไล่ความร้อน ก่อนจะค่อย ๆ จิบ