ระบบทักษะพลิกชีวิต - ตอนที่ 38 หลี่ม่าน
ตอนที่ 38 หลี่ม่าน
เย่โม่ทะเลาะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในห้องสอบสวนอยู่นาน คำตอบที่ได้ส่วนใหญ่จึงไม่ค่อยจะเกี่ยวข้องกับเรื่องที่จางเชาหายตัวไปมากนัก จนกระทั่งเวลาล่วงเลยผ่านไปเกือบหนึ่งชั่วโมง
ก่อนที่จะมีใครถามอะไรอีก ในที่สุดเจ้าหน้าที่ตำรวจที่นั่งอยู่ด้านหลังโคมไฟบนโต๊ะก็เริ่มหมดความอดทน เขายกมือขึ้นตบโต๊ะเสียงดังปังจนเสียงนั้นดังออกไปด้านนอกให้ได้ยินเล็กน้อย
ตรงกันข้ามกับเย่โม่ที่ยังคงนั่งนิ่งสีหน้าเรียบเฉย และเอนกายพิงพนักเก้าอี้อย่างเกียจคร้าน เขาทำราวกับว่าไม่ได้ยินเสียงอะไรทั้งนั้น
“ฉันว่านะ คนอย่างแกน่าจะเป็นประเภทไม่เจ็บตัวคงจะไม่ยอมพูดความจริงสินะ!”
พูดจบ เจ้าหน้าที่ตำรวจนายนั้นก็เอื้อมมืออออกไปเปิดโคมไฟบนโต๊ะทันที ทำให้เย่โม่ได้เห็นหน้าตำรวจที่กำลังสอบสวนตนเองได้ชัดเป็นครั้งแรก หนึ่งในนั้นเป็นตำรวจหน้ายาวเหมือนม้าที่ไปจับตัวเขามา ส่วนอีกคนเป็นตำรวจที่มีรูปร่างค่อนข้างอ้วนท้วนเล็กน้อย
นายตำรวจหน้าม้าทำสีหน้าท่าทางดุดัน เขากำลังปลดกระดุมแขนเสื้อ จากนั้นก็ค่อยๆพับแขนเสื้อขึ้นทีละข้าง ท่าทางของเขานั้นดูเอาเรื่องอย่างน่ากลัว
แต่ถึงอย่างนั้น เย่โม่กลับไม่รู้สึกหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย ใบหน้าของเขายังคงนิ่งเรียบไร้ความรู้สึก เมื่อต้องเผชิญหน้ากับการจู่โจมของคนธรรมดาทั่วไป เพราะด้วยทักษะการแพทย์ในระดับสุดยอดปรมาจารย์นี้ ทำให้เขาสามารถวินิจฉัยและวิเคราะห์ตำรวจหน้าม้าคนนี้ได้อย่างง่ายดาย
เบ้าตาของคนๆนี้จมลงไปในใบหน้าที่ซีดเหลือง บ่งบอกว่าเป็นคนโอ้อวด และเห็นแก่เงินทองกว่าอะไรทั้งหมด
“ในเมื่อฉันให้โอกาสแกพูดความจริงแล้ว แต่แกกลับปฏิเสธไม่ยอมรับโอกาส เพราะฉะนั้น หลังจากนี้ฉันจะให้แกได้ลิ้มรสความเสียใจที่ได้ปฏิเสธโอกาสนั้น!”
ขณะที่พูด ตำรวจหน้าม้าก็เดินตรงเข้าไปหาเย่โม่ พร้อมกับชกกำปั้นเข้าที่ท้องน้อยของเขาในทันที!
เย่โม่เห็นแล้วก็ได้แต่นึกเย้ยหยันอยู่ในใจ ‘ฉันเป็นมนุษย์เหล็ก! คิดว่าจะกำปั้นของแกจะทำอะไรฉันได้เหรอไอ้ตำรวจหน้าโง่! เชิญแกชกได้ตามสบาย เพราะมันจะไม่ต่างจากแกใช้กำปั้นชกเข้ากับแผ่นเหล็กที่แข็งแกร่งหรอกนะ’
“ไอ้เย็ดแม่!!”
ตำรวจหน้าถึงกับสบถออกมา สีหน้าของเต็มไปด้วยความตกใจ เพราะคาดไม่ถึงว่าท้องของเย่โม่นั้นจะแข็งราวกับแผ่นเหล็ก และทำให้เขาเจ็บกำปั้นอย่างมาก!
แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ไม่สามารถร้องครวญครางออกมาได้ แต่ฝืนบังคับใบหน้าให้เรียบเฉย และทำเหมือนกับว่าเขาได้ต่อยท้องเย่โม่สำเร็จแล้ว แม้ว่าความจริงนั้นเขากำลังรู้สึกเจ็บปวดที่กำปั้นอย่างมากก็ตาม!
ในระหว่างที่กำลังกดข่มความเจ็บปวดอยู่นั้น ด้วยความโมโหเขาก็ยกขาขวาขึ้นถีบไปที่หน้าอกของเย่โม่อย่างแรง ในขณะที่เย่โม่ได้แต่นั่งหัวเราะคิกคัก พร้อมกับแอบใช้พละกำลังในร่างสร้างแรงสะท้อนกลับ
และทันทีที่ฝ่าเท้าของตำรวจหน้าม้ากระแทกเข้ากับหน้าอกของเย่โม่ ร่างของเขาก็ถึงกับกระเด็นออกมาและสูญเสียการทรงตัว จากนั้นก็ร่วงลงก้นกระแทกกับพื้นทันที ศรีษะของเขากระแทกเข้ากับเก้าอี้อย่างแรง และเกือบจะเป็นลมหมดสติไปเพราะความเจ็บปวด
“คุณตำรวจครับ ทำดีๆหน่อยสิครับ! ระวังตัวหน่อย เพราะถ้าคุณตำรวจเจ็บตัวเพราะทำร้ายผมแบบนี้ ผมจะรู้สึกผิดนะครับ!”
แม้ประโยคที่พูดออกไปจะดูเป็นห่วงเป็นใย แต่น้ำเสียงของเย่โม่นั้นบ่งบอกชัดเจนว่ามันคือการเยาะเย้ย พร้อมกับเสียงหัวเราะคิกคักที่ดังตามมา
เจ้าหน้าที่ตำรวจร่างอวบสังเกตเห็นบางสิ่งบางอย่างที่ผิดปกติ เขาตรงเข้าหาเย่โม่ทันที พร้อมกับชกกำปั้นเข้าที่ใบหน้าของเด็กหนุ่มอย่างไม่ลังเล
แต่ครั้งนี้เย่โม่ไม่ยอมอยู่นิ่งๆให้อีกฝ่ายชกหน้าฟรีแน่ เขาเอียงหัวหลบกำปั้นนั้นเล็กน้อย ทำให้ร่างของตำรวจร่างอวบเสียงการทรงตัว และพุ่งเข้าใกล้ร่างของเย่โม่ในทันที เย่โม่ไม่รอช้า เขาใช้หน้าผากของตัวเองโขกเข้าที่หน้าผากของอีกฝ่ายกลับไปทันที
โป๊ก!
กร๊อบ!
เสียงคล้ายกระดูกแตกดังลั่นออกมาทั่วทั้งห้องสอบสวนที่เงียบสงัด!
นายตำรวจร่างอวบถึงกับตกตะลึงไปครู่หนึ่ง แต่ก็เพียงแค่สองสามวินาทีเท่านั้น แล้วเสียงกรีดร้องโหยหวนราวกับหมูถูกเชือดก็ดังขึ้น เวลานี้ ตำรวจร่างอ้วนถึงกับลงไปนอนกองกับพื้น และกำลังกลิ้งไปมาด้วยความเจ็บปวดอย่างสุดแสนที่จะทานทน
ดูเหมือนว่ากระดูกหน้าผากของเขาจะแตก!
แม้ว่าภาพที่เห็นนั้นจะดูน่าสงสารไม่น้อย แต่เย่โม่กลับจ้องมองภาพตรงหน้าด้วยความรู้สึกนิ่งเฉย ไม่มีแม้แต่ความเมตตาสงสารเลยสักนิด!
เย่โม่มั่นใจว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งสองนายนี้ไม่ได้มาสอบสวนเขาเพราะพบหลักฐานอะไรเลย พวกมันตั้งใจที่เอาตัวเขามาเพื่อหาเรื่องซ้อมมากกว่า และแน่นอนว่าที่พวกมันทำเช่นนั้น ย่อมต้องมีคนสั่งการอยู่เบื้องหลังให้จัดการกับเขานั่นเอง!
นายตำรวจหน้าม้าที่เวลานี้รู้สึกตัวแล้ว ได้ลุกขึ้นยืนด้วยสีหน้างุนงง แต่เมื่อหันไปพบเพื่อนร่วมงานกำลังนอนกลิ้งไปมาพร้อมกับร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวด ตัวเขาเองก็ถึงกับหน้าซีดเผือดขึ้นมาทันที เขาแทบไม่อยากจะเชื่อว่า ตนเองกับเพื่อนร่วมงานสองคนจะไม่สามารถทำอะไรเด็กนักเรียนมัธยมคนหนึ่งที่ถูกใส่กุญแจมือนั่งอยู่บนเก้าอี้คนนี้ได้
“เย่โม่! ไอ้ลูกพ่อแม่ไม่สั่งสอน! ไอ้เด็กเวร!”
นายตำรวจหน้าม้าร้องตะโกนออกมาด้วยความโกรธแค้น เขายกฝ่ามือขึ้น ก่อนจะฟาดลงไปที่ใบหน้าของเย่โม่อย่างสุดกำลังที่มี!
เย่โม่สามารถมองเห็นทุกการเคลื่อนไหวได้อย่างชัดเจน แต่ครั้งนี้ใบหน้าที่เรียบเฉยไร้ความรู้สึก กลับเปลี่ยนเป็นเย็นยะเยือกจนน่าขนลุก
‘หึ! นอกจากแกคิดที่จะตบหน้าฉันแล้ว แกยังกล้าดูถูกแม่ของฉันอีกเหรอ?’
สองสิ่งนี้เป็นเรื่องที่เย่โม่ไม่มีวันยอมเด็ดขาด!
ก่อนที่ฝ่ามือของตำรวจหน้าม้าจะกระทบเข้ากับใบหน้าของเย่โม่นั้น เขาก็รู้สึกว่า แขนขวาของตนเองคล้ายถูกดึงไว้ จากนั้นก็เกิดแรงบีบที่ดูเหมือนจะค่อยๆรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เขาพยายามที่จะดึงมือออก แต่ไม่ว่าจะออกแรงดึงเท่าไหร่ก็ไม่สามารถหลุดพ้นได้
ตำรวจหน้าม้ารีบหันไปมองว่าความเจ็บปวดนั้นเกิดจากอะไร และพบว่า เวลานี้มือทั้งสองข้างของเย่โม่ที่ถูกใส่กุญแจมือไว้นั้นได้ยกสูงขึ้น และฝ่ามือซ้ายกำลังกำอยู่ที่ข้อมือของตน จากสีหน้าของเย่โม่ ดูเหมือนเขาออกแรงบีบเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น
“นี่แกกล้าตบหน้าฉัน แล้วยังกล้าด่าแม่ฉันด้วยงั้นเหรอ?”
เย่โม่คำรามออกมาเสียงเย็น ฝ่ามือข้างซ้ายยังคงออกแรงบีบแน่น และไม่นานนักก็เริ่มได้ยินเสียงกระดูกแตกดังลั่นทั่วทั้งห้องสอบสวน
ครั้งนี้ ไม่เพียงแค่นายตำรวจร่างอวบที่กำลังนอนกลิ้งอยู่กับพื้น แต่นายตำรวจหน้าม้าก็ลงไปนอนกุมข้อมือซ้ายกลิ้งอยู่กับพื้น พร้อมกับร้องครวญครางออกมาด้วยความเจ็บปวดเช่นกัน
“หยุดเดี๋ยวนี้! ห้ามขยับเขยื้อน!”
แต่แล้วจู่ๆเสียงร้องตะโกนก็ดังขึ้นที่หน้าห้องสอบสวน เย่โม่เงยหน้าขึ้นมอง และพบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกคนนั้น เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจหญิงที่เขาพบเจอมาก่อนหน้านี้นั่นเอง
เย่โม่แสยะยิ้มพร้อมกับนึกหยันอยู่ในใจ ‘หึ! ดูท่าจะเข้าข้างพวกเดียวกันสินะ? ตอนฉันถูกซ้อมกลับไม่โผล่หน้ามา แต่ตอนนี้กลับโผล่หัวมาพร้อมกับปืน!’
