299 - ญาณวิเศษลึกลับที่ทรงพลัง
299 - ญาณวิเศษลึกลับที่ทรงพลัง
ในระยะไกลศิษย์ของนิกายชิงเซี่ยแตกฮือกันไปคนละทิศคนละทาง ผู้อาวุโสที่แข็งแกร่งที่สุดในนิกายสิบเอ็ดคนรวมพลังกันโจมตีเด็กน้อยเพียงคนเดียวแต่พวกเขากลับตายไปสอง!
“เจ้าเป็นทายาทของดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งใดกันแน่?” ปรมาจารย์ของนิกายชิงเซี่ยถามด้วยน้ำเสียงที่ลึกล้ำ
“ผู้ที่ไม่ใช่ทายาทแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์จะไม่สามารถมีกำลังเช่นนั้นหรือ?” ทะเลที่อยู่เบื้องหลังเย่ฟ่านหายไป และเขาเป็นเหมือนเมฆสีขาว ก้าวไปข้างหน้าอย่างสบายๆ
"เตรียมตัวตายได้แล้ว!"
ยอดฝีมือทั้งเก้าคนที่เหลือต่างก็ปลดปล่อยเทพที่อยู่ในตำหนักเต๋าของพวกเขาออกมา
อย่างไรก็ตามเย่ฟ่านยังคงสงบ ในมือซ้ายของเขาคือดวงจันทร์ดวงเล็กและมือขวาของเขาคือดวงอาทิตย์ที่มีขนาดใหญ่กว่าเล็กน้อย
ในตอนนี้เขาผลักมือไปข้างหน้าดวงจันทร์และดวงอาทิตย์ของเขาก็เคลื่อนที่เข้าหายอดฝีมือระดับสูงสุดของนิกายชิงเซี่ย
การเคลื่อนไหวของดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ไม่ได้มีความเร็วมากนัก แต่ความกดดันของมันบีบคั้นจิตใจของผู้คนอย่างถึงที่สุด!
ดวงจันทร์มีขนาดใหญ่เท่ากับหินโม่ค่อยๆหมุนไปข้างหน้าด้วยมือซ้าย และดวงอาทิตย์ที่มีขนาดใหญ่กว่าเล็กน้อยก็ค่อยๆ หมุนไปข้างหน้าด้วยมือขวาของเขา
ความกดดันสูงสุดแผ่ซ่านไปทั่ว บนท้องฟ้าปรากฏเป็นเทพเจ้าสองตัวที่มีร่างกายสีขาวเต็มไปด้วยความร้อนบดขยี้เข้าหายอดฝีมือทุกคนที่อยู่บนยอดเขา!
แม้ว่าพวกเขาจะซ่อนตัวอยู่ห่างไกลแต่ศิษย์เหล่านั้นของนิกายชิงเซี่ย ก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้นอกจากตัวสั่น
ทักษะลับการโจมตีดังกล่าวพวกเขาไม่เคยได้ยินและได้เห็นมาก่อน เจตนาฆ่าอันทรงพลังที่บดขยี้เข้ามาทำให้พวกเขาไม่สามารถขยับตัวได้
“พลังการต่อสู้ช่างน่ากลัวเหลือเกิน!” ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายชิงเซี่ยหน้าเปลี่ยนสีและพยายามผลักดันพลังศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ในทะเลความทุกข์ออกไป
“ปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์ในตำนานเมื่อพวกเขาเป็นหนุ่มพวกเขามีพลังระดับนี้หรือไม่”
“แล้วบุตรศักดิ์สิทธิ์และสตรีศักดิ์สิทธิ์ของมหาอำนาจเหล่านั้นน่ากลัวเหมือนเด็กคนนี้หรือปล่าว?!”
“หากเขาเป็นทายาทของดินแดนศักดิ์สิทธิ์นี่ก็เป็นเรื่องที่น่าสงสัยอย่างยิ่ง ข้าไม่คิดว่าทายาทของดินแดนศักดิ์สิทธิ์จะทรงพลังถึงระดับนี้!”
“มันเป็นไปได้ยังไงกัน”
ยอดฝีมือผู้ยิ่งใหญ่ทั้งเก้าคนถูกกดดันอย่างถึงที่สุดแทบจะไม่สามารถขยับตัวได้
“ขออัญเชิญพลังศักดิ์สิทธิ์แห่งจักรวาล!”
ปรมาจารย์นิกายชิงเซี่ยตะโกนและตะเกียงทองแดงในมือของเขาก็ถูกปล่อยขึ้นสู่ท้องฟ้า
ตะเกียงทองแดงส่องแสงระยิบระยับพร้อมกับปลดปล่อยเปลวไฟขนาดมหึมาเพื่อต่อต้านดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ที่อยู่บนท้องฟ้า
“ข้าขอยืมพลังศักดิ์สิทธิ์ของพวกเจ้าทุกคน!” ผู้นำนิกายนิกายชิงเซี่ยคำราม
เมื่อผู้อาวุโสสูงสุดทั้งแปดคนได้ยินเช่นนั้นพวกเขาก็ปลดปล่อยพลังศักดิ์สิทธิ์ของตัวเองเข้าสู่ตะเกียงเพื่อเสริมพลังอย่างต่อเนื่อง
มังกรไฟเก้าตัวพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าและเชื่อมต่อกับตะเกียงทองแดงส่องแสงเจิดจ้า
ภายในตะเกียงทองแดงไส้ตะเกียงรูปคนได้รับการหล่อเลี้ยงและพุ่งออกมาอย่างดุเดือด มันเปล่งเสียงคำรามและพ่นไฟขนาดใหญ่พุ่งเข้าหาเย่ฟ่าน
"ปัง."
มือขวาของเย่ฟ่านกดดวงอาทิตย์เข้าหาไส้ตะเกียงทองแดงนั้นอย่างรุนแรง ทำให้ร่างที่พุ่งออกมาแหลกสลายในทันที
"ปัง"
มือขวาของเย่ฟ่านไม่หยุดอยู่แค่นั้นดวงอาทิตย์สีทองของเขากดลงไปด้านล่างอีกครั้งและมันทุบทำลายตะเกียงทองแดงให้แหลกเป็นชิ้นๆ
อาวุธของผู้นำนิกายนิกายชิงเซี่ยถูกทำลายและผู้อาวุโสสูงสุดอีกแปดคนก็ตกใจจนต้องถอยกลับอย่างรวดเร็ว
“กริ๊ง กริ๊ง กริ๊ง”
มือซ้ายของเย่ฟ่านที่ควบคุมดวงจันทร์ก็กดเข้าหาคนทั้งเก้า
นี่คือการลงมือที่แข็งแกร่งและครอบงำอย่างยิ่ง เขาใช้พลังศักดิ์สิทธิ์ของตัวเองบดขยี้บังศักดิ์สิทธิ์ของผู้อาวุโสเก้าคนมิหนำซ้ำยังได้เปรียบเต็มประตูในทุกๆด้าน
คนทั้งเก้าร่างกายสั่นเทา พวกเขาไม่คิดจะต่อต้านเย่ฟ่านอีกแล้ว สิ่งที่พวกเขาต้องทำตอนนี้คือต้องหนีไปให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้
"จะไปที่ไหน!"
เย่ฟ่านไล่ตามผู้นำนิกายนิกายชิงเซี่ยราวกับสายฟ้า!
ปรมาจารย์นิกายชิงเซี่ยแผดเสียงด้วยความโกรธเกรี้ยว และในช่วงเวลาแห่งชีวิตและความตาย ร่างกายของเขาก็ลุกเป็นไฟ ส่องประกายไปทุกทิศทุกทาง
เทพที่เกิดจากตำหนักเต๋าพุ่งเข้าหาเย่ฟ่านด้วยความต้องการที่จะเสียสละตัวเองเพื่อให้เขาสามารถเอาชีวิตรอดได้
มือของเย่ฟ่านที่ปิดผนึกดวงอาทิตย์อยู่ด้านในกดไปข้างหน้า พลังอันน่ากลัวทะลักทลายเข้าหาเทพตัวเล็กๆโดยไม่มีอะไรสามารถต้านทานได้
เทพของผู้นำนิกายชิงเสียกรีดร้องได้เพียงช่วงสั้นๆและร่างกายของมันก็แหลกสลายกลายเป็นฝุ่นผง
ผู้อาวุโสสูงสุดอีกแปดคนหันมามองด้วยความหวาดกลัว และในที่สุดก็มีผู้อาวุโสสูงสุดคนหนึ่งรีบหันหลังกลับมาประคองร่างกายที่อ่อนล้าของผู้นำนิกายชิงเซี่ยให้หลบหนีไปยังภูเขาด้านหลัง
ในระยะไกล ศิษย์ของนิกายชิงเซี่ยร่างกายสั่นสะท้านด้วยความกลัว นี่มันพลังอะไรกัน?
นี่เป็นการปะทะกันตรงๆครั้งแรกของเย่ฟ่านและผู้นำนิกายของพวกเขา แต่ผู้นำนิกายของพวกเขาก็แทบจะถูกสังหารภายใต้การลงมือเพียงครั้งเดียว
“เป็นไปไม่ได้ นี่มันญาณวิเศษลึกลับอะไร เขาเพียงคนเดียวกลับสามารถต้านทานยอดฝีมือในระดับเดียวกันถึงเก้าคน”
“ข้าไม่เชื่อว่าปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์ของมหาอำนาจจะแข็งแกร่งขนาดนี้ในตอนที่พวกเขายังเด็ก หรือว่าคนคนนี้จะมาจากภาคกลาง?”
“ร่างกายของเขานั้นพิเศษมาก มันเหมือนกับว่าเขาสามารถใช้พลังศักดิ์สิทธิ์ได้ไม่รู้จบ นี่จะต้องเป็นร่างศักดิ์สิทธิ์อะไรบางอย่างแน่นอน?”
“สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือญาณวิเศษลับชนิดนั้น แม้ว่าข้าจะไม่รู้ว่าเขาเรียนมาจากไหนแต่ข้าก็พอจะเดาต้นกำเนิดของมันได้แล้ว!”
ผู้นำนิกายนิกายชิงเซี่ยและผู้อาวุโสคนอื่นแลกเปลี่ยนสายตากัน ดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
และในเวลานี้เย่ฟ่านได้เดินเข้าหาพวกเขาอีกครั้ง คนทั้งเก้าถอยหลังเข้าสู่ส่วนลึกของภูเขาเพื่อตั้งหลัก ในเวลานี้พวกเขาไม่กล้าแยกย้ายกันอีกแล้วรอพวกเขารู้ดีว่าหากแยกกันไปมีเพียงความตายเท่านั้นที่รออยู่
เทพเจ้าที่เหลืออีกแปดคนของพวกเขาพยายามสกัดกั้นเย่ฟ่านที่ปากประตูภูเขา แต่สุดท้ายเทพทั้งแปดก็ถูกทำลายลงทีละคน
"ข้า ...... หยุดมันไม่ได้!"
ผู้อาวุโสสูงสุดตะโกน ผิวหนังทั่วร่างกายของเขาแตกระแหงในขณะที่พลังชีวิตของเขาก็หมดลงอย่างรวดเร็ว
เย่ฟ่านยังคงเดินไปข้างหน้าอย่างสบายๆ แต่มือของเขาตบออกไปอย่างต่อเนื่องและผู้อาวุโสไท่ซ่างคนนั้นก็ถูกเขาฆ่าตายในทันที
แสงจันทร์ในมือของเขาเป็นเหมือนน้ำที่สุกใสและอ่อนนวล ในส่วนของดวงอาทิตย์นั้นเต็มไปด้วยความร้อนอย่างไม่มีที่สิ้นสุดซึ่งบดขยี้เข้าหาผู้อาวุโสที่เหลือ
เย่ฟ่านยืนอยู่บนท้องฟ้าราวกับราชาศักดิ์สิทธิ์ แม้ว่าร่างกายของเขาจะแปดเปื้อนไปด้วยเลือดเนื้อสีแดงของศัตรูแต่มันไม่ได้ทำให้สภาพของเขาทุลักทุเลเลย
การโจมตีของเขาทรงพลังเกินไป ทุกคนที่พุ่งเข้ามาด้านหน้าเป็นเหมือนกับไข่ไก่ที่กระแทกก้อนหิน หากไม่กระเด็นกระดอนออกไปก็จะถูกบดขยี้เสียชีวิตในทันที
ในระยะไกลศิษย์ของนิกายชิงเซี่ยดูซีดเซียวใบหน้าไร้สีสัน เด็กหนุ่มคนนี้น่ากลัวเกินไปเห็นทีว่านิกายของพวกเขาคงจะต้องจบลงในวันนี้
ในตอนนี้หัวใจของเย่ฟ่านว่างเปล่า เขาจมอยู่ไหนความบ้าคลั่งและเคลื่อนไหวไปตามการควบคุมของทักษะลับทั้งเก้า
เย่ฟ่านรู้ดีว่าความแข็งแกร่งของเขาตอนนี้ยังคงมีระยะห่างอยู่บ้างเมื่อเทียบกับบุตรศักดิ์สิทธิ์และสตรีศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วง อาณาจักรลับตำหนักเต๋าตอนต้นนั้นพึ่งพาพลังศักดิ์สิทธิ์ที่พวกเขาได้รับมาจากภายนอก
แต่อาณาจักรลับที่สองขึ้นไปจะเริ่มผสมผสานกับความรู้แจ้งในเต๋าสวรรค์ผู้ยิ่งใหญ่แล้ว
ในขณะเดียวกันเมื่อเข้าสู่อาณาจักรลับที่สามหรือสี่หากความรู้แจ้งของเขาอ่อนด้อยกว่าฝ่ายตรงข้ามจะมีเพียงความตายเท่านั้นที่รอเขาอยู่