ตอนที่แล้วระบบทักษะพลิกชีวิต - ประกาศ!!!!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไประบบทักษะพลิกชีวิต - ตอนที่ 37 ถูกสอบอีกครั้ง

ระบบทักษะพลิกชีวิต - ตอนที่ 36 สอบปากคำ


ตอนที่ 36 สอบปากคำ

เย่โม่ตั้งใจว่าจะไปโรงเรียนสังเกตการสักหน่อย แต่ในระหว่างนั้น โทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้นเสียก่อน ทำให้แผนการเดิมของในวันนี้ต้องเปลี่ยนแปลงไป

“นั่นใช่คุณเย่โม่มั๊ยครับ?”

“ใช่ครับ ผมเย่โม่! ไม่ทราบคุณเป็นใครเหรอครับ?”

“ผมโทรมาจากสำนักงานรักษาความมั่นคงเมืองฉางเฟิง เราอยากจะขอเชิญคุณมาให้ปากคำหน่อยน่ะครับ ตอนนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังสืบเรื่องการหายตัวไปของจางเชาอยู่ครับ ไม่ทราบคุณพอจะมีเวลาบ้างมั๊ย?”

เย่โม่รู้สึกแปลกใจเล็กน้อยที่จู่ๆ ก็มีเจ้าหน้าที่ตำรวจจากสำนักงานรักษาความมั่นคงเมืองฉางเฟิงโทรมาขอสอบปากคำตนเอง

‘นี่ฉันทิ้งร่องรอยอะไรไว้หรือเปล่า?’

แต่หลังจากใคร่ครวญอย่างละเอียด และมั่นใจว่าตนเองไม่ได้ทิ้งร่องรอยอะไรไว้ในที่เกิดเหตุแน่ เย่โม่จึงได้แต่ตอบกลับไปด้วยความโล่งใจ

“ได้ครับ! ผมจะเดินทางไปให้ปากคำตามที่ต้องการครับ”

หลังจากที่วางสายไป เย่โม่ก็เรียกแท็กซี่ไปที่สำนักงานรักษาความมั่นคงทันที และตั้งใจไว้ว่าจะไปโรงเรียนในวันหลัง เพราะวันนี้คงจะไม่มีเวลาแล้วอย่างแน่นอน

เมื่อไปถึงสถานีตำรวจ เย่โม่ก็เดินตรงเข้าไปด้านในทันที แต่กลับถูกตำรวจหญิงคนหนึ่งเรียกไว้เสียก่อน และหลังจากที่สำรวจเย่โม่ตั้งแต่หัวจรดเท้า เธอก็มั่นใจว่าเขาน่าจะต้องเป็นเพียงเด็กมัธยมเท่านั้น จึงได้แต่ร้องถามออกไปพร้อมกับขมวดคิ้วเข้าหากันแน่น

“เธอชื่ออะไร?”

“เย่โม่!”

“นี่เธอมาพบใครงั้นเหรอ? เพราะถ้าไม่มีธุระหรือว่ามีเคสอะไร ก็ไปที่อื่นซะ! สำนักงานรักษาความมั่นคงไม่ใช่สถานที่ที่เด็กอย่างเธอจะมาเดินเล่น”

เด็กงั้นเหรอ?

เย่โม่รู้ว่าจะต้องหัวเราะหรือร้องไห้ดี เขาจ้องมองเจ้าหน้าที่ตำรวจหญิงครู่หนึ่ง และมั่นใจว่าเธอน่าจะอายุมากกว่าเขาไม่เกินสี่หรือห้าปีเท่านั้น!

“ผมไม่ได้มาเดินเล่น แต่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจโทรไปเรียกให้ผมมาที่นี่ เห็นว่าอยากจะสอบถามผมเกี่ยวกับเรื่องของจางเชา!”

“จางเชา? เด็กนักเรียนชายที่หายตัวไปงั้นเหรอ? อ่อ.. งั้นตามฉันมาได้เลย!”

เจ้าหน้าที่ตำรวจหญิงรีบเดินนำเย่โม่เข้าไปข้างในทันที และเมื่อไปถึงหน้าโต๊ะของเจ้าหน้าที่ตำรวจสวมแว่นตานายหนึ่ง เธอก็พูดขึ้นว่า

“นี่เสี่ยวหวัง เธอรับผิดชอบเคสของจางเชาอยู่ใช่มั๊ย?”

