ตอนที่แล้วตอนที่ 17 แผนร้าย
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 19 พลังที่แท้จริง

ตอนที่ 18 สิ่งสำคัญ


ตอนที่ 18 สิ่งสำคัญ

ติดตามข่าวสาร/พูดคุยเสนอแนะความคิดเห็นได้ที่เพจผู้แปล FB: ND Translate นิยายแปลไทย 

ตกดึก ณ คฤหาสน์ไมล์

ไมล์ได้จัดงานเลี้ยงในค่ำคืนนี้ ภายในงานเลี้ยงเต็มไปด้วยอาหารที่ซีคและซีโน่เป็นผู้หามา คนงานทุกคนล้วนกินอาหารอย่างมีความสุข การที่จะมีอาหารดีๆ กินได้ไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นบ่อยๆ

“นี่เป็นครั้งแรกเลยที่นายท่านใจกว้างเลี้ยงอาหารทุกคนสินะ?” คนงานขี้เมาได้ถามออกมา

“ใจกว้างอย่างงั้นเหรอ? นายไม่รู้จักนิสัยของนายท่านเหรอไงกัน? เหตุผลที่เขาเลี้ยงทุกคนก็เพราะเช้านี้เขาได้ส่งคนไปกระจายข่าวมา ในที่สุดเขาก็พบครอบครัวของนักต้มตุ๋นสองคนนั้นแล้วล่ะ”

“นายท่านไปรู้อะไรมาล่ะ?”

“นักต้มตุ๋นทั้งสองคนนั้นเป็นลูกคนที่สามและคนที่สี่ของตระกูลบารอนผู้ยากจน ครอบครัวนี้ไม่ได้มีประวัติและภูมิหลังอะไรเลย เป็นไปได้สูงกว่าพวกเขานั่นแหละที่จะมีไก่หอมหวนห้าสี! นายท่านกำลังรวบรวมคนเพื่อที่จะบุกโจมตีครอบครัวบารอนนั่นในวันรุ่งขึ้น นายท่านคิดจะเอาไก่หอมหวนห้าสีกลับมาไงล่ะ” คนงานคนหนึ่งเล่าทุกอย่างออกมา

“ไม่แปลกเลยที่เขาจะใจกว้างได้ ยังไงการได้ไก่หอมหวนห้าสีไปก็มีแต่จะทำให้นายท่านร่ำรวยมากยิ่งขึ้น นายท่านคงอยากจะปิดปากพวกเราก็เลยเลี้ยงอาหารพวกเราอย่างงั้นสินะ?” ทุกๆ คนต่างก็คิดในแบบเดียวกัน

ทุกคนรู้ดีว่าไมล์เป็นคนที่ขี้เหนียวมากขนาดไหน ตั้งแต่ในอดีต ถ้าหากมีคนงานทำอะไรผิดพลาดขึ้นมา ความผิดพลาดนั้นก็จะทำให้พวกเขาถูกหักค่าแรงไป ไมล์ยังเป็นคนที่ไม่เคยเลี้ยงอาหารใครมาก่อนอีกด้วย

ไมล์รู้ดีว่าสิ่งที่ตัวเขาคิดที่จะทำมันช่างน่ารังเกียจแค่ไหน และเพราะแบบนั้นเขาจึงจัดงานเลี้ยงในครั้งนี้ขึ้นมา มันเป็นการปิดปากทุกคนไม่ให้แพร่งพรายเรื่องทั้งหมด

“อยากที่จะปิดปากพวกเราแต่ก็ไม่คิดที่จะให้ไข่สักฟอง นายท่านก็ยังคงขี้งกเหมือนเดิม!” มีคนงานอีกหลายคนยังคงสาปแช่งผู้เป็นเจ้านาย แต่ถึงแบบนั้นก็ไม่มีทางเลือกอื่น ทุกคนได้แต่ชนแก้วกันก่อนที่จะกินอาหารในงานเลี้ยงต่อไป

“ดูสิฉันน่ะใจดีแค่ไหน พวกนายควรจะขอบคุณฉันนะที่ให้เนื้อกินฟรีๆ แบบนี้” ไมล์นั่งลงบนเก้าอี้หลักก่อนที่จะดื่มไวน์จนหมด

ไมล์ตั้งใจที่จะประกาศข่าวลือออกไปก็เพื่อที่จะหลอกล่อให้ครอบครัวของซีคและซีโน่แสดงตัว ตัวเขาไม่คิดเลยว่าครอบครัวของทั้งสองคนจะเป็นบารอนผู้ยากจน บ้านของพวกเขาอยู่ห่างจากคฤหาสน์ไมล์ไปเพียงสิบไมล์เท่านั้น ไมล์ไม่คิดเลยว่าไก่หอมหวนห้าสีที่ใฝ่ฝันอยากจะครอบครองมาโดยตลอดจะอยู่ใกล้เพียงแค่นี้

“นายท่าน แล้วพวกเราควรจะทำยังไงกับเด็กสองคนนั่นดี? พวกนั้นไม่ได้กินอะไรมากว่าสิบวันแล้ว พวกเราจะแบ่งอาหารให้กับพวกเขาดีไหม?” ผู้คุ้มกันคนหนึ่งถามไมล์ออกมาเบาๆ

“ในตอนนี้พวกมันไม่มีประโยชน์แล้ว หาคนมาจัดการพวกมันหลังงานเลี้ยงซะ อย่าลืมเก็บกวาดให้เรียบร้อยด้วยล่ะ”

ไมล์รีบโบกมือสั่งการ นับตั้งแต่ที่ตัวเขาได้รับข้อมูลที่สำคัญมา ซีคและซีโน่ก็ไม่มีประโยชน์อะไรอีก ทั้งสองคนเป็นได้แค่เพียงปากท้องที่ต้องเลี้ยงดูก็เท่านั้น มันจะดีกว่าถ้าหากฆ่าทั้งสองคนไป อย่างน้อยร่างกายที่เน่าเปื่อยก็ยังพอใช้เป็นอาหารสัตว์ได้ ไมล์ใช้เวลาที่เหลือครุ่นคิดถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังซีคและซีโน่ตาย

“แล้วก็อย่าลืมบอกให้คนงานทั้งหลายดื่มไวน์เยอะๆ แทนที่จะกินเนื้อซะล่ะ เนื้อมันไม่ได้งอกมาจากต้นไม้หรอกนะ บอกให้ทุกคนประหยัดซะ”

“ครับ นายท่าน” ผู้คุ้มกันพยักหน้าก่อนที่จะเดินไปหาเหล่าคนงาน

ในตอนนั้นเองก็มีใครบางคนพุ่งมาชนเข้าผู้คุ้มกัน

แคล๊ง!

ผู้คุ้มกันที่ถูกชนถูกไวน์ที่ถือมาด้วยหกเลอะไปทั่วตัว ผู้คุ้มกันที่กำลังจะหันมาต่อว่าก็ได้เห็นเด็กชายผู้พุ่งชนซะก่อน เด็กชายคนนั้นสวมเสื้อผ้าหยาบๆ ใบหน้าของเขาดูขาวสะอาด ถ้าหากดูไม่ผิดเด็กคนนี้จะต้องมีอายุราวๆ สิบขวบ ภายใต้ผมสีน้ำตาลของเด็กชายตรงหน้ามีดวงตาสีฟ้าราวกับมหาสมุทรอยู่ ดวงตาคู่นั้นกำลังจับจ้องมายังผู้คุ้มกันพร้อมกับรอยยิ้ม

ร่างกายของเด็กคนนี้ค่อนข้างแข็งแกร่งเมื่อเทียบกับเด็กในวัยเดียวกัน แต่ถึงแบบนั้นก็ยังห่างชั้นกับชายวัยกลางคนมากอยู่ดี

สิ่งแรกที่ผู้คุ้มกันคิดสงสัยก็คือเรื่องของพละกำลัง เด็กที่มีอายุเพียงสิบขวบจะไปมีเรี่ยวแรงมากขนาดนั้นได้ยังไงกัน? ท้ายที่สุดผู้คุ้มกันก็หันมาต่อว่าด้วยความโกรธ “บ้าจริง ใครกันที่พาไอเด็กนี่มา? แกเป็นลูกใครกันแน่ พาไอเด็กนี่กลับบ้านไปซะ แกไม่กลัวว่านายท่านจะหักค่าแรงเหรอ?”

