951-952
5/10
Ep.951
ระหว่างที่ดาบทองคำฟาดฟันลงมา ซูเฉินง้างแขนและขว้าง [ภูเขาหยวนเหออู่จี๋] ออกไป
ตามมาด้วยเสียงกังวานที่ฟังดูคล้ายกับเหล็กปะทะเหล็ก เห็นแค่เพียงดาบทองคำถูกกระแทก ปลิวกระเด็นออกไปทันที
“นี่มันเป็นไปได้อย่างไร?”
เลิ่งอ้าวอุทานเสียงหลง ในแววตาเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
ดาบทองคำคือสิ่งประดิษฐเทวะคุณภาพเยี่ยม
ในอดีตที่ผ่านมา ยามเผชิญหน้ากับศัตรู อาจเรียกได้เลยว่ามันไม่เคยเพลี่ยงพล้ำหรือพ่ายแพ้ใดๆ ต่อให้ปะทะกับสิ่งประดิษฐ์เทวะเช่นเดียวกันก็ตาม แต่มันก็ยังสามารถสะบั้นอีกฝ่ายลงได้
ทว่าครานี้ เมื่อสัมผัสลงบนอาวุธของศัตรู มันกลับถูกปะทะกระเด็นออกไป สถานการณ์นี้เป็นครั้งแรกที่เกิดขึ้น
ซูเฉินฉวยโอกาสที่เลิ่งอ้าวกำลังอึ้ง ขยับเท้าเดียว วูบกายมาเบื้องหน้าอีกฝ่าย
ในพริบตา [ชีวิตเมามายจมอยู่ในห้วงฝัน] ชกออกไป
เลิ่งอ้าวคือผู้แข็งแกร่งระดับเทวะขั้น 3 พลังใจแข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง ไม่นานก็หลุดพ้นจากภาพลวงตา
กระนั้น มันก็สายเกินไปเสียแล้ว
ช่วงเวลานี้ ซูเฉินกุม [กระบี่แยกฟ้าแห่งความโกลาหล] สับไปยังเลิ่งอ้าว ฟาดฟันลงมาจากกลางอากาศเบื้องบน
พริบตาเดียว กระแสวังวนสีดำขนาดประมาณหนึ่งจั้งปกคลุมเหนือศีรษะของเลิ่งอ้าว
หากคิดหนีตอนนี้ คงไม่ทันการณ์แล้ว เจ้าตัวทำได้เพียงกัดฟันเข้าสู้
ชิ้งงง ชิ้งงงง กร๊อบ …
ตามด้วยเสียงอันน่าสะพรึงของกระดูกที่แตกหัก เห็นแค่เพียงร่างครึ่งซีกของเลิ่งอ้าวถูกบดขยี้เป็นเศษเนื้อ
โครม!
หลังจากร่างของเลิ่งอ้าวล้มลงกับพื้น ตลอดทั้งห้องโถงใหญ่เงียบสงัดไม่ได้ยินแม้เสียงหายใจ
สัตว์ร้ายมิติทั้งหมด ต่างมองมาทางซูเฉินด้วยความยำเกรงและหวาดกลัว
รองเจ้าเมืองเฮยหยาผู้สง่างาม ผู้แข็งแกร่งระดับเทวะขั้น 3 ต่อหน้าซูเฉินไม่อาจเป็นแม้คู่มือ ถูกฆ่าตายในไม่กี่วินาที
ความแข็งแกร่งของซูเฉิน ทำให้ทุกคนต้องตกใจ!
“เขาแข็งแกร่งถึงขนาดนี้เชียว …”
ฟางฉีซานกลืนน้ำลายอึกหนึ่ง คลื่นยักษ์เริ่มซัดสาดในหัวใจเขา
ในตอนแรก ซูเฉินต้องการมายังเมืองเฮยหยา ทั้งยังขู่ว่าจะฆ่าพวกสัตว์ร้ายมิติ เขายังนึกว่าซูเฉินเป็นบ้าไปแล้ว
แต่พอได้เห็นฉากซูเฉินสังหารเลิ่งอ้าว เขาถึงค่อยตระหนักได้ ว่าซูเฉินมิใช่คนพูดจาเพ้อเจ้อ ไม่ได้โม้เหม็นขี้ฟันเรื่องความแข็งแกร่งแม้แต่น้อย ตรงกันข้าม เขามีกำลังรบมากพอที่จะทำได้จริงๆ
แล้วอีกอย่าง การสังหารเลิ่งอ้าวในไม่กี่วินาทีเมื่อครู่ เกร่งว่ากระทั่งเจ้าเมืองเฮยหยาในสภาวะทุ่มสุดตัวก็ยังทำไม่ได้
หลังจากฆ่าเลิ่งอ้าว ซูเฉินรีบเก็บชิ้นส่วน จากนั้นขุดหินพลังงานมิติออก หันไปขยิบตาให้ฟางฉีซาน
“เหล่าฟาง รีบตามมาเร็ว”
หากยังรั้นอยู่ต่อ เกรงว่าคงได้ต่อสู้กับพวกสัตว์ร้ายมิติในเมืองเฮยหยาอย่างไม่มีวันจบสิ้น
ถ้าเปลี่ยนเป็นเวลาอื่น เรื่องสู้นี่ถึงไหนถึงกัน แต่ประเด็นคือตอนนี้ซูเฉินต้องรีบไปยังป้อมปราการมิติ ไม่ใช่การเสียเวลาฆ่าศัตรู
ซูเฉินเดินออกไปทางประตูห้องโถงใหญ่อย่างสบายๆ ทุกที่ที่เขาเดินผ่าน ไม่เพียงแต่ไม่มีสัตว์ร้ายมิติคอยขวางทาง แต่ทั้งหมดยังยอมถอย เพื่อเปิดทางแก่ซูเฉิน
ฟางฉีซานเห็นฉากนี้ ต้องลอบกล่าวคำจากก้นบึ้งของหัวใจ “นี่สินะสิทธิพิเศษของผู้แข็งแกร่ง! อ๊าาาา!”
ตกอยู่ท่ามกลางวงล้อมของสัตว์ร้ายมิติ แต่กลับเดินเหินอย่างสบายๆ ราวกับกำลังอยู่ในดินแดนที่รกร้างไร้สิ่งมีชีวิตใด
สามารถกดดันให้สัตว์ร้ายมิติยอมถอย ความสำเร็จนี้ ในโลกหล้าเกรงว่าคงมีเพียงซูเฉินคนเดียวเท่านั้นที่ทำได้
ฟางฉีซานได้สติกลับมา เดินตามหลังซูเฉินไปอย่างรวดเร็ว
เขากลัวว่าหากเดินช้าไปก้าวเดียว จะคลาดกับซูเฉิน
เมื่อซูเฉินเดินออกจากห้องโถงใหญ่ ทันใดนั้นเอง แรงกดดันมหาศาลกวาดฮือมาจากทิศทางเบื้องหน้าเขา
ในเวลาเดียวกัน นกสำรวจร้องเตือนว่า “เจ้านาย มีผู้แข็งแกร่งบุกเข้ามาอีกแล้ว!”
“เป็นสัตว์ร้ายมิติระดับเทวะขั้น 4!”
ซูเฉินหรี่ตาลง พึมพำกับตัวเอง
เมืองเฮยหยามีระดับเทวะขั้น 4 อยู่เพียงตนเดียว ฉะนั้นผู้มาเยือนคงเป็นเจ้าเมืองเฮยหยาอย่างไม่ต้องสงสัย
“เว่ยหยางมาแล้ว!”
ใบหน้าของฟางฉีซานสั่นสะท้าน เว่ยหยางคือเจ้าเมืองเฮยหยา เป็นขั้น 4 ระดับเทวะ
ซูเฉินสังหารระดับเทวะไปสองตนในเมืองเฮยหยา กระทั่งรองเจ้าเมืองเลิ่งอ้าวยังถูกฆ่า ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมเว่ยหยางถึงปรากฏตัวขึ้นที่นี่
6/10
Ep.952
“นี่เจ้า …. ซูเฉิน!?”
พอได้เห็นหน้าตาของซูเฉินชัดๆ เว่ยหยางสะอึก สีหน้าของเขาดูผิดปกติไปเล็กน้อย
แม้ซูเฉินจะเป็นผู้ฝึกตนจากหมื่นเผ่าพันธุ์ แต่ชื่อเสียงขจรขจายไปทั่วมิติภายนอกตั้งนานแล้ว
เว่ยหยางไม่เพียงได้ยินชื่อเสียงอันยิ่งใหญ่ของซูเฉินมาก่อน แต่เขายังเคยได้เห็นรูปเหมือนของซูเฉิน ดังนั้นแรกเห็นก็จดจำได้ทันที
“เขาคือซูเฉิน?”
ฟางฉีซานจ้องมองซูเฉินอย่างว่างเปล่า ตื่นตกใจจนเกินบรรยาย
มีข่าวลือว่าซูเฉินคืออัจฉริยะมากพรสวรรค์ เปี่ยมไปด้วยกำลังรบและโหดเหี้ยม มีผู้แข็งแกร่งนับไม่ถ้วนตกตายลงด้วยน้ำมือเขา แทบทุกแห่งที่เขาผ่านจะต้องเกิดพายุนองเลือด แต่ก็ไม่มีใครสามารหยุดได้
“ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าข้าจะได้ร่วมทางกับเทพสังหารผู้นี้ …”
ฟางฉีซานถึงกับอ้าปากค้าง เกิดความรู้สึกซับซ้อนข้างในหัวใจ
“นี่แกรู้จักฉัน?” ซูเฉินมองไปทางเว่ยหยาง อุทานออกมาเบาๆ
เว่ยหยางพยักหน้า จากนั้นกล่าวว่า “ซูเฉิน เมืองเฮยหยาของพวกเราไม่เคยมีความแค้นกับเจ้า แล้วทำไมเจ้าถึงต้องบุกเข้ามาด้วย? ไหนจะสังหารพวกเราอีก?”
หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น เว่ยหยางจะไม่เสียน้ำลายเช่นนี้แน่นอน แต่คงตรงเข้าสังหารทันที
ทว่าเรื่องนี้ไม่สามารถใช้กับซูเฉินได้ นับแต่ซูเฉินเริ่มมีชื่อเสียง อีกฝ่ายไม่เคยพ่ายแพ้เลย มีผู้แข็งแกร่งระดับเทวะจบชีวิตลงด้วยฝีมือเขาจนแทบจะนับไม่ถ้วน
ดังนั้น ต่อให้เว่ยหยางเป็นผู้ฝึกตนระดับเทวะขั้น 4 เขาก็ไม่กล้าดูถูกซูเฉินแม้แต่น้อย
“ฉันก็แค่ผ่านทางมา แต่พรรคพวกของแกดันลงมือ เลยไม่มีทางเลือก ทำได้แค่กำจัดพวกมัน” ซูเฉินกล่าวอย่างเป็นธรรมชาติ
“เจ้ากำลังจะบอกว่าพวกเราเป็นคนผิดงั้นหรือ?” เว่ยหยางน้ำเสียงอู้อี้
ที่นี่คือเมืองเฮยหยา นอกจากนี้ยังเป็นอาณาเขตของสัตว์ร้ายมิติเช่นพวกเขา แต่ซูเฉินบุกเข้ามาโดยไม่มีปี่มีขลุ่ย ทั้งยังทำร้ายชาวเมือง แต่กลับทำเหมือนตนเองเป็นผู้บริสุทธิ์
“แน่นอน พวกแกต้องผิดอยู่แล้ว” ซูเฉินแค่นเสียงฮึ่มเบาๆ กล่าวอย่างเย็นชา “แกน่าจะรู้ดีถึงนิสัยของฉันซูเฉิน ถ้าไม่มีใครหาเรื่อง ฉันก็ไม่รุกราน ถ้าพวกมันไม่สร้างปัญหา ฉันมีหรือต้องลงมือ?”
มองไปยังท่าทีที่ดูชอบธรรมของซูเฉิน เว่ยหยางโกรธจนปอดแทบระเบิด
คนผิดคือซูเฉินชัดๆ แต่คำที่ออกจากปากเขา ราวกับต้องจำใจลงมืออย่างช่วยไม่ได้
“สรุปแล้วเจ้าต้องการอะไรกันแน่?” เว่ยหยางอดกลั้นความโกรธเอาไว้ แม้มันจะปะทุถึงจุดเดือดแล้ว เขาก็ยังไม่อยากฉีกหน้าซูเฉิน นั่นเพราะเขาไม่มั่นใจซักนิดว่าตัวเองจะสามารถกำจัดซูเฉินได้
ซึ่งหากซูเฉินหนีไปได้ หรือเขาถูกซูเฉินโค่น ผลที่ตามมาคงมิอาจจินตนาการ –ราคานี้เขาจ่ายไม่ไหว
“เห็นแก่ที่แกยังพอมีสมองอยู่บ้าง ขอแค่ชดใช้ที่ทำให้ฉันลำบากใจ แล้วฉันจะยอมออกจากเมืองเฮยหยาทันที” ซูเฉินกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
หากเว่ยหยางไม่มา เขาคงออกไปแล้ว แต่ในเมื่ออีกฝ่ายเสนอหน้า งั้นจะดีกว่าไหมหากใช้ประโยชน์จากโอกาสนี้รีดไถ
ฟางฉีซานที่อยู่ข้างๆตกตะลึง หากเป็นคนอื่นบุกเข้าเมืองเฮยหยา แค่รอดชีวิตได้ก็ปาฏิหาริย์แล้ว แต่ซูเฉินกลับได้คืบจะเอาศอก เขาไม่เพียงฆ่าคนที่นี่ แต่ยังรีดไถ ช่างเป็นคนหน้าไม่อายอย่างแท้จริง
มุมปากของเว่ยหยางกระตุก หลังจากลังเลอยู่พักหนึ่ง สุดท้ายก็เลือกยอมประนีประนอม นำแร่สีดำสองก้อนออกมาจากถุงเก็บสมบัติ โยนไปทางซูเฉิน
“แร่พวกนี้คืออะไร?”
ซูเฉินเพ่งมองอย่างตั้งใจ แต่ก็ยังไม่รู้จักแร่ชนิดนี้ จึงเอ่ยถาม
“มันถูกเรียกว่าศิลานิลกาฬ สามารถนำไปใช้หลอมสิ่งประดิษฐ์เทวะได้ นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติช่วยยกระดับพวกมหาเพลิงเอกลักษณ์” เว่ยหยางกล่าว
เขารู้ดี ว่าหากมอบสมบัติธรรมดาให้ซูเฉิน แบบนั้นจะยิ่งเป็นการกระตุ้นให้ซูเฉินโกรธ ดังนั้นจึงมอบศิลานิลกาฬให้โดยตรง เพื่อซูเฉินจะได้ออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด
ดวงตาของซูเฉินเปล่งประกายขึ้นมาทันที สิ่งที่สามารถช่วยยกระดับมหาเพลิงเอกลักษณ์ได้ นี่คือของที่เขาต้องการอย่างเร่งด่วน ไม่นึกเลยว่าจะได้มันในเมืองเฮยหยา เรียกว่าเป็นโชคหล่นทับโดยแท้