เจ้าหน้าที่ตำรวจหญิงคนนั้นเดินถือปืนเล็งมาทางเย่โม่ แล้วค่อยๆก้าวเดินเข้ามาภายในห้องสอบสวน พร้อมกับกวาดสายตาสำรวจไปรอบห้องอย่างละเอียด
แต่เมื่อพบเพื่อนร่วมงานสองคนกำลังนอนร้องโหยหวนอยู่กับพื้นห้อง หนึ่งในนั้นดูเหมือนจะกระดูกข้อมือหัก ส่วนอีกคนก็นอนกุมหน้าผาก ความโกรธพลันปะทุขึ้นในใจอย่างรุนแรง เธอร้องตะโกนสั่งเสียงดังลั่นห้อง
“เย่โม่! ยกมือทั้งสองข้างไว้ที่ท้ายทอย แล้วก็หมอบลงกับพื้นเดี๋ยวนี้!”
“คุณพี่ตำรวจหญิงครับ! มือสองข้างของผมถูกใส่กุญแจมือไว้นะครับ แล้วจะให้เอาไปพาดท้ายท้อยได้ยังไงกันล่ะครับ?”
ระหว่างที่พูดเย่โม่ก็ยกมือทั้งสองข้างที่ถูกใส่กุญแจมือไว้ให้ตำรวจหญิงดู ใบหน้าของเขายังคงใสซื่อบริสุทธิ์
ตำรวจหญิงได้แต่ยืนทำสีหน้างุนงงเล็กน้อยในระหว่างที่ค่อยๆคิดไปตามที่เย่โม่บอก และไม่เข้าใจว่า เหตุใดเย่โม่จึงได้ถูกเพื่อนร่วมงานสองคนของเธอจับใส่กุญแจมือ แล้วพามาสอบสวนอีก?
แต่ในระหว่างนั้นเอง เหอเผิงหัวหน้าสำนักงานรักษาความมั่นคงเมืองฉางเฟิง ก็รีบเดินดุ่มๆเข้ามา และเห็นตำรวจหญิงกำลังเล็งปืนไปทางเย่โม่พอดี ใจของเขาเต้นแรงด้วยความตระหนกตกใจ พร้อมกับร้องตะโกนออกมาด้วยน้ำเสียงโกรธเกรี้ยว!
“หลี่ม่าน! ลดปืนลงเดี๋ยวนี้!”
‘อ่อ! ที่แท้ก็ชื่อหลี่ม่านนี่เอง!’ ในที่สุดเย่โม่ก็ได้รู้ชื่อของตำรวจหญิง
ตำรวจหญิงหันหลังกลับไปมองตามเสียงทันที และเมื่อพบว่าเป็นหัวหน้าเหอ ด้วยสัญชาติญาณเธอเองก็ต้องการทำตามคำสั่ง แต่อีกใจก็ลังเลว่าเย่โม่จะทำอันตราย จึงได้พูดขึ้นว่า
“หัวหน้าเหอคะ แต่เด็กคนนี้ค่อนข้าง….”
แต่ยังไม่ทันที่หลี่ม่านจะได้พูดจบประโยค เหอเฟิงก็เดินตรงเข้าไปกระชากปืนออกมาจากมือของเธอ พร้อมกับร้องตวาดกลับเสียงดัง
“หูตึงรึยังไง? เดี๋ยวนี้ไม่ต้องฟังคำสั่งของผมกันแล้วใช่มั๊ย?”
“เอ่อ.. ไม่ใช่ค่ะ!”
“ออกไปให้พ้น!”
“ค่ะหัวหน้า!”
หลังจากที่หลี่ม่านเดินออกไปแล้ว หัวหน้าเหิงก็เดินเข้าไปหาเย่โม่พร้อมกับไขกุญแจมือออกให้ ก่อนจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงตระหนกตกใจ
“นี่น้องเย่ เธอไม่เป็นอะไรใช่มั๊ย?”
“ผมไม่เป็นอะไรครับ! แต่สองคนนั่นท่าจะอาการหนักไม่น้อย!”
เย่โม่ร้องบอกพร้อมกับหัวเราะคิกคักขณะหันไปมองร่างของตำรวจสองนาย ที่ยังคงนอนร้องครวญครางอยู่บนพื้น แม้ว่าใบหน้าจะมีรอยยิ้ม แต่ก็แฝงไว้ด้วยความเลือดเย็นอย่างบอกไม่ถูก
--------------------------
ติดตามนิยายแปลสนุกๆอีกหลายเรื่องได้ที่เพจ : แปลสนุก