ทันทีที่น้ำเสียงของผู้คุ้มกันหายไป ในตอนนั้นเองคนงานทั้งหลายก็เลิกกินดื่ม การที่เจ้านายของทุกคนยอมจัดงานเลี้ยงเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน แน่นอนว่าไม่มีใครกล้าพาครอบครัวของตัวเองมาร่วมงานเลี้ยงแบบนี้แน่ ไมล์จะต้องไม่ยอมให้คนงานคนไหนเอาเปรียบตัวเขาแน่

“เด็กนี่มันลูกใครกัน? ทำไมถึงได้ดูดีแบบนั้น”

“เดวิด ไอเด็กนี่ผมสีน้ำตาล มันเป็นลูกของแกอย่างงั้นเหรอ? ฉันเคยได้ยินมาก่อนว่าแกมีลูกอายุสิบขวบอยู่” คนงานทั้งหลายต่างก็เหลือบมองกันและกัน ท้ายที่สุดทุกคนก็เหลือบมองไปยังชายวัยกลางคนผมสีน้ำตาล

ชายวัยกลางคนคนนั้นตื่นตกใจ “พูดบ้าๆ นี่แกกำลังสงสัยฉันก็เพราะสีผมอย่างงั้นเหรอ? ไม่ใช่แค่ฉันหรอกนะที่มีสีผมแบบนั้น ดูตาของเจ้าเด็กนั่นสิ ตาของมันสีฟ้า ตาของฉันน่ะสีเขียว เด็กนี่มันจะไปเป็นลูกของฉันได้ยังไงกัน?” เมื่อเดวิดมองไปที่เด็กชายตรงหน้า ตัวเขาก็ได้พูดเสริม “เด็กนี่ยังดูดีเกินไป ฉันน่ะไม่มีลูกที่ดูดีแบบนั้นหรอก”

ในที่สุดไมล์ก็สังเกตเห็นเด็กคนนั้น “นี่มันลูกใครกัน? ถ้าหากไม่มีใครรู้แล้วล่ะก็ ค่าแรงของทุกคนจะต้องถูกหักครึ่งแน่” ไมล์รู้สึกเจ็บปวดเมื่อได้เห็นคนงานทั้งหลายกินดื่มเต็มที่ ตัวเขาในตอนนี้พยายามที่จะหาทางเอาคืนอยู่

“เดวิด ยอมรับไปซะเถอะ นี่แหละลูกของนาย”

“ทำไมฉันต้องยอมรับด้วย!” เดวิดกระวนกระวาย ตัวเขากำลังถูกเกลี้ยกล่อมให้รับผิดแต่เพียงผู้เดียวอยู่

“ถ้าหากนายยอมรับไป นายก็จะถูกหักค่าจ้างแค่คนเดียวเท่านั้น! นายท่านเริ่มขี้งกขึ้นมาแล้ว มันก็แค่ข้ออ้างของนายท่านที่จะเอาเปรียบพวกเรา อดทนเอาไว้เดวิด เอาไว้พวกเราจะแบ่งค่าจ้างให้กับนายเอง”

หลังจากที่ถูกชักจูงไม่กี่ครั้ง ในที่สุดเดวิดก็เริ่มเคลื่อนไหว สำหรับเดวิคมันคงจะไม่มีอันตรายอะไรถ้าหากจะยอมรับว่าเด็กผู้หล่อเหลาคนนี้เป็นลูกชายของตัวเอง

ก่อนที่เดวิดจะได้พูดอะไรเด็กชายตรงนั้นก็ได้พูดออกมาซะก่อน “คุณคือไมล์สินะครับ คุณเป็นคนที่จับพวกพี่ๆ ผมไปไม่ผิดแน่ ตอนแรกผมก็กะจะไว้ชีวิตคุณ แต่ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าคุณไม่ใช่คนดี ผมคงไม่ต้องคิดมาอะไรอีกต่อไป คุณมีอะไรจะสั่งเสียเป็นครั้งสุดท้ายไหม? ถ้าหากมีล่ะก็รีบพูดออกมาดีกว่า นี่จะเป็นครั้งสุดท้ายแล้วที่คุณจะได้พูด”

เด็กคนนั้นพูดว่าอะไรกัน? คำสั่งเสียเป็นครั้งสุดท้าย? เด็กคนนั้นคงจะเสียสติไปแล้วแน่ๆ ถึงได้กล้าพูดกับไมล์แบบนั้น

...

วัตสันเหลือบมองไปที่ไมล์ด้วยดวงตาอันเป็นประกาย

เช้าวันนี้วัตสันได้ปลอบคนในครอบครัวทุกคนถึงเรื่องการลักพาตัวซีคและซีโน่ จากนั้นตัวเขาก็ได้กางปีกฟินิกซ์ก่อนที่จะบินมายังคฤหาสน์ใกล้เคียงเพื่อทำการรวบรวมข้อมูล และด้วยความบังเอิญวัตสันจึงได้เจอกับไมล์ที่กำลังจัดงานเลี้ยงอยู่ เพราะแบบนั้นจึงไม่ใช่เรื่องยากอะไรที่จะแอบลักลอบเข้ามา

หลังจากที่สังเกตมาระยะหนึ่งในที่สุดวัตสันก็รู้มั่นใจว่าไมล์เป็นคนแบบไหน ผู้ชายที่ชื่อไมล์คนนี้เป็นชายที่แสนจะตระหนี่ ชายคนนี้เกิดมาเพื่อใช้ชีวิตโดยการเอาเปรียบผู้อื่นอย่างแท้จริง คนงานทั้งหมดที่ทำงานให้ต่างก็มีความเป็นอยู่ที่ยากลำบาก นอกจากนี้ไมล์ยังต้องการที่จะฆ่าพี่ๆ ของวัตสันอีกด้วย วัตสันที่รู้เรื่องทั้งหมดไม่มีเหตุผลที่จะให้อภัยชายคนนี้

มนุษย์ทุกคนมักจะมีสิ่งสำคัญอยู่กับตัว ในฐานะที่วัตสันเป็นคนต่างโลก ความรู้สึกอันโดดเดี่ยวของเขาเป็นสิ่งที่วัตสันไม่อาจหลีกหนีได้ แต่โชคยังดีที่วัตสันยังมีคนในครอบครัวอยู่ แม้ว่าคนในครอบครัวจะไม่ได้เป็นครอบครัวของวัตสันจริงๆ แต่วัตสันก็สัมผัสได้ถึงความอบอุ่นที่ทุกคนมอบให้

ครอบครัวจึงถือเป็นสิ่งสำคัญสำหรับวัตสัน ไม่ว่าใครที่กล้าแตะต้องมันจะต้องตาย

“กล้าดียังไงกัน! จับเด็กนี่ไปลงโทษซะ!” ไมล์โกรธจนมือไม้สั่น สิ้นสุดเสียงสั่งการผู้คุ้มกันกว่าสิบคนก็ปรากฏตัวขึ้น ผู้คุ้มกันคนแรกพุ่งเข้าหาวัตสันอย่างไม่ลังเล ผู้คุ้มกันพยายามเอื้อมมือไปหาวัตสันอย่างรวดเร็ว “กล้าดียังไงมาพูดกับนายท่านแบบนั้น? ถึงแม้แกจะเป็นเด็กแต่ฉันก็ไม่ปล่อยแกไปแน่...”

ตู๊ม!

ก่อนที่จะได้พูดจบประโยคเสียงโครมครามก็ได้ดังขึ้น มันเป็นเสียงของพลังที่เข้าปะทะกับร่างกายของผู้คุ้มกันคนนั้น หน้าท้องของเขาถูกแสงสีแดงพุ่งผ่านไปอย่างรวดเร็ว ท้ายที่สุดผู้คุ้มกันคนนั้นก็กระเด็นตกสู่พื้น ดวงตาของเขาเบิกกว้างในขณะที่มองดูปีกที่ลุกโชนไปด้วยเปลวไฟ

“นั่นมันปีกที่สร้างมาจากพลังการต่อสู้ เด็กนี่เป็นนักรบระดับเงิน!”

นอกจากผู้คุ้มกัน คนงานคนอื่นๆ เองก็ตกตะลึงเช่นกัน แม้แต่ไมล์เองก็ยังตกตะลึงจนพูดไม่ออก

นี่มันอะไรกัน! เด็กคนนี้เป็นนักรบระดับเงินจริงๆ อย่างงั้นเหรอ?

“ไมล์ จงมอบตัวและเผชิญหน้ากับความตายซะ!” วัตสันได้ประกาศออกมาอย่างเยือกเย็น เมื่อได้พบกับพลังอันยิ่งใหญ่ไมล์ที่เคยมีท่าทีหยิ่งผยองก็กลับหายเป็นปกติ เสียงของวัตสันที่ประกาศลั่นทำให้เหงื่อไหลอาบหน้าไมล์ มือและเท้าของไมล์สั่นอย่างไม่หยุดยั้งราวกับคนที่กำลังจะจมน้ำ

ติดตามข่าวสาร/พูดคุยเสนอแนะความคิดเห็นได้ที่เพจผู้แปล FB: ND Translate นิยายแปลไทย 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด