ตอนที่ 44 หลุมพราง
ผู้จัดการจางยืนแน่นิ่งเบิกตากว้างและอ้าปากค้างด้วยความตกใจ
ก็คงจะมีเพียงตระกูลลู่เท่านั้นที่ร่ำรวยถึงขั้นซื้อเดรสตัวละแปดร้อยเอาไปเป็นผ้าปูเบาะรองนอนของสัตว์เลี้ยง เกิดเป็นหมาของตระกูลลู่นี่ช่างโชคดีเสียจริง
แม้จะฟังดูเกินจริงไปหน่อย ผู้จัดการก็มั่นใจว่านายท่านลู่คงจะหมายความอย่างที่เขาพูดจริง ๆ เพราะยังไงซะตระกูลลู่ก็รวยล้นฟ้าอยู่แล้วนี่
ผู้จัดการจางรู้ถึงอารมณ์ของลู่ชิงสี เขาจึงทำตัวนิ่งเงียบ พยายามไม่ให้เกิดเรื่องอะไรขึ้นอีก จากเหตุการณ์วันนี้ ก็แสดงให้เห็นแล้วว่านายน้อยลู่เขารักภรรยาของเขามากแค่ไหน เพียงแค่ภรรยาของเขาถูกทำให้ไม่พอใจ เขาถึงกลับโกรธเป็นฟืนเป็นไฟได้ขนาดนี้
เมื่อคิดถึงผลที่เกิดขึ้นในครั้งนี้แล้ว ผู้จัดการจางจึงคิดเรื่องหนึ่งขึ้นได้ เขาควรจะแจกรูปของทุกคนในตระกูลลู่ให้กับพนักงานของบริษัททุกคนตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป และจะบังคับให้ทุกคนจำหน้าของพวกเขาให้ได้และไม่สร้างปัญหาให้กับพวกเขา โดยเฉพาะนายท่านลู่ เพราะเขาเป็นคนที่เข้าถึงได้ยากที่สุด อีกอย่างเขายังเป็นทหารในฐานทัพจินโดด้วย
ครอบครัวลู่ร่ำรวย นายท่านลู่ถือเป็นทายาทของเศรษฐี บวกกับเขามีเครือข่ายของผู้มีอิทธิพลในเมืองหลวง หากพวกเขาโกรธขึ้นมา การปิดห้างสรรพสินค้าแห่งนี้ ทำได้ง่าย ๆ เพียงดีดนิ้วเท่านั้น
หลังจาชำระเงินแล้ว ลู่ชิงสีพาเจียงเหยาไปยังชั้นสามของห้างแห่งนี้ เจียงเหยาเหลือบมองถุงกระดาษในมือและสังเกตท่าทางของเขาอย่างเงียบ ๆ จากนั้นเธอก็ถอนหายใจออกมา
“ลู่ชิงสี คุณนี่ใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายมากเลยนะ ชุดนี้ราคาตั้งแปดร้อย! ถ้าฉันใส่ไม่ได้ขึ้นมาจริง ๆ ล่ะ คุณจะเอาไปปูรองให้หมาจริง ๆ เหรอ? ถึงแม้ว่าครอบครัวของคุณจะรวยก็เถอะ แต่จะมาใช้เงินแบบนี้ไม่ได้นะ!”
“คุณไม่ชอบเหรอ” ลู่ชิงสีมองดูเธอด้วยสายตาซุกซน ขณะที่มือก็เขย่าถุงกระดาษ “ไม่ต้องห่วง ผมจ่ายได้ คุณอยากได้อะไรผมจะให้ทั้งนั้น”
“ไม่ได้ นี่มันเงินของพ่อแม่คุณนะ คุณยังตำแหน่งไม่สูงอะไร ยังหาเงินได้ไม่มาก” เจียงเหยายอมผ่อนให้เขา “เพราะงั้น เราจะใช้จ่ายฟุ่มเฟือยไม่ได้”
ลู่ชิงสีหยุดนิ่ง เมื่อได้ยินคำพูดของเธอ เขาเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า
“นี่คุณกำลังสงสัยความสามารถของผมเหรอ? คุณคิดว่าผมดูแลคุณโดยไม่พึ่งพ่อกับแม่ของผมไม่ได้เหรอ?”
