ตอนที่แล้วบทที่ 27 ภารกิจฉุกเฉิน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 29 พยายามเท่าไหร่โชคชะตาก็ไม่เข้าข้าง

บทที่ 28 วีรบุรุษสวีเสี่ยวตง


กำลังโหลดไฟล์

บทที่ 28 วีรบุรุษสวีเสี่ยวตง

ทันทีที่พวกเขามาถึงถนนที่เกิดเหตุก็พบว่าเหตุการณ์ไม่ได้ตึงเครียดอย่างที่หลินถงซูหรือคนอื่น ๆ คิด พวกนักเลงหลบอยู่หลังแปลงดอกไม้ข้างถนน ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรก็หลบอยู่หลังพุ่มไม้อีกฝั่ง

ไม่ไกลจากที่นั่นมีรถยี่ห้อโฟล์คสวาเก้ซานตานาคันหนึ่งจอดอยู่ริมถนน

การมาถึงของเจ้าหน้าที่หน่วยสวาตเหมือนพระเจ้าในสายตาของตำรวจธรรมดาและตำรวจจราจรเหล่านั้น เจ้าหน้าที่ชายหญิงผู้กล้าหาญเลิกพูดจาหยอกล้อกันก่อนส่งสัญญาณให้กันตามแบบแผนและหยิบโล่กันกระสุนออกมา พวกเขาค่อย ๆ เดินไปข้างหน้าอย่างเป็นระเบียบ

“ตามผมมา! ระวังตัวด้วย!” หลินชิวผูกวักมือเรียกผู้ใต้บังคับบัญชาหน่วยตัวเอง ตำรวจหน่วยสืบสวนอาชญากรรมตั้งแถวอยู่ด้านหลังทัพหน้าอย่างหน่วยสวาตโดยแบ่งออกเป็นสามแถว

หนึ่งในหัวหน้าทีมของเจ้าหน้าที่หน่วยสวาตพูดผ่านไมโครโฟน “วางอาวุธแล้วยอมจำนนซะ ตอนนี้พวกคุณยังไม่ได้ทำร้ายใครยังไม่มีโทษหนัก แต่ถ้าพวกคุณกล้าต่อสู้ขัดขืนเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเข้าโจมตีทันที ปลดอาวุธซะตั้งแต่ตอนนี้จะเป็นการดีที่สุด”

“อย่ามาบังคับพวกกูนะโว้ย!” หนึ่งในนักเลงยิงปืนขึ้นฟ้า เสียงปืนทำให้เจ้าหน้าที่หลายคนตกใจกลัวจนตัวสั่น รถบนท้องถนนที่ขับมาจากทางทิศใต้จอดลงทันที

หัวหน้าหน่วยสวาตยังพูดต่อ “พวกเราไม่มีนโยบายการถอนกำลัง ผมจะย้ำอีกครั้ง วางอาวุธลงและยอมจำนนเดี๋ยวนี้! ถ้าพวกคุณไม่ยอมจำนนง่าย ๆ แล้วละก็ เราเล่นพวกคุณหนักแน่! มาดูกันซิว่ากระสุนของพวกคุณจะเยอะกว่า หรือพวกเราจะเก่งกว่าคุณ”

อีกฝ่ายไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ ตอบสนอง หลินชิวผูหันไปถามตำรวจจราจร “สถานการณ์เป็นมายังไง?”

“เราเห็นรถคันนี้ค่อนข้างน่าสงสัยจึงโบกให้พวกเขาจอดเพื่อตรวจค้น เพื่อนร่วมงานของผมเห็นกล่องขนาดใหญ่อยู่ในรถจึงสั่งให้เปิดออก ปรากฏว่ามีเงินสดอยู่ในนั้นเพียบ เมื่อนักเลงพวกนั้นเห็นว่าท่าไม่ดีแล้วก็เหยียบคันเร่งออกไปทันทีจนชนเพื่อนผมกระเด็น หลังจากนั้นก็ไล่ล่ากันไปสักพัก ปัจจุบันก็เป็นอย่างที่คุณเห็นนี่แหละ”

“มีผู้เสียชีวิตไหม?”

