บทที่ 26: ว่าไงนะ ไม่ได้ยิน!
ในหมู่บ้านจินยินถาน ณ บ้านของหวางซืออวี่
“พ่อ แม่ มันไม่ใช่อย่างที่คิดจริง ๆ นะ!”
ทันทีที่เธอกลับถึงบ้าน หวางซืออวี่ถูกจับมานั่งลงบนโซฟาและโดนพ่อแม่ของเธอสอบปากคำ ตอนนี้ที่เธอทำได้คือแสดงรอยยิ้มที่ดูแหย ๆ
“เจียงเหอกับหนูเป็นแค่เพื่อนร่วมงานกัน… ยิ่งกว่านั้น เขาอาจจะไม่ได้คิดแบบนั้นกับหนูด้วยซ้ำ!”
"อะไรนะ?" ผู้ใหญ่หวางเอามือตบโต๊ะเสียงดังพร้อมลุกขึ้นมาด่า "มันกล้าดียังไงวะ!"
ผู้ใหญ่บ้านผู้ซึ่งประสบกับโรคผมร่วง ศรีษะที่ล้านเลี่ยนตรงกลางสะท้องแสงไฟกล่าวต่อไปว่า “ลูกสาวข้ามีดีทั้งบุคลิกและหน้าตา ไอ้เจียงเหอนั่นนอกจากหน้าตาดีนิดหน่อยแล้วมันจะเอาอะไรมาเทียบได้วะ”
“เขาเป็นนักฝึกสัตว์อสูรคลาส B และเป็นผู้ฝึกยุทธระดับสี่ที่ใช้เจินฉีได้” หวางซืออวี่พูดอย่างจริงจัง “พ่อ แม่ โลกมันเปลี่ยนไปแล้ว อีกไม่นานความแข็งแกร่งจะกลายเป็นกฎของสังคมอย่างแท้จริง”
จากนั้นเธอก็แจ้งพ่อแม่อย่างจริงจังเกี่ยวกับการฟื้นคืนพลังวิญญาณว่า “ที่หนูไม่เคยบอกมาก่อนเพราะองค์กรมีนโยบายการรักษาความลับ… แต่ตอนนี้คงไม่จำเป็นแล้ว แต่พ่อกับแม่อย่าพึ่งไปบอกคนอื่น ๆ นะ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความตื่นตระหนกโดยไม่จำเป็น”
สีหน้าของผู้ใหญ่หวางเปลี่ยนไปสองสามครั้งก่อนที่จะพยักหน้าเข้าใจ “ไม่น่าแปลกใจเลยที่รัฐบาลจะดำเนินการตามนโยบายและย้ายผู้คนก่อนที่บ้านพักคนชราจะเสร็จสิ้น ตามที่ลูกพูดนี่คือการรวบรวมประชากรเพื่อให้สะดวกยิ่งขึ้นในการจัดการและปกป้องพวกเขา”
"ค่ะ" หวางซืออวี่ก็คิดเรื่องนี้เช่นกัน “การฟื้นคืนพลังวิญญาณส่งผลกระทบต่อพื้นที่ที่เงียบสงบมากที่สุด เช่น ภูเขา จุดชมวิว และพื้นที่ชายฝั่ง นั่นคือเหตุผลที่ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้วางแผนการจัดการไว้แล้วตั้งแต่เมื่อ 10 ปีก่อน”
อย่างไรก็ตาม นี่เป็นการสนทนาที่ค่อนข้างจะพูดยาก
เมื่อหวางซืออวี่เห็นว่าพ่อแม่ของเธอตกตะลึงกับ 'การฟื้นคืนพลังวิญญาณ' และไม่ได้พูดถึงเจียงเหออีกต่อไป เธอก็เปลี่ยนหัวข้ออย่างรวดเร็ว
“อ้อ หนูได้ยินมาว่าพี่จะกลับมาวันมะรืนนี้ใช่ไหม?” เธอถามด้วยรอยยิ้ม
แล้วโทรศัพท์มือถือของเธอก็ดังขึ้น สีหน้าของเธอเปลี่ยนไปเล็กน้อยเมื่อเห็นหมายเลขผู้โทร และเธอก็รับสายอย่างรวดเร็ว
“หัวหน้าต้วน มีอะไรเหรอคะ?”
ผู้ที่โทรมาคือต้วนเทียนเหอ ผู้บัญชาการของสำนักงานจัดการคดีพิเศษแห่งชาติเขตหัวเซี่ย
“หวางซืออวี่ ตอนนี้เธออยู่ไหน? บอกเจียงเหอด้วยว่าเขาต้องตื่นตัวอยู่เสมอ! ฉันเพิ่งได้รับข่าวมาว่านิกายเทียนโหมวตั้งใจจะก่อปัญหาใหญ่ และยังส่งแม่ทัพสวรรค์ไปยังหลิงโจวด้วย หลังจากที่เจียงเหอช่วยงานของเราและทำลายแผนของพวกมัน พวกนิกายเทียนโหมวมันต้องอยากจะจัดการกับเขาอย่างแน่นอน! ตามที่ฉันรู้มา มีผู้ฝึกยุทธระดับสี่ขั้นสุดยอดต้องการหัวเจียงเหอ”
"อะไรกัน?!"
หวางซืออวี่ที่ตกใจลุกขึ้นยืนทันที และฟังสิ่งที่ต้วนเทียนเหอพูดต่อ
“ฉันเพิ่งกลับจากภูต้าตงและอาจจะไปหาเธอภายในสี่สิบนาที หากนิกายเทียนโหมวยังไม่เคลื่อนไหวอะไรทุกอย่างก็จะเรียบร้อย แต่ถ้าไปไม่ทันหมู่บ้านของเธอเดือดร้อนแน่ ๆ เธอต้องติดต่อหลี่เฟยทันทีและตรวจตราทั้งหมู่บ้าน รายงานกลับมาหาฉันทันทีหากพบการเคลื่อนไหวใด ๆ”
เขาวางสายทันทีหลังจากนั้น
ในทางกลับกันหวางซืออวี่กลับรู้สึกได้เพียงว่าในหัวมันมึนตึ้บไปหมด ที่สุดแล้วเธอก็เป็นเพียงแค่ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ที่เพิ่งปลุกพลังให้ตื่นขึ้นได้ไม่นาน และการสนทนากันเมื่อกี้นี้ทำให้เธอสับสนอย่างยิ่ง แต่ทันใดนั้นเธอก็สงบจิตสงบใจลงได้
“พ่อ บอกทุกคนในหมู่บ้านให้อยู่แต่ในบ้านของพวกเขา อย่าก้าวออกไปข้างนอกแม้แต่ก้าวเดียว!”
ผู้ใหญ่หวางซึ่งอยู่ข้าง ๆ หวางซืออวี่ เมื่อเห็นเธอรับโทรศัพท์ก็อดไม่ได้ที่จะถามว่า “นิกายเทียนโหมวอะไร เกิดอะไรขึ้น? เจียงเหอไม่สามารถจัดการกับพวกมันได้งั้นเหรอ?
“ไม่ เขาทำไม่ได้หรอก! เจียงเหอพึ่งเป็นระดับสี่ในวันนี้เอง แต่ว่านิกายเทียนโหมวส่งระดับสี่ขั้นสุดยอดออกมา ความแข็งแกร่งมันต่างกันเกินไป! หนูหวังว่าหัวหน้าจะมาที่นี่ทันเวลา ไม่งั้นเจียงเหอจะไม่ใช่เหยื่อเพียงคนเดียวเมื่อนิกายเทียนโหมวเคลื่อนไหว หลายคนในหมู่บ้านของเราจะต้องตาย!” หวางซืออวี่บอกขณะที่วิ่งออกไปข้างนอก
แม้ว่าพลังพิเศษของเธอจะอ่านใจได้ แต่เธอก็เริ่มฝึกฝนตัวเองเมื่อไม่นานมานี้ จึงทำให้เธอมีร่างกายที่แข็งแรงกว่ามนุษย์ทั่ว ๆ ไป
ในไม่ช้าเธอก็มาถึงบ้านของเจียงเหอ ประตูหน้าเปิดอยู่แต่ไม่มีใครอยู่ในบ้าน เธอหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาโทรหาเขา ทันใดนั้นก็ได้มีเสียงดังก้องมาจากทางทิศตะวันออก
หวางซืออวี่หันไปหาแสงที่ลุกเป็นไฟพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าจากด้านตะวันออกของหมู่บ้าน ทำให้ท้องฟ้ายามค่ำคืนส่วนใหญ่สว่างไสวในทันที ชาวบ้านหลายคนที่ตื่นตระหนกได้พากันออกมานอกบ้าน มีคนอยากรู้อยากเห็นมากขึ้นและพร้อมที่จะมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออก เพื่อไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น
ขณะนั้นเองเสียงตามสายของหมู่บ้านก็ดังขึ้น: “แจ้งเตือน แจ้งเตือน ชาวบ้านทุกคนโปรดอยู่ในบ้าน อย่าออกมา…”
ในขณะเดียวกันแววตาของหวางซืออวี่ก็สั่นไหวเมื่อความคิดกังวลเข้ามาในหัว 'ระเบิด! นิกายเทียนโหมวกำลังบุกโจมตี!'
หัวใจของเธอเต้นแรง เธอใช้มือถือโทรหาเจียงเหอแต่ไม่มีใครรับอยู่นาน เธอกัดฟันกรอดและกำลังจะไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วเจียงเหอก็โทรกลับมาพอดี
เธอรีบรับสายและได้ยินเสียงสบถจากปลายสาย ก่อนที่เจียงเหอจะพูดอะไรต่อเธอก็รีบถามทันทีว่า “เจียงเหอ นายอยู่ไหนเนี่ย? รีบกลับบ้านเดี๋ยวนี้เลยนะ ไอ้พวกนิกายเทียนโหมวมันส่งระดับสี่ขั้นสุดยอดมาฆ่านายแล้ว!”
"ฮะ?"
***
ในขณะเดียวกัน ณ ทุ่งข้าวโพดที่ถูกพัดถล่มบริเวณฝั่งตะวันออกของหมู่บ้าน
เจียงเหอที่ชันเข่าอยู่ข้างศพของคอร์โดได้ร้องอุทานด้วยความประหลาดใจ “ระดับสี่ขั้นสุดยอด?” เขาเหลือบมองที่ศพบนพื้นอีกครั้งแล้วตอบไปว่า “เธอจริงจังป่ะเนี่ย? ไอ้คนแคระนี่เนี่ยนะระดับสี่ขั้นสุดยอด? มันกระจอกขนาดนี้ฉันก็คิดว่ามันเป็นระดับสี่ขั้นต้นซะอีก”
“เอ่อ…”
ในเวลาเดียวกัน เจียงเหอได้พบขวดเครื่องเคลือบซึ่งมีรอยแตกอยู่ทั่วพื้นผิว แม้ว่ามังกรผยองได้สำนึกของเขาจะไม่ได้กระแทกโดนขวดโดยตรง แต่พลังที่ระเบิดออกมาก็แผ่ขยายออกไปโดน ทำให้มันแตกร้าวเสียหาย
เขาเปิดขวดเพื่อค้นหาและเจอโอสถสามเม็ดที่มีหน้าตาคล้ายผลอินทผลัมสีแดงสด อีกทั้งยังเจอ 'วิชาใบมีด' ด้วย แต่มันกลับโดนมังกรผยองได้สำนึกฉีกออกเป็นชิ้น ๆ ไปเสียแล้ว
“เงินสด ไม่มี… การ์ด ไม่มีเลย…” เจียงเหอบ่นหลังจากเดินสำรวจไปมา “ไอ้นิกายเทียนโหมวพวกนี้มันเป็นนิกายขอทานเหรอวะ? เป็นถึงผู้ฝึกยุทธระดับสี่ขั้นสุดยอดแต่ไม่มีตังค์ซักแดง! ตูว่าไอ้ที่เขียนอยู่ในนิยายนี่ไม่ใช่ละ ไอ้การค้าไร้ต้นทุนอย่างปล้นฆ่าแล้วจะรวยทางลัดได้เนี่ยมันตอแหลชัด ๆ เลย!”
"นายว่าไงนะ? ไม่ได้ยิน!"
เสียงหึ่ง ๆ ดังขึ้นในโทรศัพท์ทำให้หวางซืออวี่ยื่นโทรศัพท์ออกจากหูของเธอ เธอได้ยินเพียงเบา ๆ ที่เจียงเหอพูดถึง 'คนแคระ' และ 'กระจอก' และไม่ได้ยินเรื่องอื่น ๆ อย่างชัดเจน
“นายพูดเรื่องอะไรเนี่ยเจียงเหอ? ฉันไม่ได้ยินเลย ตอนนี้นายอยู่ไหน?”
เจียงเหอหยิบใบมีดโค้งขึ้นมาดู “มีดนี่หน้าตาไม่เลวเลย แต่มูนเบลด (มีดจันทร์เสี้ยว) แบบนี้ไม่เหมาะกับตูว่ะ… ตูชอบกระบี่อิงฟ้าดาบฆ่ามังกรไรเงี้ยมากกว่า ดูหรูหราหมาเห่า โคตรเท่ห์กว่าเยอะเลย”
แต่เมื่อเขาได้ยินสิ่งที่หวางซืออวี่พูด เขาก็อุทานด้วยความประหลาดใจ “ฉันได้ยินเสียงเธอชัดเจนเลยนะ… หรือว่าแรงระเบิดมันจะทำให้ไมค์โทรศัพท์ตูพังวะ?”