เจียงเหยาอ้าปากค้างและส่ายหน้า “เปล่า ไม่ใช่อย่างนั้น”
เธอเพียงแค่รู้สึกว่าเธอไม่ควรใช้เงินฟุ่มเฟือยก็เท่านั้น
หลังจากนั้นไม่นานลู่ชิงสีก็หัวเราะคิดคักและพูดว่า
“ผมไม่เคยขอเงินพ่อกับแม่ใช้ ตั้งแต่เรียน ม.ต้นแล้ว เพราะงั้นไม่ต้องกังวลหรอก ตอนนี้ผมใช้เงินตัวเองอยู่”
เจียงเหยามองเขาด้วยความสงสัย ลู่ชิงสีอธิบายต่อ
“ก็จริงที่เงินเดือนของทหารนั่นไม่มาก แต่ผมก็มีแหล่งรายได้อื่นอยู่ ถ้าคุณอยากรู้ วันชาติมาเยี่ยมผมที่ฐานทัพสิ ผมจะอธิบายให้คุณฟังทีละเรื่อง”
“ทุจริต? รับสินบน? เลี่ยงภาษี?” เจียงเหยาโพล่งความคิดแรกที่แล่นเข้ามาในหัวของเธอ แต่แล้วก็ส่ายหน้าและพูดต่อ “แต่คุณ ไม่ใช่คนแบบนั้นนี่”
ลู่ชิงสีถอนหายใจด้วยความตกใจ เขายกมือขึ้นเคาะศีรษะของเธอเบา ๆ “มีเรื่องไร้สาระอะไรอยู่ในหัวของคุณบ้างหะ? ถ้าคุณอยากรู้จริง ๆ ล่ะก็ วันชาติมาหาผมที่ฐานทัพ”
เจียงเหยาขมวดคิ้ว “อย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะ นี่คุณกำลังจะหลอกล่อให้ฉันไปหาคุณที่ฐานทัพในวันหยุดสุดสัปดาห์ล่ะสิ ฉันไม่ตกหลุมพรางของคุณหรอก”
ลู่ชิงสี เป็นคนเจ้าเล่ห์ราวกับจิ้งจอก เขาพยายามหาวิธีพูดหลอกล่อให้เธอไปหาเขาในวันชาติ เจียงเหยาเลยไม่เชื่อในสิ่งที่เขาพูด
ลู่ชิงสีพูดไม่ออก อุตส่าห์วางแผนไว้อย่างดีแล้ว พลาดจนได้
เพราะเขาต้องกลับฐานทัพในวันรุ่งขึ้น แต่เขาไม่เต็มใจที่จะออกจากบ้านเลย ถ้าให้พูดตรง ๆ ก็คือไม่อยากจากเธอไปเลย
เขาอยากให้เจียงเหยามาที่ฐานทัพในวันชาติ แต่เขาก็หาเหตุที่ทำให้เธอมาหาเขาไม่ได้เลย
“คุณจะมา?” ลู่ชิงสีถามและเหลือบมองไปที่ท่าทีของเจียงเหยา
“ไม่ ฉันไม่ไป” เจียงเหยาสูดลมหายใจเข้าลึกและเดินนำเข้าไป โดยทิ้งให้ลู่ชิงสีเดินตามอยู่ข้างหลัง
เขาถอนหายใจและก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ในขณะที่คิดกับตัวเอง สำหรับเรื่องนี้เขาหุนหันพลันแล่นไปหน่อย
ความสัมพันธ์ของพวกเขาดีขึ้นแล้วก็จริง แต่เขารีบร้อนไปหน่อย