949-950
3/10
Ep.949
พวกซูเฉินเดินสำรวจซากปรักหักพังลั่วหยาน ไม่นานก็พบค่ายกลเคลื่อนย้าย
“เหล่าฟาง ช่วยเข้าไปในค่ายกลด้วย”
ซูเฉินมองสำรวจทางเข้าค่ายกลเคลื่อนย้าย ก่อนหันไปพูดกับฟางฉีซานข้างๆเขา
“ผู้อาวุโส … นี่ข้ายังต้องไปด้วยอีกหรือ?”
ใบหน้าของฟางฉีซานซีดเผือด มุมปากสั่นระริก
ปลายทางของค่ายกลเคลื่อนย้ายแห่งนี้คือเมืองเฮยหยา ที่นั่นเป็นอาณาเขตของสัตว์ร้ายมิติ มีกระทั่งระดับเทวะขั้น 4 ประจำการอยู่ ซูเฉินอยากหาเรื่องตายก็ไปตายเอง เขาไม่อยากตายตามด้วย!
“แน่นอน! คุณต้องไปด้วย ถ้าคุณไปไม่ แล้วฉันจะรู้ได้ยังไงว่าค่ายกลเคลื่อนย้ายนี้เป็นของจริงหรือปลอม” ซูเฉินกล่าว
“ผู้อาวุโส ปลายทางของค่ายกลนี้คือเมืองเฮยหยาจริงๆ ข้าสาบานได้!” ฟางฉีซานลั่นสาบาน
ถ้าเขาเข้าไปยังเมืองเฮยหยา คงตายอย่างไม่ต้องสงสัย ต่อให้ถอยสักหมื่นก้าว แล้วตัดสินใจอีกครั้ง คำตอบของเขาก็ยังเป็นคำว่า ‘ไม่!’
“วางใจเถอะ มีฉันอยู่ด้วย คุณไม่ตายหรอก แล้วถ้าพวกสัตว์ร้ายมิติมันกล้าสร้างปัญหา ฉันก็ไม่รังเกียจที่จะก่อพายุนองเลือดในเมืองเฮยหยา!” ซูเฉินกล่าวอย่างไม่แยแส
ด้วยกำลังรบในปัจจุบันของเขา การรับมือกับสัตว์ร้ายมิติระดับเทวะขั้น 4 ไม่ใช่ปัญหา แล้วอีกอย่าง หากหุ่นเชิดทองคำติดตั้งหุ่นเชิดระดับเทวะลงไปอีกสองตัว ระดับฐานฝึกตนของมันจะพุ่งสู่เทวะขั้น 3 เขากับมันร่วมมือกัน คิดกวาดล้างพวกมันทั้งเมืองก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้
แน่นอน จุดประสงค์หลักของเขายังคงเป็นการเดินทางไปป้อมปราการมิติ หากสัตว์ร้ายมิติในเมืองเฮยหยามีสมอง ซูเฉินจะยอมยับยั้งชั่งใจ ไม่ละเลงเลือด
ฟางฉีซานกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก หัวใจเด้งสะท้อนเกือบขึ้นมาถึงลำคอ เขายอมรับว่าซูเฉินแข็งแกร่งมาก แต่ต่อให้แกร่งแค่ไหนก็ยังอยู่ในระดับเทวะขั้น 2
แม้สังหารผู้ฝึกตนระดับเดียวกันได้ในไม่กี่วินาที หรือยังพอรับมือกับเทวะขั้น 3 ได้ แต่สำหรับเทวะขั้น 4 ไม่มีทางเป็นไปได้อย่างแน่นอน
เพราะท้ายที่สุดแล้ว นั่นคือความห่างชั้นกันถึงสองขั้น แล้วอีกอย่างความสามารถในการต่อสู้ของพวกสัตว์ร้ายมิติ มันเหนือผู้ฝึกตนจากหมื่นเผ่าพันธุ์
–แล้วแบบนี้ ซูเฉินยังจะเอาอะไรไปงัดกับเหล็กกล้าอย่างสัตว์ร้ายมิติระดับเทวะขั้น 4ได้?
เรื่องการก่อพายุนองเลือดในเมืองเฮยหยา เกรงว่าจะเป็นแค่วาจาใหญ่โตเท่านั้น
แน่นอน ฟางฉีซานแค่บ่นในใจ ไม่กล้าพูดอะไรออกไป
“ผู้อาวุโส ลองคิดทบทวนดูอีกครั้งเถอะ” ฟางฉีซานพยายามเกลี้ยกล่อม
“บ่นเยอะเหมือนผู้หญิงไม่มีผิด” ซูเฉินเริ่มหมดความอดทน ปลดปล่อยพลังจิตของเขา จับฟางฉีซานโยนเข้าไปในค่ายกลเคลื่อนย้าย จากนั้นก็ตามเข้าไป
เมื่อคนพร้อม เขาจึงใช้พลังจิตกดปุ่มเปิดทำงานค่ายกล
“จบสิ้นแล้ว!”
เมื่อพบว่าการเดินทางในครั้งนี้คงหลีกเลี่ยงไม่ได้ ฟางฉีซานอดไม่ได้ที่จะคร่ำครวญในใจ
หลังหายจากอาการโลกหมุน พวกซูเฉินปรากฏตัวขึ้นกลางห้องโถงสีดำขนาดใหญ่
“ผู้ฝึกตนจากหมื่นเผ่าพันธุ์ …? พวกเจ้ามาที่นี่ได้อย่างไร?”
ทันใดนั้นเอง เสียงเอ่ยถามที่ฟังดูโกรธจัดแว่วเข้ามาในหูซูเฉิน
ซูเฉินหรี่ตาลง กวาดมองไปรอบๆ และพบว่าเวลานี้ มีสัตว์ร้ายมิตินับร้อยตัวกำลังรวมตัวกันอยู่ในห้องโถง กลิ่นอายของพวกมันทรงพลังเป็นอย่างมาก ผู้แข็งแกร่งที่สุดได้บรรลุถึงขั้น 2 ของระดับเทวะแล้ว
“ฉันก็แค่ผ่านทางมา ไม่ได้มีเจตนาอื่นแอบแฝง”
ซูเฉินตอบกลับอย่างผ่อนคลาย ก่อนค่อยๆก้าวลงจากค่ายกลเคลื่อนย้าย
ฟางฉีซานลังเลเล็กน้อย จากนั้นกัดฟัน เดินตามหลังซูเฉินไปติดๆ
ผ่านทางมา?
เหล่าสัตว์ร้ายมิติตะลึงงันไปชั่วขณะ พอได้สติพากันหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง
“เจ้าหนู รู้รึเปล่าว่าที่นี่คือที่ไหน? เจ้ามาที่นี่เพราะอยากส่งตัวเองไปสู่ความตายใช่ไหม?” สัตว์ร้ายมิติระดับเทวะขั้น 1 มองซูเฉิน ใบหน้าของมันเต็มไปด้วยท่าทีหยอกล้อ
ซูเฉินมุ่ยปาก ผุดยิ้มดูแคลน “แค่ฝูงมดกลุ่มนึง ถ้ายังพอมีสมองอยู่บ้าง ก็ไสหัวไป! ไม่งั้นถูกฆ่าขึ้นมา ก็อย่าโทษฉันแล้วกัน!”
ทันทีที่คำนี้หลุดออกมา บริเวณโดยรอบเงียบงันไปชั่วขณะหนึ่ง เหล่าสัตว์ร้ายมิติทั้งหมดมองซูเฉินด้วยสายตาแปลกๆ
ณ ขณะนี้ พวกมันต่างเกิดความสงสัย ว่าสมองของมนุษย์รุ่นเยาว์ตรงหน้า ใช่ฝ่อไปแล้วหรือไม่?
อยู่กลางเมืองเฮยหยา ถูกรายล้อมไปด้วยผู้แข็งแกร่ง แต่ยังกล้าทำตัวหยาบคายเช่นนี้–
–สงสัยคงเบื่อชีวิตแล้วใช่หรือไม่?
4/10
Ep.950
ฟางฉีซานที่อยู่ข้างๆหวาดกลัวจนวิญญาณแทบหลุดจากร่าง
ฟังจากน้ำเสียงของซูเฉิน เขาไม่ใช่แค่ไม่กลัว ตรงกันข้าม ยังเลือกที่จะยั่วยุพวกมัน
ผู้ใดกันหนอที่มอบความกล้าหาญถึงเพียงนี้ให้เขา?
หนึ่งคนคิดต่อกรกับเมืองเฮยหยาทั้งเมือง กระทั่งผู้แข็งแกร่งระดับเทวะขั้น 5 ยังไม่กล้าอวดดีเช่นนี้เลย
“เจ้าหนู ดีใจด้วยเจ้ายั่วโมโหข้าได้สำเร็จ เตรียมถูกข้าเลาะเส้นเอ็นถลกหนังได้เลย เจ้าจะต้องเสียใจที่มีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้!”
สัตว์ร้ายมิติตัวที่เอ่ยปาก ใบหน้าของมันเต็มไปด้วยความดุร้าย วิ่งตรงเข้าหาซูเฉิน เอื้อมมือข้างหนึ่งเข้าคว้า
สัตว์ร้ายมิติตัวอื่นๆไม่ได้เข้าไปแทรกแซง ทั้งหมดยืนอยู่ที่เดิม เฝ้าชมละครที่กำลังจะเกิดขึ้นอย่างใจจดใจจ่อ
ในความคิดของพวกมัน แค่พรรคพวกระดับเทวะขั้น 1 ตัวเดียวลงมือก็พอแล้ว เพราะถึงอย่างไร ซูเฉินเป็นเพียงเผ่ามนุษย์ที่อ่อนแอ ทั้งยังดูเด็กนัก คงไม่มีทางเก่งกาจพอจะต้านทานได้อย่างแน่นอน
“ไม่รู้จักประมาณตน!”
ซูเฉินแค่นเสียงฮึ ทันใดนั้นซัดหมัดออกไป
บังเกิดเสียงดังปัง!
สัตว์ร้ายมิติระดับเทวะขั้น 1 ถูกโจมตีอย่างแรง ตลอดทั้งร่างฉีกขาดเป็นชิ้นๆ กระจายเป็นเศษเนื้อ
ซู๊ดดดด!
ได้เป็นสักขีพยานของฉากนี้ ทั่วทั้งห้องโถงใหญ่เต็มไปด้วยเสียงสูดลมหายใจเย็นเยียบ
พวกมันไม่นึกฝันเลย ว่าระดับเทวะขั้น 1 ฝั่งตนจะถูกสังหารโดยมนุษย์รุ่นเยาว์ผู้หนึ่ง ยิ่งไปกว่านั้นยังตายในหมัดเดียว
ณ ตอนนี้ ทั้งหมดได้ประจักษ์แล้วถึงความแข็งแกร่งของซูเฉิน
“เขาคือระดับเทวะขั้น 2!”
สัตว์ร้ายมิติตัวหนึ่งร้องโวยวาย พวกมันตัวอื่นๆต่างตกตะลึง
ซูเฉินสามารถขึ้นเป็นระดับเทวะขั้น 2 ได้ตั้งแต่อายุยังน้อย นี่เป็นเรื่องที่พวกมันไม่เคยคาดคิดมาก่อน
และการที่ซูเฉินสามารถฆ่าสัตว์ร้ายมิติระดับเทวะขั้น 1 ได้อย่างง่ายดายเช่นนี้ แสดงว่าความแข็งแกร่งของเขาต้องเหนือกว่าระดับเดียวกันอย่างแน่นอน อีหรอบนี้ เกรงว่าคงมีเพียงผู้แข็งแกร่งระดับเทวะขั้น 3 เท่านั้นจึงจะสามารถสยบเขาได้
คิดได้แบบนี้ ระลอกคลื่นของความหวาดกลัวกระจายไปทั่วห้องโถง นั่นเพราะสัตว์ร้ายมิติในที่นี้ ตัวที่แข็งแกร่งสุดอยู่ในระดับเทวะขั้น 2 เท่านั้น ซึ่งไม่ใช่คู่ต่อสู้ของซูเฉินแน่นอน
หากซูเฉินเกิดบ้าอาละวาดขึ้นมา พวกมันทั้งหมดจะตกอยู่ในอันตราย
“ใครกันที่กล้าทำตัวกำเริบเสิบสานที่นี่?”
ระหว่างนั้นเอง เสียงเย็นเยียบดังเข้ามาข้างในห้องโถงใหญ่
“นายท่านเลิ่งอ้าวมาแล้ว!”
เหล่าสัตว์ร้ายมิติในห้องโถงตื่นเต้นขึ้นมาทันที เพราะเลิ่งอ้าวไม่เพียงแต่เป็นรองเจ้าเมืองเฮยหยาเท่านั้น แต่ยังเป็นผู้แข็งแกร่งระดับเทวะขั้น 3 อีกด้วย!
หากมีเขาอยู่ ซูเฉินไม่สามารถทำตามอำเภอใจได้
ไม่นาน สัตว์ร้ายมิติร่างผอมตัวหนึ่งก้าวเข้ามาในห้องโถง ย่อมเป็นอื่นไปไม่ได้นอกจากเลิ่งอ้าว
เมื่อเห็นศพสัตว์ร้ายมิติที่กระจัดกระจายไปทั่วห้องโถงใหญ่ ระลอกคลื่นของความโกรธแค้นก็ผุดขึ้นบนใบหน้าเขาทันที
“มนุษย์ เจ้าจงมอบคำอธิบายที่สมเหตุสมผลมา มิฉะนั้นก็เตรียมพบจุดจบอันน่าสังเวชได้เลย!”
เลิ่งอ้าวจ้องซูเฉินเขม็ง น้ำเสียงเย็นเยียบยากหาที่เปรียบ แววตาสาดประกายคมกล้า
“ฉันแค่ขอผ่านทาง แต่พรรคพวกของแกกลับลงมือ เลยไม่มีทางเลือกอื่น จำเป็นต้องฆ่าพวกมัน!”
ซูเฉินกล่าวต่ออย่างสบายๆว่า “แต่ตอนนี้ฉันกำลังอารมณ์ดีอยู่ รีบก้มหัวขอโทษ จ่ายค่าชดใช้มา แล้วฉันอาจยอมไว้ชีวิตสุนัขของพวกแก!”
“…”
ฟางฉีซานตกตะลึงอย่างสมบูรณ์ ความก้าวร้าวของซูเฉิน กระทั่งเขายังทนดูไม่ได้อีกต่อไป แล้วเลิ่งอ้าวมีหรือจะทนได้?
แต่ละคำที่เปล่งออกมาช่างอวดดี!
มุทะลุไม่รู้จักที่ตาย!!
เหล่าสัตว์ร้ายมิติต่างแสดงออกถึงความไม่พอใจ
เลิ่งอ้าวเองก็ถุกยั่วโมโหเช่นกันเขาร้องคำรามออกมา ทันใดนั้นมีดยักษ์สีทองเล่มหนึ่งปรากฏขึ้นในมือเขา ตัดอากาศเบื้องลง สับลงเหนือหัวซูเฉิน
ดาบยักษ์ทองคำเล่มนี้เป็นสิ่งประดิษฐ์เทวะ วินาทีที่มันปรากฏ ตลอดทั้งห้องโถงใหญ่เต็มไปด้วยกลิ่นอายสังหารอันน่าพรั่นพรึง
“ช่างเป็นรังสีดาบที่น่าหวาดกลัว!”
ฟางฉีซานได้รับผลกระทบจากมัน ร่างสั่นเทิ้มอย่างไม่อาจควบคุม
ในเวลาเดียวกัน ข้างในหัวใจเขาเริ่มกังวลแทนซูเฉิน
เพราะเลิ่งอ้าวไม่เพียงเป็นระดับเทวะขั้น 3 เท่านั้น แต่ยังมีสิ่งประดิษฐ์เทวะอยู่ในครอบครอง
สถานการณ์เช่นนี้ ซูเฉินยังจะรับมือได้หรือ?