ตอนที่ 42 ถ้าชอบก็ซื้อสิ
ที่โรงเรียนมัธยมที่เธอเรียนมียูนิฟอร์มที่เป็นชุดบังคับให้นักเรียนสวมใส่ ทำให้เจียงเหยาแทบไม่มีเสื้อผ้าเลย เพราะเหตุนี้ทำให้เสื้อผ้าส่วนใหญ่ของเธอถูกซื้อก่อนที่จะแต่งงาน และส่วนใหญ่ล้วนแต่เป็นเสื้อผ้าธรรมดา
หลังจากแต่งงาน เธอซื้อเสื้อผ้าสำหรับฤดูหนาวเพียงสองชุดเท่านั้น ไม่ใช่ว่าตระกูลลู่ตระหนี่ถี่เหนียว แต่เธอจดจ่ออยู่แต่กับการเรียนมากเกินไป ทำให้ไม่มีเวลาออกมาหาซื้อเสื้อผ้า เสื้อผ้าในฤดูหนาวสองตัวถูกซื้อในช่วงตรุษจีน แม่ลู่พาเธอมาที่ห้างสรรพสินค้าในเมืองใกล้ และซื้อให้เธอในช่วงวันหยุดฤดูหนาว
แม้จะเป็นเสื้อผ้าที่ซื้อจากห้างสรรพสินค้าในเขตชนบท แต่ราคาสินค้าก็แพงเอาเรื่อง หลังจากที่เธอสวมมันไปโรงเรียน เพื่อนผู้หญิงร่วมชั้นหลายคนต่างอิจฉาเสื้อตัวนั้นของเธอ
ตอนนี้เป็นฤดูร้อน และชุดที่เธอสวมมาในวันนี้ก็เป็นเสื้อผ้าที่ซื้อมาเมื่อสองปีก่อนหน้า
“คุณหนู นี่เป็นห้างสรรพสินค้าที่ดีที่สุดในเมืองเลยนะ คุณจะซื้ออะไรที่นี่ได้ ทำไมไม่ลองไปเดินดูในตลาดใหญ่ ๆ แทนล่ะ เสื้อผ้าที่นั่นถูกกว่า และน่าจะเหมาะกันคุณมากกว่า”
พนักงานขายรู้สึกกระวนกระวายอยู่บ้างที่เด็กสาวที่ดูยากจนคนนี้ไม่จากไปเสียที เธอจึงพูดดูถูก
“อย่ายืนตรงนี้เลยน่า ไปเถอะ! คุณกำลังทำให้ร้านของเราดูภาพลักษณ์แย่ลงนะ คนที่ไม่รู้อะไรเลยจะคิดว่าเราขายของถูก ๆ เอา ขอเตือนอีกอย่าง อย่าแตะต้องเสื้อผ้าของเราง่าย ๆ ถ้าเสียหาย คุณต้องชดใช้นะ จะมาขอความเห็นใจแทนการไม่จ่ายเงินไม่ได้หรอกนะ”
ขณะที่เธอดูถูก พนักงานขายก็เหวี่ยงป้ายราคาของเสื้อผ้าด้วยท่าทางเย่อหยิ่งต่อหน้าเจียงเหยา เสื้อตัวนี้ราคาแปดร้อยหยวน เทียบเท่ากับค่าจ้างหลายเดือนสำหรับคนบางคน และเป็นค่าใช้จ่ายทั้งปีของคนจนที่รับค่าตอบแทนขั้นต่ำเสียด้วยซ้ำ
เจียงเหยาเหลือบมองไปที่พนักงานที่อวดดีและรู้สึกโกรธจนเลือดขึ้นหน้า เธอถอนหายใจและเอื้อมมือไปแตะชุดเดรสตัวนั้น ในขณะที่พนักงานขายจ้องมาที่เธอด้วยความโกรธ
“ฉันชอบผ้าแบบนี้ ถอดมาให้หน่อย ฉันต้องการลองค่ะ”
ใบหน้าของพนักงานขายเปลี่ยนเป็นสีเขียวและโพล่งออกมา “คุณ...คุณ...หน้าไม่อาย!”
ระหว่างนั้น ลู่ชิงสีเดินเข้ามาในร้าน เขาได้ยินที่พนักงานขายพูดดูถูกเจียงเหยา พร้อมกับชี้นิ้วมาที่เธอ เขาขมวดคิ้ว ท่าทางของเขามืดลง เขาก้าวไปใกล้เจียงเหยา พร้อมกับดึงเจียงเหยาออกห่างจากนิ้วมือของพนักงานขาย เอาโอบแขนรอบเอวของเธอแล้วถามขึ้น “เกิดอะไรขึ้น?”
“ฉันชอบชุดนี้และอยากจะลองชุด เธอไม่ให้ยอมให้ฉันจับชุดด้วยซ้ำ เธอบอกว่าฉันไม่มีเงินซื้อ แต่ฉันยืนกรานว่าจะลอง เธอก็ต่อว่าฉัน ว่าฉันไร้ยางอาย” เจียงเหยาทำหน้ามุ่ย เงยหน้าขึ้นมองลู่ชิงสี
“แปดร้อยเหรอ ก็ดูจะใส่สบายนะ ผมว่าน่าจะผ้าแบบเดียวกับผ้าปูที่นอนของเรา ลองดูหน่อยดีไหม?”
“ถ้าชอบก็ซื้อ” ลู่ชิงสีจ้องเขม็งไปที่พนักงานขายคนนั้น พร้อมกับพูดออกไป
“เรียกผู้จัดการของคุณมาหน่อย บอกเขาว่าฉันมาจากตระกูลลู่”
ลู่ชิงสีไม่ได้หมายถึงผู้จัดการของร้านนี้ – แต่เขากำลังพูดถึงผู้จัดการของห้างสรรพสินค้าแห่งนี้
ในตอนนี้ ไม่ใช่เพียงผู้จัดการของห้างสรรพสินค้าแห่งนี้ หากแม้เจ้าของร้านอยู่ที่ ก็ต้องออกเงยหน้าขึ้นมอง เมื่อได้ยินคำพูดของลู่ชิงสี
ลู่ชิงสีถอนหายใจด้วยความผิดหวัง เมื่อมองเห็นใบหน้าไร้ความสุขและหน้าตาบูดบึ้งของเจียงเหยา พนักงานขายคนนี้กล้าดียังไงมาชี้หน้าต่อว่าภรรยาของเขา?
พนักงานขายไม่คาดคิดว่าชายหนุ่มรูปหล่อจะปรากฏตัวขึ้นอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย จากการทำงานมาระยะหนึ่ง เธอเคยเห็นลูกค้ามาหลายประเภท มองเพียงแวบเดียว เธอก็สามารถบอกได้ว่าชยหนุ่มคนนี้มีอิทธิพลในสังคมไม่น้อย