“ใช่ๆ”

เสี่ยวหวังพยักหน้าหงึกๆพร้อมกับร้องตอบ และไม่เข้าใจว่าจู่ๆทำไมตำรวจหญิงถึงได้ถามเรื่องนี้ขึ้นมา

เย่โม่ไม่รอช้า ชิงพูดขึ้นตัดหน้าตำรวจหญิงทันที “สวัสดีครับ ผมเย่โม่! คุณก็คือเจ้าหน้าที่ตำรวจที่โทรไปขอให้ผมมาให้ปากคำใช่มั๊ยครับ?”

“ใช่ ฉันเอง! มาเร็วดีนี่ งั้นก็นั่งลงก่อนนะ!”

เสี่ยวหวังคิดไม่ถึงว่าเย่โม่จะมาถึงสถานีตำรวจรวดเร็วขนาดนี้ จึงได้ร้องบอก และรีบหาเก้าอี้ให้เย่โม่นั่งทันที

เมื่อเห็นทุกอย่างเรียบร้อยดี ตำรวจหญิงจึงได้ขอตัวออกไปทำงานของเธอต่อ แล้วเดินออกไปอย่างรวดเร็ว

“ที่ผมโทรไปหาคุณวันนี้ ก็เพราะอยากจะถามเรื่องของจางเชาเพิ่มเท่านั้นเอง!”

เสี่ยวหวังจ้องมองเย่โม่พร้อมกับเอ่ยถามด้วยสีหน้าสงบนิ่ง ทำให้เย่โม่ไม่อาจคาดเดาได้ว่า ตำรวจนายนี้กำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ แต่เขาก็พยักหน้าและตอบกลับไปว่า

“ได้ครับ! คุณตำรวจอยากจะถามอะไรก็เชิญได้เลย ผมยินดีที่จะตอบทุกอย่างที่ตัวเองรู้!”

“เอาล่ะ.. เธอกับจางเชารู้จักกันใช่มั๊ย?”

“ใช่ครับ!”

“พวกเธอสองคนสนิทสนมกันมั๊ย?”

“จะเรียกว่าสนิทสนมก็คงไม่ใช่ครับ!”

“ถ้าอย่างนั้น ในวันที่จางเชาหายตัวไปเธอทำอะไรอยู่?”

“จางเชาหายไปวันไหนเหรอครับ?”

เสี่ยวหวังเปิดแฟ้มคดีออกดู พร้อมกับบอกวันเวลาที่จางเชาหายตัวไปให้เย่โม่รู้

“ผมไม่รู้มาก่อนเลยนะครับว่าจางเชาหายตัวไป! แต่ในเช้าวันนั้นผมได้ไปที่โรงเรียน แล้วหลังจากนั้นก็กลับไปบ้านนอนพักผ่อน!”

เย่โม่บอกกับเสี่ยวหวัง พร้อมกับจ้องมองเขาด้วยสีหน้าแววตาใสซื่อบริสุทธิ์ ไม่มีท่าทีผิดปกติใดๆให้เสี่ยวหวังเห็นเลยแม้แต่น้อย

“มีใครเป็นพยานเรื่องนี้ได้มั๊ย?”

“นี่ลุงตำรวจรับ ผมกลับบ้านไปนอนตามลำพัง ใครจะมาเป็นพยานให้ได้ล่ะครับ!”

“เอ่อ.. เอาล่ะ ถ้างั้นก็ตอบคำถามต่อไป! มีคนบอกว่าเธอกับจางเชาไม่ถูกกันใช่มั๊ย?”

“ใช่ครับ! แต่ว่าจางเชาไม่ได้ชอบหาเรื่องผมคนเดียวนะครับ เขาหาเรื่องเด็กนักเรียนคนอื่นไปทั่ว แล้วก็มีอีกหลายคนที่ไม่ถูกับจางเชาเหมือนกัน!”

“มีใครบ้างล่ะ?”

เย่โม่ฟังคำถามแล้วก็ได้แต่หัวเราะออกมา พร้อมกับย้อนถามเสี่ยวหวังไปว่า “คุณตำรวจครับ จะมาถามผมทำไม? คุณกำลังสอบสวนเรื่องนี้อยู่ไม่ใช่เหรอครับ? ทำไมไม่ไปถามนักเรียนคนอื่นๆในโรงเรียนล่ะว่า จางเชาเป็นศัตรูกับใครบ้าง แต่ที่แน่ๆ ผมไม่ใช่ศัตรูของเขาแน่นอน!”

“แต่มีคนบอกว่าเธอเองก็ไม่พอใจเขาเหมือนกันไม่ใช่เหรอ?” เสี่ยวหวังเอ่ยถามยิ้มๆ และดูเหมือนจะเป็นร้อยยิ้มที่ดูพอใจอะไรบางอย่าง

“เรื่องนั้นก็จริงครับ! เพราะจางเชาชอบข่มเหงรังแกผม แต่ผมก็ไม่ได้มีความสามารถพอที่จะไปลักพาตัวเขา หรือฆ่าเขาได้นี่ครับ อีกอย่าง! เป้าหมายของผมคือการสอบเอนทรานซ์เข้ามหาวิทยาลัยให้ได้ และตอนนี้ผมเองก็ได้โควต้าพิเศษเข้ามหาวิทยาลัยจี่หนิงแล้วด้วย…”

เย่โม่เล่าตอบคำถามของเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วยสีหน้าที่ใสซื่อบริสุทธิ์ ทำให้เสี่ยวหวังเริ่มรู้สึกว่า เย่โม่ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของจางเชา

เสี่ยวหวังได้แต่แอบครุ่นคิดอยู่ในใจว่า

‘เด็กนี่ก็ดูมีอนาคตสดใสดี ไม่มีเหตุผลที่เขาจะต้องทำเรื่องผิดกฏหมาย แต่ก็ไม่รู้ว่าที่เด็กนี่พูดมาจะเป็นความจริงรึเปล่า?’

ในขณะที่เสี่ยวหวังกำลังจะถามต่อนั้น เสียงของใครบางคนก็ดังขึ้นเสียก่อน

“เย่โม่ใช่มั๊ยนั่น?”

ทั้งเย่โม่และเสี่ยวหวังต่างก็หันมองไปทางต้นเสียงพร้อมๆกัน ปรากฏว่าเป็นหัวหน้าสำนักงานรักษาความมั่นคงที่ชื่อว่าเหอเผิง และเมื่อเย่โม่เห็นเข้าก็รีบลุกขึ้นยืนพร้อมกับเอ่ยทักทายกลับไปทันที

“อ้าว หัวหน้าเหอ บังเอิญจังเลยนะครับเนี่ย!”

เหอเผิงหัวเราะและเดินตรงเข้ามาหาเย่โม่ทันทีพร้อมกับเอ่ยถามออกไปว่า “แล้วทำไมวันนี้ถึงได้มาที่นี่ได้?”

เมื่อเห็นหัวหน้าของตนเองเดินเข้ามา เสี่ยวหวังก็รีบลุกขึ้นยืนพร้อมกับร้องถามออกไปทันที “ท่านหัวหน้าครับ รู้จักกับเย่โม่ด้วยเหรอครับ?”

“ก็ใช่น่ะสิ! เขานับเป็นความภาคภูมิใจของเมืองฉางเฟิงเราเลยนะรู้มั๊ย?”

หลังจากได้ฟังคำตอบของหัวหน้าเหอ เสี่ยวหวังก็มั่นใจได้ทันทีว่า ที่เย่โม่พูดมาทั้งหมดเมื่อครู่น่าจะเป็นเรื่องจริง

และด้วยความสัมพันธ์ระหว่างเย่โม่กับเหอเผิง ทำให้เสี่ยวหวังต้องเปลี่ยนท่าทีทีในการพูดคุยกับเย่โม่ขึ้นมาทันที เขาดูมีมารยาทและให้เกียรติเย่โม่มากขึ้น!

หลังจากที่เชื่อว่า คำพูดของเย่โม่ทั้งหมดน่าจะเป็นความจริง ทำให้เสี่ยวหวังมั่นใจว่า เย่โม่ไม่น่าจะมีแรงจูงใจให้ก่ออาชญากรรม เขาจึงได้วางปากกาในมือลง พร้อมกับพูดขึ้นว่า

“เอาล่ะ ผมไม่มีคำถามอะไรแล้วครับ เชิญคุณกลับไปได้!”

“เอ๊ะ?! นี่เธอมาให้ปากคำหรอกเหรอ?”

หัวหน้าเหอร้องถามออกมาด้วยสีหน้างุนงง เพราะไม่เข้าใจว่าเย่โม่มาให้ปากคำเรื่องอะไรกัน เย่โม่ไม่ได้คิดที่จะปิดบังอยู่แล้ว จึงได้เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้กับหัวหน้าเหอฟังทันที

ในเมื่อไม่มีอะไรแล้ว เย่โม่ก็ไม่อยากเสียเวลาอยู่ที่สถานีตำรวจต่อ จึงได้ขอตัวกลับทันที และทันทีที่เย่โม่ก้าวเดินออกไป หัวหน้าเหอก็ได้หันไปกำชับเสี่ยวหวังว่า

“อย่าว่าแต่เย่โม่ไม่ผิดเลย ต่อให้ผิด คุณก็รู้ใช่มั๊ยว่าควรจะต้องเขียนสำนวนออกมายังไง?”

เสี่ยวหวังฟังแล้วก็ถึงกับเสียววาบ และรีบตอบกลับไปทันที “ครับผม! ผมเข้าใจดีครับหัวเหน้าเหอ!”

หลังจากที่หัวหน้าเหอเดินออกไปแล้ว เสี่ยวหวังก็ได้แต่แอบถอนหายใจออกมา เขาทรุดลงนั่งกับเก้าอี้ และเขียนลงไปในสำนวนว่า ‘ไม่พบความผิดปกติ!’

หลังจากสอบสวนคนที่เกี่ยวข้อง และผู้ต้องสงสัยหลายปากจนกระทั่งมาถึงเย่โม่แล้ว เสี่ยวหวังก็ได้แต่นั่งใคร่ครวญอยู่นาน และในที่สุดก็เขียนสรุปลงไปบนแฟ้มคดีว่า

‘หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย!’

หลังจากนั้น เขาก็เก็บเอกสารทั้งหมดกลับเข้าตู้ไป

หลังออกมาจากสถานีตำรวจแล้ว เย่โม่ก็คร้านที่จะไปที่อื่นต่อ เขาจึงได้ตรงกลับไปที่บ้านทันที และไปถึงราวสี่โมงกว่าๆ และเมื่อไปถึงก็พบว่า บนโต๊ะมีวัตถุดิบสำหรับทำอาหารหลายอย่างที่เป็นของโปรดของตนเอง

“ลุงครับ ป้าครับ ทำไมถึงได้กลับมาเร็วนักล่ะครับ?”

“ที่โรงงานเลิกงานสี่โมงเย็น เลิกงานแล้วพวกเราก็กลับบ้านทันทีเลย!”

เย่โม่ถึงกับงุนงง แต่เมื่อคิดหาเหตุผลแล้ว เขาก็พอที่จะเข้าใจได้ว่า อาจเป็นเฟิงกั๋วตงที่ให้ทั้งสองคนเลิกงานเร็วเป็นพิเศษ เย่โม่จึงได้แต่แอบคิดว่า

‘เป็นแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน ลุงกับป้าจะได้ไม่ต้องเหนื่อยมาก’

เขาไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่านั้น และรีบหันไปถามป้าสะใภ้ทันที “ป้าครับ แล้วนี่จะทำอะไรกินบ้างล่ะครับเนี่ย?”

“เป็นของโปรดของเธอทั้งนั้นเลยล่ะ! วันนี้เธอชนะพนัน ประธานเฟิงลงมาต้อนรับพวกเราสองคนด้วยตัวเองเลย มิหนำซ้ำยังให้เลขาส่วนตัวคอยดูแลพวกเราอีกด้วย!”

เย่โม่ได้แต่ยิ้มและคิดอยู่ในใจว่า ‘มันก็แน่นอนอยู่แล้ว! ถ้าเฟิงกั๋วตงอยากจะเอาอกเอาใจผม ก็ต้องเริ่มจากลุงกับป้าอยู่แล้ว!’

--------------------------

ติดตามนิยายแปลสนุกๆอีกหลายเรื่องได้ที่เพจ  : แปลสนุก

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด