ตอนที่ 41 อย่ายุ่งกับของพวกนั้น
“ไม่เป็นไรหรอกน่า ไม่มีอะไรให้ต้องอาย เธอสองคนเป็นสามีภรรยากันนี่” แม่ลู่หัวเราะเบา ๆ ขณะที่มองไปที่เจียงเหยา ซึ่งยืนหน้าแดงและขยับมือลูบหลังใบหูอยู่ตรงนั้น
“เรื่องปกติ ไม่มีอะไรให้ต้องอายหรอกจ๊ะ ก็เจ้าเด็กซนนั่นอยู่แต่ในกองทัพตลอดทั้งปี พวกเธอสองคนแทบจะไม่ได้เจอกันเลยนี่ ไหน ๆ ตอนนี้เขาก็กลับมาแล้ว เขาก็อยากจะใช้โอกาสนี้สนิทสนมกับเธอนั่นแหละ แต่เขาน่ะยังไม่รู้จักควบคุมกำลังของตัวเอง ผู้ชายก็แบบนี้แหละ ถ้าเธอรู้สึกไม่สบายใจ ต่อไปก็ต้องบอกเขา ไม่ต้องทนเก็บไว้คนเดียวหรอก เข้าใจไหม?”
แม่ลู่ให้คำแนะนำด้วยใจ ในฐานะที่แม่ เธอรู้จักลูกชายของเธอดี
เขาเป็นคนที่มีกำลังได้รับการฝึกซ้อมจากกองทัพอยู่ทุกวัน ความแข็งแกร่งและพลังในตัวเขาไม่มีวันหมด
ในฐานะผู้หญิงด้วยกัน แม่ลู่กังวลว่าลูกสะใภ้จะเขินอายที่ต้องแสดงความทุกข์และความเจ็บปวดของเธอ แต่หากปล่อยให้ลู่ชิงสีทำรุนแรงกับเธอ จะกลายเป็นการทำร้ายเจียงเหยา และทำร้ายลู่ชิงสีด้วยเช่นกัน
เจียงเหยาพยักหน้าพูดพึมพำ “ค่ะ” เสียงของเธอเบา แม้แต่ยุงก็แทบจะไม่ได้เสียด้วยซ้ำ
ในใจเธอ อยากจะลากตัวลู่ชิงสีให้กลับมาจากการวิ่งเดี๋ยวนี้และกัดเขาให้ตายไปเลย ถ้าเมื่อคืน เขามีเมตตา ยั้งมือกับเธอเสียหน่อย ตอนนี้มีเหรอที่เธอจะต้องมาอับอายแบบนี้?
แม่ลู่แค่ให้คำแนะนำเล็กน้อยเท่านั้น เธอไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวระหว่างหนุ่มสาวอยู่แล้ว เธอหยิบไข่จากตู้เย็นออกมาทอด
...........
เมื่อพ่อ ลูกกลับมาจากวิ่งในยามเช้า พวกเขาหิ้วซาลาเปาติดมือมาด้วยสองสามก้อน จากนั้นก็แยกกันขึ้นไปอาบน้ำ หลังจากลงมาข้างล่างด้วยความสดชื่อและกระปรี้กระเปร่า อาหารเช้าก็พร้อมสำหรับทุกคนแล้ว
หลังอาหารเช้า คนขับรถของลู่ชิงไห่ขับรถมาส่งถึงประตูหน้าบ้าน เจียงเหยาพูดคุยกับสามีของเธอนิดหน่อย ก่อนจะขึ้นลงไปกับลู่ชิงสี
ลู่ชิงสีทำใบขับขี่ตั้งแต่ที่เขายังเรียนในมหาวิทยาลัย เขาขับรถได้มานานหลายปีแล้ว ไม่เฉพาะรถยนต์เท่านั้น เขายังสามารถขับรถถังได้อีกด้วย
ไม่จำเป็นต้องผ่านเข้าไปในตัวเมืองเผื่อจะออกไปอีกเมือง เขาใช้เส้นทางถนนเลี่ยงเมือง ขับรถต่ออีกกว่าชั่วโมงเพื่อเข้าไปในเมืองใหญ่
พื้นที่ในตัวเมืองได้รับการพัฒนามากขึ้นเมื่อเทียบกับเขตชนบท ตอนนี้มีห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่อยู่หลายแห่งด้วยกัน มีที่จอดรถกว้างขวาง ใกล้ ๆ กับห้างสรรพสินค้า
“คุณเข้าไปก่อน ผมหาที่จอดรถได้แล้วจะตามเข้าไป” ลู่ชิงสีจอดรถตรงทางเข้าห้างสรรพสินค้าและปล่อยให้เจียงเหยาลงไปก่อน หลังจากเห็นเธอเดินเข้าไปข้างในแล้ว เขาถึงจะเคลื่อนรถไปยังที่จอด
เจียงเหยาไม่ค่อยได้เข้ามาเที่ยวในเมือง แต่เธอก็รู้ว่าลู่ชิงสีพาเธอมาห้างสรรพสินค้าที่ใหญ่ที่สุดและหรูหราที่สุดของเมืองนี้ ห้างแห่งนี้มีสินค้าแบรนด์ดังและของหรูหรามากมาย
หลังจากเดินเข้าไปในห้างสรรพสินค้าแล้ว เจียงเหยาก็ตรงไปยังร้านขายเสื้อผ้าของผู้หญิง เจียงเหยาเป็นคนที่ชอบสินค้าแบรนด์ดังและเสื้อผ้าออกจะเป็นแนวแฟชั่น เธอมองดูชุดเดรสสีฟ้าน้ำทะเลที่อยู่บนตัวหุ่นโชว์ ก่อนจะเอื้อมมือออกไปสัมผัสกับเนื้อผ้าด้วยความเบิกบานใจ ตัวชุดทำจากผ้าไหมเหมือนกับชุดเครื่องนอนที่ใช้ภายในบ้านตระกูลลู่ ทั้งเรียบและนุ่มลื่นอย่างประณีต หากได้สวมใส่ในช่วงฤดูร้อนคงเย็นสบายน่าดู
“คุณหนูคะ ชุดนี้แพงมากเลยนะคะ ผ้านี่ก็เป็นผ้าไหม อย่าทำเปื้อนล่ะ ถ้าไม่ซื้อก็อย่ายุ่งกับมันจะดีกว่า”
เจียงเหยาหันหลังกลับ เธออยากรู้ว่าใครเป็นคนพูดอยู่ข้างหลังเธอ พนักงานขายยืนอยู่ไม่ไกล เธอมองมาที่เจียงเหยาอย่างสงสัยแล้วพูดออกมาด้วยท่าทางดูถูกเหยียดหยามและพูดจาประชดประชัน
เจียงเหยาตกตะลึง เธอดึงมือของตัวเองออกอย่างเขินอาย พร้อมกับหันไปมองชุดนั้นอีกครั้ง
พนักงานขายคิดไปเองหรือเปล่าว่าเธอไม่มีเงินซื้อชุดนี้ เลยอยากจะไล่ออกจากร้าน คงเพราะชุดลำลองบ้าน ๆ ที่เธอสวมมา?