“โชคดีที่ไม่มีครับ เพื่อนผมแค่มีบาดแผลฟกช้ำกับแผลถลอกไม่กี่แห่ง ไม่ได้บาดเจ็บอะไรมาก”

หลินชิวผูฟังแล้วจึงหันไปพยักหน้าให้กับหัวหน้าหน่วยสวาต “คนพวกนี้เกี่ยวข้องกับคดีอาชญากรรมที่พวกผมกำลังสืบสวนอยู่ เป็นไปได้ผมอยากให้พวกคุณจับเป็นเขา”

อีกฝ่ายพยักหน้ารับ “ผมจะพยายามอย่างสุดความสามารถ”

ขณะนั้นเอง บนถนนด้านหลังบริเวณที่มีพวกนักเลงหลบอยู่มีกลุ่มเด็กอนุบาลกำลังเดินออกมาพร้อมกับคุณครูพี่เลี้ยง ทุกคนต่างตกใจมากเพราะลืมไปสนิทว่าเวลานี้คือช่วงพักเที่ยง หลินชิวผูรีบวิ่งออกไปโบกมือให้พวกเขา “รีบออกไปเร็วเข้า! ตรงนี้อันตราย!”

“ไม่ดีแล้ว พวกนักเลงนั่นกำลังเคลื่อนไหว!” หัวหน้าหน่วยสวาตร้องเตือน “ถ้าพวกเขาพยายามจะจับเด็ก ๆ เป็นตัวประกัน ผมไม่มีทางเลือกนอกจากวิสามัญเขาซะ”

“แต่นั่นจะทำให้เด็ก ๆ หวาดกลัวเอานะคะ!” หลินถงซูอุทาน

“ผมไม่มีเวลามานั่งกังวลเรื่องนั้นหรอก” หัวหน้าหน่วยสวาตตอบเสียงห้วน

คุณครูพี่เลี้ยงของเหล่าเด็กอนุบาลที่อยู่เหตุการณ์หวาดกลัวเกินกว่าจะร้องออกมา ส่วนเด็ก ๆ ก็หวาดกลัวไม่แพ้กันจนร่างน้อย ๆ สั่นสะท้าน แต่ละคนต่างตกใจแทบสิ้นสติ ด้านหลังแปลงดอกไม้ พวกนักเลงเห็นตัวช่วยในเวลาคับขันจึงพยายามจะวิ่งเข้าไปจับพวกเขาเป็นตัวประกัน

ทันใดนั้นชายคนหนึ่งกลับวิ่งโร่ออกไปจากทีม ทุกคนรอบข้างต่างตกใจในการกระทำของเขา กลายเป็นว่าคนคนนั้นคือสวีเสี่ยวตง เขาวิ่งตรงไปหาเด็ก ๆ พร้อมตะโกนลั่น “รีบหนีไป! รีบหนีไปเร็วเข้า!”

“กลับมานี่เดี๋ยวนี้นะ!” หลินชิวผูตะโกนเรียกแต่สายเกินไป สวีเสี่ยวตงพาตัวเองเข้าไปอยู่ในระยะยิงของพวกนักเลงเป็นที่เรียบร้อย

“บุกไปข้างหน้าเลย!” หัวหน้าทีมสวาตสั่งให้กองกำลังยกโล่ขึ้นมาทันทีและทำการบุกจากสองทิศทาง เสียงปืนยิงปะทะกันดังสนั่น ไม่นานนักทุกอย่างจึงเงียบลง

สิ่งแรกที่ทุกคนทำคือมองไปรอบ ๆ เพื่อดูว่ามีใครถูกยิงบ้าง ไม่ไกลจากพวกเขา เด็ก ๆ และครูพี่เลี้ยงต่างหมอบราบด้วยความกลัวลงกับพื้น ส่วนสวีเสี่ยวตงใช้ร่างกายของตัวเองเป็นโล่กำบังให้กับพวกเขา

หลินชิวผูเดินไปข้างหน้าและพบว่านักเลงทั้งสี่ถูกกดลงในท่าคว่ำหน้าลงบนพื้น โดยที่สองมือถูกจับล็อกไพล่หลังด้วยฝีมือของเจ้าหน้าที่หน่วยสวาตรูปร่างกำยำ เขาถามออกมา “แล้วเสียงกระสุนที่เราได้ยินเมื่อกี้นี้ยิงไปที่ไหนกัน?”

หัวหน้าหน่วยสวาตอธิบาย “มีนักเลงคนหนึ่งกำลังจะชักปืนออกมา เราเลยยิงดักเขาไปที่แขน พวกเขาก็ตอบโต้โดยการยิงปืนขึ้นฟ้ารัวหลายนัด ไม่มีใครถูกฆ่าหรือได้บาดเจ็บ”

“เยี่ยมไปเลย!” หลินชิวผูปาดหยดเหงื่อเย็นเฉียบบนหน้าผากออกด้วยความโล่งอก

หลังจากหมดเรื่องอันตรายแล้ว นักเลงคนที่ถูกยิงถูกนำตัวส่งไปที่โรงพยาบาล ส่วนอีกสามคนถูกใส่กุญแจมือและควบคุมตัวขึ้นรถตำรวจ หลินชิวผูเดินไปหาสวีเสี่ยวตงที่กำลังปลอบเด็ก ๆ อยู่ก่อนถามคุณครูอนุบาลหญิง “ทุกคนปลอดภัยดีใช่ไหมครับ?”?”

“พวกเราโอเคค่ะ”

“ถ้าพวกคุณปลอดภัยก็กลับเข้าโรงเรียนเถอะ จากนี้ไปโปรดระมัดระวังตัวด้วยนะครับ”

“ขอบคุณมากเลยนะคะ เด็ก ๆ ขอบคุณคุณลุงตำรวจเร็วเข้า!”

เด็กทุกคนพูดอย่างพร้อมเพรียงกัน “ขอบคุณครับ/ค่ะ คุณลุงตำรวจ!” แม้ก่อนหน้านี้เด็ก ๆ จะหวาดกลัวและร้องไห้ระงม แต่ภายในพริบตาหลังสถานการณ์คลี่คลายแล้วพวกเขาก็กลับมาร่าเริงอีกครั้งราวไม่เคยผ่านเรื่องน่ากลัวมาก่อน

หลินชิวผูส่งยิ้มให้พวกเขา จากนั้นจึงหันมาหาสวีเสี่ยวตงพร้อมกับตวาดเสียงดัง “ใครอนุญาตให้คุณวิ่งโร่ออกไปแบบนั้น ห๊ะ!”

“ผม… ผมแค่…” สวีเสี่ยวตงตอบกลับเสียงอ่อน “ร่างกายผมมันสั่งให้วิ่งน่ะครับ!” ขณะที่พูดขาของสวีเสี่ยวตงยังคงสั่นหงึก ๆ

“รู้ไหมว่าการทำแบบนี้มันอันตรายขนาดไหน? ถ้ากลับถึงสถานีแล้วเขียนรายงานความประพฤติส่งให้ผมด้วย!”

“เข้าใจแล้วครับ!” สวีเสี่ยวตงตอบรับด้วยอาการคอตก

เมื่อกลับมาถึงที่รถ เจ้าหน้าที่จากหน่วยสวาตต่างพากันชื่นชมความกล้าหาญของสวีเสี่ยวตงและยกย่องเขา หนึ่งในเจ้าหน้าที่ชื่นชมว่า “หัวหน้าของพวกเราชมว่าคุณกล้าหาญมาก ถ้าคุณไม่ตัดสินใจเด็ดขาดแบบนั้นพวกนักเลงคงวิ่งไปประชิดตัวเด็ก ๆ แล้ว เรื่องคงบานปลายกว่านี้ถ้าอีกฝ่ายจับพวกเขาเป็นตัวประกันขึ้นมา”

เจ้าหน้าที่หน่วยสวาตอีกคนก็เข้ามาแซวเขาเช่นกัน “หัวหน้าผมถามชื่อของคุณด้วย เผื่อคุณต้องการย้ายมาเข้าทีมหน่วยสวาต”

สวีเสี่ยวตงยิ้มอย่างเขินอายพลางเกาหัวตัวเอง “โอ้ ไม่ใช่เรื่องน่าเชิดชูอะไรขนาดนั้นเลยครับ ผมเห็นคนจะทำร้ายเด็กแล้วเลือดมันก็ร้อนขึ้นมา”

หลินถงซูใช้ศอกกระทุ้งแขนเขา เธอยิ้มและชื่นชมเขาจากใจจริง “ถึงคุณจะโดนลงโทษ แต่ก็เป็นวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ของทุกคนในภารกิจนี้เลยนะ!”

ได้ยินแบบนี้สวีเสี่ยวตงก็รู้สึกดีใจจนฉีกยิ้มกว้าง ใจฟูฟ่องราวกินน้ำผึ้งหวานเข้าไปเกือบหมดไห

หลังเคลียร์พื้นที่แล้วตำรวจจึงลากรถของนักเลงทั้งสี่กลับไปยังสถานีตำรวจ เมื่อพวกเขาเปิดรถสำรวจด้านในอย่างละเอียดทุกคนกลับก็ต้องเจอเรื่องช็อกระลอกที่สอง มีกระสอบใหญ่เปื้อนเลือดกองอยู่ตรงท้ายรถ ภายในกระสอบเป็นศพของชายคนหนึ่งที่ถูกทำร้ายจนสะบักสะบอมผิดรูปผิดร่าง ทันทีที่หลินชิวผูเห็นเขาทำการยืนยันอย่างรวดเร็วว่าผู้ตายคนนี้ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นเสือใหญ่ที่พวกเขากำลังตามหา!

บนรถยังมีกระเป๋าเดินทางอีกหลายใบที่ภายในบรรจุเงินสดจำนวนมหาศาล พอนำออกมาตรวจสอบนับดูแล้วจึงสรุปได้ว่าเงินทั้งหมดมีมูลค่ามากถึงสิบล้านหยวนทีเดียว!

งานด้านการสอบปากคำเริ่มขึ้นภายในไม่ถึงชั่วโมง หลินชิวผูเป็นผู้เข้าไปสอบปากคำด้วยตัวเอง ขณะที่เจ้าหน้าที่คนอื่น ๆ ยืนฟังสรุปอยู่ด้านนอก ภายในห้องสอบปากคำ หลินชิวผูก้มอ่านข้อมูลประวัติอาชญากรรมของคนร้ายตรงหน้าและเริ่มตั้งคำถาม “ในฐานะที่พวกคุณทั้งหมดเป็นลูกน้องของเสือใหญ่ เพราะฉะนั้นขอให้ตอบมาตามตรง เงินกับศพที่อยู่ในรถมีที่มาที่ไปยังไง?”

ผู้ต้องสงสัยคนหนึ่งส่ายหน้ารัวไม่ยอมรับด้วยความรักชีวิต “คุณตำรวจครับ ทั้งหมดนั่นไม่เกี่ยวกับพวกเรา! ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับพวกเราเลยจริง ๆ!”

“คิดเหรอว่าผมจะเชื่อ?! ศพกับเงินนั่นอยู่ในรถของพวกคุณนะ! แล้วเมื่อกี้นี้คุณยังพยายามต่อสู้กับตำรวจด้วย ถ้าไม่เกี่ยวข้องกับพวกคุณจริงแล้วจะเป็นอย่างอื่นไปได้ยังไง!?”

อีกฝ่ายยังคงพึมพำเสียงสั่นและปฏิเสธคำให้การ ด้วยความโกรธหลินชิวผูจึงทุบโต๊ะเสียงดังลั่น “ถ้าคุณพูดความจริงอย่างน้อยยังพอได้รับการผ่อนปรนโทษอยู่บ้าง! ผมจะบอกให้ว่าเพื่อนของคุณที่ถูกสอบสวนอยู่ในห้องอื่นก็ถูกคาดคั้นแบบนี้เหมือนกัน ถ้าคุณเป็นคนแรกที่ยอมสารภาพจะได้รับการอภัยโทษ อาจจะรับโทษน้อยลงหน่อยสักสองสามปี แต่ถ้าเอาแต่บ่ายเบี่ยง แม้แต่ความหวังสุดท้ายก็คงไม่เหลืออยู่แล้ว!”

ความลังเลเริ่มปรากฏขึ้นในดวงตาของนักเลงคนนั้น สายตาของเขากลอกล่อกแล่กไปมา ริมฝีปากขยับเหมือนกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง

ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นอย่างน้อยเขาก็เป็นหนึ่งในสมาชิกแก๊ง จึงตระหนักถึงลูกไม้ในการบังคับขู่เข็ญของตำรวจเหล่านี้เป็นอย่างดี ทำให้เขามีความหนักแน่นมากพอที่จะไม่หลุดปากเปิดเผยข้อมูลใด ๆ ออกมา

หลินชิวผูยังคงใช้คำพูดรวมถึงวิธีการทางจิตวิทยาโน้มน้าวอีกฝ่ายต่อไป “คุณเองก็อายุมากที่สุดแล้วในบรรดาเพื่อน ๆ อีกสามคน เดาว่าคุณคงมีประสบการณ์โชกโชนกว่าพวกเขาสินะ แต่ตอนนี้หัวหน้าของพวกคุณตายไปแล้ว ไม่มีใครที่จะต้องพลีกายถวายชีวิตอีกต่อไป เพราะงั้นคุณจะแข็งขืนไปเพื่ออะไรอีก? ลองคิดให้รอบคอบสิ!”

ไม่ทันขาดคำผู้ต้องสงสัยละล่ำละลักตอบทันที “คุณตำรวจ ผมยอมสารภาพทุกอย่างแล้ว!”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด