ฟ้าส่งข้ามาเติมรัก บทที่ 2
" ท่านพ่อเร็วเข้าเถอะขอรับ ท่านแม่อาการหนักแน่ๆ"
"ใช่ขอรับท่านพ่อ เมื่อครู่ท่านแม่จำข้ากับพี่ใหญ่ไม่ได้ด้วยขอรับ"
เสียงโวยวายของเด็กทั้งสองดังขึ้น พ่อของเด็กน่าจะพาหมอกลับมาแล้ว หญิงสาวแสร้งนอนนิ่ง เพื่อรอดูเหตุการณ์
"ท่านหมอ ท่านช่วยตรวจดูภรรยาข้าหน่อยเถอะขอรับ"
น้ำเสียงทุ้มกล่าวอย่างนอบน้อม หมอชราถอนหายใจในความอยุติธรรมที่ชายหนุ่มตรงหน้าได้รับ เขาบังเอิญรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้น สองครอบครัวร่วมมือกันเล่นละคร เพื่อผลักดันชายหนึ่งหญิงหนึ่งที่ตนไม่ต้องการให้กระเด็นออกมา
" หานตงเอ๋ย ข้าสงสารเจ้ายิ่งนัก เวรกรรมอะไรของเจ้าหนักหนา"
ชายชราส่ายหน้า พลางนั่งลงตรงข้างร่างหญิงสาว หลังจากลงมือสำรวจบาดแผล และตรวจดูชีพจร เมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง จึงมอบยารักษาบาดแผลไว้ให้ หมอชราปฏิเสธที่จะรับเงินค่ารักษา ขอรับเพียงแต่เงินค่ายาเท่านั้น
หลังจากที่หมอชราจากไป ชายหนุ่มจึงปลอบโยนลูกทั้งสอง ก่อนจะนำกะละมังและผ้าชุบน้ำมาเช็ดตามเนื้อตัวของภรรยา เว่ยเหนียนเหยารู้สึกซาบซึ้งใจกับสิ่งที่ชายหนุ่มปฏิบัติต่อเธอ
ร่างบางค่อยๆลืมตาขึ้นมองสบเข้ากับดวงตาคู่คม เธอมองเห็นความกังวลปนเปกับความโล่งอก
"เจ้ารู้สึกเป็นยังไงบ้าง ยังเจ็บที่แผลอยู่หรือไม่"
หญิงสาวพยักหน้ารับ ก่อนจะสำรวจชายหนุ่มตรงหน้าเทียบกับความทรงจำที่ผ่านมา บุรุษผู้นี้ไม่มีสิ่งใดที่น่ารังเกียจ ทั้งหน้าตาและนิสัย ถือว่าเป็นสามีที่หาได้ยากยิ่ง
"ยังรู้สึกเจ็บอยู่เล็กน้อยเจ้าค่ะท่านพี่"
"ท่านพี่?"
ชายหนุ่มยกคิ้วอย่างแปลกใจ แต่ไหนแต่ไรมานางไม่ยอมเรียกขานเขาเช่นนี้ เขาเองก็ไม่คิดจะใส่ใจ นี่เกิดอะไรขึ้น ชายหนุ่มหันไปมองบุตรชายทั้งสองที่บัดนี้ขยับเข้าไปประชิดตัวมารดาอย่างเป็นห่วง
หญิงสาวรวบร่างเล็กสองร่างเข้ามากอด ก่อนจะเอ่ยกับชายหนุ่มต่อไป
"ท่านพี่ บัดนี้ข้าคิดได้แล้วว่า มีแต่พวกเราที่เป็นครอบครัวเดียวกัน มีแต่ท่านและบุตรชายที่เป็นห่วงข้าอย่างแท้จริง ข้าขอโอกาสแก้ตัวจากท่านอีกสักครั้ง หวังว่าท่านจะเมตตาให้ข้ากลับตัวเป็นภรรยาและมารดาที่ดี"
"ข้าไม่เคยโกรธเคืองเจ้า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ส่วนหนึ่งมาจากครอบครัวข้า ข้าหวังเพียงแต่ว่า อย่างน้อยขอให้เจ้ารักและเอ็นดูบุตรชายบ้าง พวกเขายังเด็กนัก "
เว่ยเหนียนเหยาพยักหน้ารับ ก่อนจะก้มมองร่างผอมแห้งในอ้อมกอด พร้อมทั้งให้สัญญาในใจว่า ต่อไปชีวิตความเป็นอยู่ของครอบครัวนางจะต้องดีขึ้น
ผ่านไปสองวัน หลังจากที่ต้องทนกินข้าวต้มไข่จากฝีมือของผู้ใหญ่เพียงคนเดียวในบ้าน วันนี้ร่างกายของนางมีแรงขึ้นไม่น้อย วันนี้นางจึงลุกขึ้นมาแต่เช้า ขณะที่กำลังจะเดินออกจากห้องกลับได้ยินเสียงเล็กๆดังขึ้น
"พี่ใหญ่ข้าหิวจังเลย"
"น้องรองเจ้าอดทนหน่อยนะ ท่านพ่อกำลังไปขอยืมข้าวจากท่านปู่ท่านย่า อีกเดี๋ยวก็น่าจะกลับ ข้าวต้มถ้วยนี้ข้าจะเอาไปให้ท่านแม่ ท่านกำลังไม่สบาย เจ้าเข้าใจนะ"
เว่ยเหนียนเหยาน้ำตาคลอ รีบก้าวเดินออกไป
"ท่านแม่" "ท่านแม่"
เด็กสองคนเมื่อเห็นมารดาลุกเดินได้ก็ดีใจยิ่งนัก รีบพามารดาเดินไปนั่งที่โต๊ะกินข้าวพลางวางถ้วยข้าวต้มไว้ตรงหน้า
"ท่านแม่ ท่านพ่อพึ่งต้มข้าวต้มเสร็จ ท่านรีบกินเถิด กำลังร้อนๆเลยขอรับ"
เว่ยเหนียนเหยา ยกมือขึ้นโอบร่างทั้งสองตรงหน้า
"แม่ยังไม่ค่อยหิว พวกเจ้าเอาไปแบ่งกันกินเถิด"
ยังไม่ทันที่เด็กทั้งสองจะโต้ตอบ ร่างสูงใหญ่ก็ปรากฏขึ้น หญิงสาวมองสบตากับชายหนุ่มก็รู้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น เธอยืดตัวขึ้น เดินไปกุมมือชายหนุ่มพลางเอ่ยปลอบ
"ไม่เป็นไรเจ้าค่ะท่านพี่ ข้ายังไม่หิว ข้าวต้มถ้วยนี้ให้ลูกทั้งสองกินกันก่อน ตอนนี้ท่านกับข้าน่าจะขึ้นไปหาอะไรบนเขา เผื่อจะได้อะไรกลับมาทำอาหารให้ลูกๆกินบ้าง"
"แต่เจ้ายังเจ็บอยู่"
ชายหนุ่มปฏิเสธ ที่ครอบครัวของเขาขาดแคลนอาหาร สาเหตุมาจากที่เขาไม่สามารถ ทิ้งภรรยาที่เจ็บป่วยให้อยู่ตามลำพังได้
บ้านของเขาค่อนข้างอยู่ห่างไกลผู้คน หากเกิดอะไรขึ้น ภรรยาและบุตรของเขาคงไม่สามารถขอความช่วยเหลือกับใครได้
วันนี้หลังจากที่นำข้าวทั้งหมดที่เหลืออยู่ต้มให้กับภรรยาไว้กิน เขาจึงบากหน้าไปขอยืมข้าวสารจากบ้านบิดามารดา หากแต่กลับได้รับคำปฏิเสธ ด้วยเหตุผลที่ว่า ตอนนี้เขาแยกครอบครัวออกมาแล้ว ถือว่าเป็นคนนอก ตอนนี้ทุกครอบครัวประสบปัญหาเรื่องข้าวปลาอาหาร จึงไม่สามารถนำมาแบ่งปันได้
"ข้าไม่เป็นอะไรแล้ว เร็วเถอะเจ้าค่ะ รีบขึ้นไปบนเขากัน ข้าอยากขึ้นและกลับลงมาให้เร็วที่สุด"
ชายหนุ่มพยักหน้ารับอย่างจำยอม ก่อนจะจัดเตรียมอุปกรณ์การขึ้นเขาสำหรับตัวเองและภรรยาอย่างเร่งรีบ