ตอนที่แล้วฟ้าส่งข้ามาเติมรัก บทที่8
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปฟ้าส่งข้ามาเติมรัก บทที่10

ฟ้าส่งข้ามาเติมรัก บทที่9


รถม้าคันใหญ่วิ่งเข้ามาในหมู่บ้าน ชาวบ้านต่างออกมามองดูด้วยความอยากรู้อยากเห็น เนื่องจากผู้คนในหมู่บ้านนี้มีอยู่ไม่น้อย หากแต่ไม่มีผู้ใดจะมีฐานะถึงขนาดเช่ารถม้าคันใหญ่โตมาส่งเลยสักครั้ง

"โอ้ นั้นเป็นคนบ้านไหนกันนะ ทำไมถึงนั่งรถม้าคันใหญ่มาถึงหมู่บ้านเราได้"

"นั่นสินั่นสิ นานแล้วนะที่ข้าไม่เคยเห็นรถม้าคันใหญ่ถึงเพียงนี้ เป็นบุญตาข้าจริงๆ"

เสียงรถม้าค่อยๆวิ่งผ่านไปพร้อมกับเสียงเล่าลือปนสงสัยก็ดังตามรถม้าออกไปเรื่อยๆ

"อาเหยาตื่นเถอะถึงบ้านแล้ว"

หญิงสาวค่อยๆกะพริบตา ก่อนจะหลับตาตั้งสติอยู่ชั่วครู่ ตายแล้ว นางเผลอตัวนอนหลับไปตอนไหนเนี่ย นางช้อนตาขึ้นมองสามีอย่างออดอ้อนปนขอโทษ

"ข้าขอโทษเจ้าค่ะท่านพี่ ข้าไม่รู้ตัวว่าเผลอหลับไปตอนไหน"

ชายหนุ่มหันมาลูบผมและจัดเสื้อผ้าให้กับผู้เป็นภรรยาอย่างอ่อนโยน

"หากเจ้ายังไม่หายง่วงอีกประเดี๋ยวก็เข้าไปนอนพักผ่อนในห้องอีกสักครู่ ข้าวของพวกนี้เดี๋ยวข้าจะขนเข้าไปเก็บเอง"

หญิงสาวหน้าแดงกับความอ่อนโยนที่ได้รับ นางรีบส่ายหน้าปฏิเสธ ก่อนจะหันไปปลุกบุตรชายทั้งสอง เด็กทั้งสองเมื่อเห็นว่าตนมาถึงบ้านแล้ว ต่างทำหน้าเสียดายที่มัวแต่นอนหลับ เลยไม่ได้ดูทิวทัศน์จากนอกหน้าต่างเหมือนที่เคยคุยกันไว้

หานตงลงไปจากรถม้า จากนั้นก็รอรับบุตรและภรรยาลงตามมา คนขับรถม้าลงมาช่วยขนสิ่งของต่างๆเข้าบ้านอย่างมี อัธยาศัย

เมื่อเสร็จเรียบร้อยแล้ว นางก็จ่ายเงินพิเศษเพิ่มให้คนขับรถม้าอีกห้าสิบอีแปะ ถือว่าเป็นการแสดงความขอบคุณ

เว่ยเหนียนเหยาลงมือคัดแยกของออกเป็นหมวดหมู่ อะไรควรเก็บในครัว นางก็ให้สามีและบุตรชายนำเข้าไปจัดเก็บไว้ในครัวจนเรียบร้อย

เมื่อเห็นว่าผู้เป็นสามีหยิบหม้อตุ๋นขนาดต่างๆที่นางซื้อมาขึ้นมามองอย่างสงสัย นางจึงบอกให้เขารู้ว่า นางอยากจะลองสกัดกลิ่นหอมจากดอกไม้ดูสักหน่อย ตอนที่นางพูดออกไปยังเกรงว่าหากสามีสงสัย ซักถามว่านางรู้วิธีการได้ยังไง นางจะหาข้อแก้ตัวอะไรมาแก้ต่างให้กับตัวเอง

หากแต่ว่าสามีเพียงพยักหน้ารับรู้ไม่พูดจาซักถามอะไรต่อ สิ่งของต่างๆล้วนถูกทยอยนำเข้าไปเก็บ นอกจากสิ่งของที่อยู่ในครัวแล้ว พวกผ้าพับ กระดาษ รวมไปถึงอย่างอื่นล้วนแต่ต้องนำเข้าไปเก็บที่ห้องของนาง

ตอนนี้เหลือเพียงพวกเครื่องนอน และเสื้อผ้าที่ซื้อมาเท่านั้น

"ท่านพี่เจ้าคะ นี่ก็ยามเซินแล้ว ข้าว่าจะเข้าครัวไปเตรียมอาหารเย็นไว้เลย ข้ารบกวนท่านกับเจ้าใหญ่เจ้ารองช่วยนำที่นอนนี่เข้าไปปูในห้องของลูกลูกได้ไหมเจ้าคะ"

นางไม่เคยเข้าไปในห้องของบุตรชาย แต่คาดว่าก็คงจะไม่ดีไปกว่าที่นางนอนอยู่เป็นแน่ ห้องนอนของนางมีเพียงผ้าห่มผืนบางๆปูรองนอน แม้ตอนนี้จะไม่ใช่หน้าหนาว แต่ตอนกลางคืนก็หนาวเย็นจับใจทีเดียว

นางมองเข้าไปในตาของบุตรชายเห็นแววตาไร้เดียงสาทั้งสองคู่มีแต่ความสุขและไว้เนื้อเชื่อใจ ไม่เหมือนกับแววตาหวาดระแวงเหมือนเมื่อตอนที่นางเพิ่งฟื้นมา

เว่ยเหนียนเหยารู้สึกถึงความสุขที่วิ่งวนอยู่รอบกาย ที่แท้การมุ่งมั่นที่จะทำให้คนที่เรารัก ทำให้เรามีความสุขแบบนี้นี่เอง

"ท่านแม่ขอรับ เย็นนี้ท่านแม่จะทำอะไรให้พวกข้ากินขอรับ"

"ท่านแม่ ท่านแม่ข้าอยากกินเนื้ออีกขอรับ"

เด็กทั้งสองรู้สึกว่าเนื้อตุ๋นเมื่อกลางวันอร่อยยิ่งนัก ยิ่งกินยิ่งรู้สึกว่าไม่พอ พวกตนเห็นว่าเมื่อตอนกลางวันบิดาพาไปตลาดได้ซื้อเนื้อกลับมามากมาย ไม่รู้ว่าวันนี้มารดาจะทำให้กินด้วยหรือไม่

"ได้สิ งั้นวันนี้แม่จะทำเนื้อตุ๋นน้ำแดง กับต้มน้ำแกงกระดูกหมูให้เจ้ากินดีหรือไม่ แต่ตอนนี้พวกเจ้าช่วยท่านพ่อของเจ้า นำเสื้อผ้ากับเครื่องนอนเข้าไปเก็บก่อนเถอะ"

เด็กๆเมื่อได้ยินดังนั้นก็ไม่รีรอ รีบช่วยกันยกข้าวของที่พอจะยกไหวเดินนำเข้าไปในห้องทันที

เว่ยเหนียนเหยาปลีกตัวเดินเข้ามาที่ครัว ตอนนี้นางยังไม่มีความคิดที่จะปรับปรุงบ้านนี้ เนื่องจากแม้ปากจะบอกว่ายกที่ดินผืนนี้ให้หานตง หากแต่ชื่อกลับยังเป็นของบิดามารดาของสามี

หากวันไหนคนในบ้านพวกนั้นไม่ถูกใจครอบครัวของนาง จนพาลมาขับไล่ เช่นนั้นไม่ใช่นางจะลงทุนโดยเปล่าประโยชน์หรอกหรือ

หญิงสาวสลัดความคิดฟุ้งซ่าน ก่อนจะนำเนื้อแดง และเนื้อติดมันออกมาจากบ่อเก็บของ นางยกหมอตุ๋นใบใหญ่ขึ้นมาใส่น้ำก่อนจะยกตั้งขึ้นบนเตา รอจนน้ำเดือดจึงใส่เนื้อหมูลงไป ตามด้วยเครื่องเทศอีกพอประมาณ การตุ๋นเนื้อแต่ละครั้งต้องใช้เวลานาน นางจึงใช้เวลาที่ว่างเดินออกไปดูสามีและบุตรชายว่าจัดห้องกันเสร็จหรือยัง

เมื่อเปิดประตูเข้าไปดู กลับเห็นเพียงบุตรชายที่อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วกำลังนอนกลิ้งไปกลิ้งมาบนที่นอนอย่างมีความสุข

"เป็นอย่างไรบ้างลูกแม่ ที่นอนนี่นุ่มดีหรือไม่"

"ทั้งนุ่มทั้งอุ่นเลยขอรับ" "ข้ามีความสุขมากๆเลยขอรับ"

เด็กๆแย่งกันตอบคำถามของนาง ดูท่าทางมีความสุขจนแทบจะไม่อยากลุกออกมาจากเตียงกันเลยทีเดียว

"แล้วท่านพ่อของเจ้าหายไปไหนละ"

หญิงสาวถามหาสามีอย่างสงสัย

"ท่านพ่อพาพวกข้าไปอาบน้ำจากนั้นก็บอกให้พวกข้าเข้ามาแต่งตัวและเล่นอยู่ในห้องขอรับ"

"เห็นท่านพ่อบอกว่าจะไปอาบน้ำและตักน้ำจากในลำธารขึ้นมาไว้ให้ท่านแม่อาบด้วยขอรับ"

นี่ก็เป็นอีกข้อที่ดีของสามีนาง เขาไม่เคยปล่อยให้นางต้องลำบากเดินออกไปอาบน้ำที่ลำธารเองเลยสักครั้ง ทั้งเช้าทั้งเย็นล้วนแต่มีน้ำอาบน้ำใช้ไว้ให้นางอย่างเพียงพอ

หญิงสาวนั่งเล่นเป็นเพื่อนลูกอีกพักใหญ่ ก่อนจะเห็นว่าสมควรต้องไปดูเนื้อตุ๋นที่ตุ๋นทิ้งเอาไว้แล้วจึงเดินออกจากห้องไป

เมื่อเดินไปถึงห้องครัว กลิ่นเนื้อตุ๋นกลับกระจายส่งกลิ่นหอมไปทั่ว นางรีบเดินเข้าไปเปิดฝาหม้อขึ้น กลิ่นหอมของเนื้อที่ตุ๋นได้ที่ส่งกลิ่นหอมออกมาจนทั่วบริเวณบ้านไปหมด

หานตงซึ่งตอนนี้กำลังยืนคุยกับกุ๋ยเซียนย้ง รุ่นน้องที่รักและนับถือกันราวกับพี่น้องแท้ๆ

เซียนย้งเดินมาชวนให้ขึ้นเขาไปล่าสัตว์ด้วยกันในวันพรุ่งนี้ กลิ่นเนื้อหอมกรุ่นวิ่งเข้ามากระแทกจมูกคนทั้งคู่อย่างรุนแรง

"วันนี้บ้านท่านกินเนื้อกันหรือขอรับ"

"ใช่ พอดีวันนี้ข้ากับอาเหยาเข้าเมืองไปขายผ้าปักของนาง ได้เงินมาจำนวนหนึ่ง นางเลยซื้อเนื้อมาทำให้บุตรชายกิน"

"เป็นไปได้ยังไง ไม่ใช่ว่านางร้ายกาจมากเลยหรือขอรับ"

เซียนย้งพลั้งปากออกไปอย่างตกใจ ก่อนจะรีบเอ่ยปากขอโทษเมื่อเห็นสายตาของหานตง

"ขอโทษ ขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจจะว่าภรรยาของท่านพี่นะขอรับ"

หานตงถอนหายใจ จะโทษน้องของตนก็ไม่ได้ เมื่อก่อนนั้นภรรยาของเขาเป็นเช่นนั้นจริงๆ นางไม่สนใจทั้งเขาและบุตรชาย ทุกครั้งที่เขาต้องขึ้นเขาล่าสัตว์ เขาต้องนำบุตรชายทั้งสองไปฝากให้ภรรยาของเซียนย้งช่วยดูแล เนื่องจากเกรงว่า หากปล่อยไว้ที่บ้านลูกของเขาต้องอดตายแน่ๆ

"ท่านพี่ กับข้าวเสร็จแล้วรีบมาทานข้าวเถอะเจ้าค่ะ"

เสียงเรียกขานอย่างอ่อนหวานดังออกมาจากในบ้าน ยิ่งทำให้เซียนย้งเบิ่งตาโตราวกับไข่ห่าน ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เขาเคยมาหาหานตงหลายครั้ง แต่ไม่เคยได้ยินนางเอ่ยขานเช่นนี้เลยสักครั้ง

"มาเถอะ วันนี้ลูกเมียเจ้าไม่อยู่ใช่หรือไม่ ถ้างั้นวันนี้มากินข้าวกับข้าเถอะ ให้ข้าได้ตอบแทนเจ้าบ้าง"

กุ๋ยเซียนย้งอยากจะปฏิเสธ แต่ความอยากรู้อยากเห็นมีมากกว่า เขาจึงขอหน้าหนาเดินตามคนที่เอ่ยปากชวนไปติดๆ

ภายในบ้านยังคงอบอวลไปด้วยกลิ่นเนื้อหอมๆ ทำให้คนทั้งสองที่เดินเข้ามาเผลอกลืนน้ำลายเฮือกใหญ่ลงคอ

"อาเหยา วันนี้ข้าพาเซียนย้งมากินข้าวด้วย"

กุ๋ยเซียนย้งตัวเกร็งขึ้นมาเล็กน้อย กลัวว่าอีกฝ่ายที่ถูกเรียกชื่อจะระเบิดอารมณ์ออกมา แล้วเขาจะเป็นชนวนที่ทำให้ครอบครัวของพี่ที่รักไม่สงบสุข

หากแต่หญิงสาวที่อยู่ตรงหน้ากับหันมายิ้มให้สามีของนางอย่างอ่อนหวาน พร้อมทั้งเอ่ยขอตัวไปจัดหาถ้วยชามให้เขาเพิ่มในทันที

"ท่านอา" "ท่านอา"

เด็กๆที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ รีบลงมาเกาะขาของเซียนย้งไว้คนละข้างอย่างคุ้นเคย ท่านอาคนนี้ใจดียิ่งนัก บ่อยครั้งที่พวกเขาต้องไปพักอยู่ที่บ้านของท่านอา ทั้งภรรยาและบุตรชายของท่านอาล้วนแต่ดูแลพวกเขาเป็นอย่างดี เพียงแต่ครอบครัวของท่านอาก็มีสภาพเหมือนกับครอบครัวของเขา น้อยมื้อจะมีกินจนอิ่มหนำ ยิ่งพวกเขาไปอยู่ด้วย คนพวกนั้นก็ได้กินน้อยลงไปอีก

"เจ้าใหญ่เจ้ารองพวกเจ้าสบายดีไหม"

เซียนย้งถามออกไปด้วยความเคยชิน เด็กทั้งสองคนตรงหน้าตอนนี้ดูดีขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก หน้าตาสะอาดสะอ้าน ดูท่าทางมีความสุข ร่างกายก็ดูแข็งแรงขึ้นไม่น้อย

"สบายดีขอรับท่านอา"

สองพี่น้องต่างรีบจูงมือเซียนย้งมานั่งรอที่เก้าอี้ ปากก็สรรเสริญเยินยอรสมืออาหารของมารดาตนให้ผู้เป็นอาได้ฟัง เซียนย้งได้แต่คิดว่า เด็กๆคงไม่เคยกินอะไรแบบนี้ เมื่อมารดาทำออกมาให้กินก็เห็นว่าอร่อยไปเสียหมด

ตัวเขาตั้งใจว่า ไม่ว่ารสชาติอาหารจะออกมายังไง ก็จะไม่แสดงอาการออกมาให้เด็กน้อยเสียใจเป็นอันขาด

"ขอโทษด้วยนะเจ้าคะ พอดีข้าเกรงว่ากับข้าวจะน้อยเกินไป จึงไปทำอาหารออกมาอีกจาน เลยเสียเวลาไปสักหน่อย"

เซียนย้งมองดูอาหารที่วางอยู่บนโต๊ะตาโต ตอนแรกบนโต๊ะมีอาหารจานหลักสองจาน กับน้ำซุปหนึ่ง ถ้วยใหญ่ ถ้าสำหรับคนสี่คนก็ถือว่าฟุ่มเฟือยแล้ว นี่มีเขาเพิ่มเข้ามาอีกคน พี่สะใภ้ถึงกลับไปทำอาหารออกมาเพิ่มอีกหนึ่งจาน ช่างใจกว้างซะเหลือเกิน

เว่ยเหนียนเหยาตักข้าวให้สามี ตามด้วยแขกและบุตรชาย ก่อนจะตักให้ตัวเองเป็นคนสุดท้าย มือเรียวยื่นไปตักน้ำแกงก่อนจะส่งให้สามีและ ทุกๆคนได้ดื่ม

เซียนย้งตักเข้าแกงเข้าปาก รสชาติความหอมหวานกับแผ่กระจายไปทั่ว จนเขาเองไม่สามารถหยุดมือได้ สุดท้ายกว่าจะวางมือ น้ำแกงกระดูกก็หมดถ้วยไปเสียแล้ว

"พี่สะใภ้ นี่เป็นน้ำแกงอะไรทำไมถึงอร่อยขนาดนี้ขอรับ"

"อ๋อ นี่เป็นน้ำแกงต้มกระดูกหมูกับมันฝรั่ง ถ้าเจ้าชอบเดี๋ยวข้าจะแบ่งให้เจ้าเอากลับไปกินที่บ้านด้วย"

หญิงสาวเอ่ยปากอย่างใจกว้าง พลางยื่นมือไปตักเนื้อที่ตุ๋นวางลงในชามสามี

"ท่านพี่ ลองทานเนื้อตุ๋นดูนะเจ้าคะ ไม่รู้ว่าจะอร่อยสู้เนื้อตุ๋นของท่านลุงที่ขายบะหมี่ได้หรือไม่"

เมื่อเห็นสามีลงมือกิน นางก็ตักเนื้อใส่ชามข้าวให้เด็กๆคนละชิ้น ก่อนจะเอ่ยปากชวนเซียวย้งอย่างใจดี

"เซียวย้งเจ้าก็ลองชิมดูเถอะ"

หลังจากนั้นก็เกิดเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึง สองมือใหญ่ สองมือเล็ก ต่างแย่งกันตักอาหารอย่างไม่พูดพร่ำ หญิงสาวมองตามจนตาลาย เลยเลิกสนใจ หันมากินข้าวของตนอย่างเงียบๆ ไม่แย่งชิงกับผู้ใด

หลังจากที่อาหารตรงหน้าเหลือแต่จานเปล่า ไม่เหลือแม้แต่น้ำสักหยด ความวุ่นวายทั้งหลายจึงยุติลงได้ซะที

ช่วงครอบครัวสุขสันต์ อิ่มอร่อยกันทั้งครอบครัว

แอบเช็ดปาก แปร๊บบบบ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด