บทที่ 25: ลืมไว้ชีวิตพวกมันซะได้
เจียงเหอพบว่าตอนนี้เขาอยู่ในที่ค่อนข้างสูง
ลมฤดูใบไม้ร่วงส่งเสียงกรอบแกรบ
ใต้แสงจันทร์ เขายืนอยู่บนสันเขาและพึมพำกับตัวเองว่า “นี่ตูใจร้อนไปไหมวะ? ตูอยู่ในที่แจ้ง แต่ศัตรูอยู่ในที่ลับแถมยังไม่รู้ว่าพวกมันแข็งแกร่งขนาดไหนอีกต่างหาก ถ้าตูชนะก็แล้วไป แต่ถ้าแพ้ล่ะก็…”
เขาเรียกเอ้อเหลิงจื่อโดยกะว่าจะกลับบ้านไปก่อน ตราบใดที่ยังมีชีวิตอยู่ เขาจะมาจัดการกับพวกมันเมื่อไหร่ก็ได้ เมื่อเขากลับบ้านและคิดหาวิธีที่จะปลูกโอสถได้แล้วกินมันทุกวัน เขายังจะต้องกลัวนิกายเทียนโหมวอยู่อีกหรือ?
แต่ว่าเอ้อเหลิงจื่อก็ไม่ขยับ แต่มันกลับหมอบลงตั้งท่าเตรียมพร้อมที่จะกระโจน และแยกเขี้ยวคำรามออกมาอย่างดุร้าย แมวปีศาจสามหางเองก็ส่งเสียงร้องขู่ฟ่อ ๆ อีกด้วย มันยังขยายตัวขึ้นข้าง ๆ เอ้อเหลิงจื่อเพื่อปกป้องเจียงเหอ
ใบหน้าของเจียงเหอกระตุกเมื่อมองไปข้างหน้า มีเสียงดังสวบสาบมาจากทุ่งข้าวโพด และในไม่ช้าร่างสองร่างก็ได้ก้าวออกมา โดยมีสุนัขท่างทางดุร้ายเลเวล 2 ตามหลังพวกมันมาด้วย
คอร์โดควงใบมีดโค้งสองสามครั้งเมื่อมันเห็นว่ามีกลุ่มผู้ที่ยืนต้อนรับอยู่ “เลเวล 1 กับ 3” มันต้องอุทานด้วยความประหลาดใจ “นี่แกยังกล้าบอกว่ามันไม่ใช่ผู้ฝึกอสูรอีก?”
คนชุดดำไม่พูดอะไร มันเอานิ้วจิ้มที่มุมปากและผิวปากเสียงดังออกมา ในวินาทีต่อมาได้มีเสียงกรอบแกรบก้องไปทั่วทุกทิศทุกทาง เมื่อมีสัตว์อสูรเป็นโหลโผล่ออกมาจากทุ่งข้าวโพด
ส่วนใหญ่เป็นสุนัขกับแมว พร้อมด้วยหมาป่าสีเทาและงูยักษ์ที่มีความยาวหลายสิบเมตรลำตัวหนาครึ่งเมตร มันผู้นี้เป็นผู้ฝึกสัตว์อสูรอย่างแน่นอน เพียงแต่มันคงพึ่งจะปลุกพลังได้ยังไม่นานสักเท่าไหร่ มันจึงยังไม่สามารถควบคุมสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งกว่าตัวมันเองได้ สิ่งสำคัญที่สุดคือแถวนี้มีสัตว์อสูรที่มันจะเอามาใช้งานได้ไม่มากนัก
ที่ปลายอีกด้านของทุ่งข้าวโพด สีหน้าของเจียงเหอค่อนข้างเคร่งขรึม ผู้ฝึกยุทธระดับสี่ ผู้ฝึกอสูรแสนจะลึกลับ และเหล่าสัตว์อสูรอีกเป็นโหล ในฐานะผู้ฝึกยุทธมือใหม่ มีที่ไหนที่เขาจะเคยเจอภาพเหตการณ์แบบนี้มาก่อน?
"อันตรายว่ะ! อันตรายเกินไปแล้ว! ถึงตูจะไม่กากก็เถอะ แต่ก็ไม่ได้มีประสบการณ์การต่อสู้จริงมากมายอะไร จะยั้งมือไม่ได้… จะยั้งมือไว้ไม่ได้เด็ดขาด จู่โจมแต่ละครั้งจะต้องลงมือแบบกะฆ่าให้ตายเผื่อไว้ก่อนเลย!”
เหงื่อไหลออกจากคิ้วของเจียงเหอ เขาขยับมือและมีถั่วปรากฏขึ้นระหว่างนิ้วพร้อมกับตะโกน "เอ้อเหลิงจื่อ ซานเหลิงจื่อ หนีไป!"
ด้วยความที่เชื่อฟังเจียงเหอทุกคำพูด เจ้าซานเหลิงจื่อมันหันหลังและวิ่งหนีไปทันที ขณะที่เอ้อเหลิงจื่อมองดูเจียงเหออย่างสับสนก่อนจะใส่เกียร์หมาเผ่นไปเช่นกัน สัตว์อสูรตัวอื่น ๆ ก็ไม่ได้หยุดพวกมันไว้ อันที่จริงบางทีผู้ฝึกสัตว์นั่นคงรู้สึกว่าการปล่อยให้สัตว์อสูรเลเวล 1 กับ 3 หนีไปอาจทำให้ฝ่ายของพวกมันเองได้เปรียบมากกว่า
ในเวลาเดียวกันคอร์โดได้ก้าวไปข้างหน้า ออร่าขั้นสุดยอดระดับสี่ของมันระเบิดออกมาและทำให้ต้นข้าวโพดรอบ ๆ โดนกดจนแบนราบไปกับพื้น
มันจ้องมองด้วยแววตาอันดุร้ายและเยาะเย้ยออกมา “ไอ้เด็กเปรต สวรรค์มีทางให้เดินไปดันไม่ไป นรกไม่มีประตูดันอยากเข้ามา กล้ามายุ่งเรื่องของนิกายศักดิ์สิทธิ์แบบนี้ แสดงว่าแกคงคิดวิธีตายเอาไว้แล้วสินะหา?”
เจียงเหอกำถั่วและตะคอกสวนอย่างเดือดดาล “อย่าขยับ ขืนเอ็งเข้ามาอีกก้าวเอ็งโดนบึ้มแน่!”
“ระเบิดมือ?”
คอร์โดกระพริบตาปริบ ๆ เขาเป็นผู้ฝึกยุทธระดับสี่เหมือนกับเจียงเหอซึ่งมีประสิทธิภาพการมองเห็นเหนือมนุษย์ธรรมดา และสามารถมองเห็นถั่วในมือของเจียงเหอได้อย่างชัดเจน มันคือถั่วขนาดใหญ่ มีลักษณะเป็นผลึกสีเขียว
คอร์โดหัวเราะเสียงดัง “ไอ้เด็กเวรนี่ ถึงข้าจะไม่ได้มีการศึกษาแต่แกคิดว่าจะเอาไอ้เม็ดถั่วกาก ๆ นั่นมาตบตะ… เชรี่ย!”
ก่อนที่มันจะทันได้พูดจบ เมล็ดถั่วก็บินมาตรงหน้าแล้ว และความรู้สึกถึงอันตรายอันแสนจะเย็นยะเยือกก็ปะทุขึ้นในกาย คอร์โดรีบถอยหนีตามสัญชาตญาณ มันรีบชาร์จพลังเจินฉีเพื่อปกป้องร่างกายในทันที
ในชั่วพริบตาต่อมา เมล็ดถั่วก็ตกลงบนพื้น
ตู้ม!
เกิดเสียงดังสนั่นพร้อมกับเปลวเพลิงที่ปะทุออกมาอย่างรุนแรงพัดเอาเหล่าสัตว์อสูรเลเวล 1 ที่อยู่รอบ ๆ ปลิวกระเด็นขึ้นไปบนอากาศ แรงกระแทกนั้นรุนแรงมากจนแม้แต่แผ่นดินก็เกิดการสั่นสะเทือนขึ้นมาเล็กน้อย
ในทางกลับกัน ผู้ฝึกสัตว์อสูรที่สวมเสื้อคลุมสีดำและสุนัขตัวใหญ่นั่นอยู่ใกล้กับการระเบิดมากกว่าไอ้เจ้าคอร์โดที่ตอบสนองอย่างรวดเร็ว และถอยห่างออกไปหลายสิบเมตรเสียอีก
แต่ว่าเจ้าผู้ฝึกสัตว์ทำไม่ได้
ทั้งหมดที่มันเห็นคือความสว่างวาบออกมาอย่างกะทันหัน แสงที่ลุกโชติช่วงขนาดทำให้ตาพร่า ตามด้วยแรงสั่นสะเทือนที่พุ่งเข้าใส่ร่างกาย เป่ามันให้ปลิวขึ้นฟ้าไปราวกับเศษขยะ ด้วยสภาพที่ร่างกายทั้งสองซีกที่กระเด็นไปคนละทิศคนละทาง
เช่นเดียวกับสุนัขตัวใหญ่ที่มันพยายามอย่างมากในการชุบเลี้ยง ซึ่งบัดนี้กลายเป็นเศษเนื้อเพราะโดนระเบิดเข้าไปเต็ม ๆ เรียบร้อย
เสื้อคลุมสีดำโดนแรงระเบิดเป่าจนเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยก่อนที่ร่างผอมยาวจะตกลงไปท่ามกลางต้นข้าวโพด ตอนนั้นเองที่มันนึกอะไรบางอย่างขึ้นได้
“เอ๊ะ นั่นมันส่วนล่างของขะ…”
นั่นคือความคิดสุดท้ายของมัน
***
“อะไรวะ...”
เจียงเหอเองก็ตกตะลึงกับพลังทำลายล้างของระเบิดถั่ว
เขาลืมไอ้ 'คำเตือน' จากระบบไปแล้ว อย่างน้อยเขาก็ได้ใช้วิชากายาวัชระคงกระพันและวิชาเก้าเอี้ยงโดยสัญชาตญาณเพื่อปกป้องตัวเอง ถึงกระนั้นเมื่อคลื่นกระแทกที่รุนแรงและมาพร้อมความร้อนแผดเผาเข้ามากระทบร่างกาย…
การป้องกันด้วยกายาวัชระคงกระพันถูกทำลาย!
มีเสียงแตกลั่นออกมาเล็กน้อยแล้วเจียงเหอก็กระอักเลือดออกมาเต็มปาก เขาถอยหลังไปหลายสิบก้าวก่อนจะหยุดตัวเองได้ แล้วจึงใช้เจินฉีระงับเลือดลมในกายและใช้กายาวัชระคงกระพันอีกครั้ง
ในเวลาเดียวกัน เขาก็พบจุดศูนย์กลางของการระเบิดซึ่งเป็นจุดที่ 'ถั่ว' ของเขาตกใส่
ตอนนี้มีสภาพเหมือนปล่องภูเขาไฟกว้างสามเมตรและลึกหนึ่งเมตรอยู่ตรงกลางทุ่งที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นสีมรกต ทางเดินและต้นข้าวโพดรอบ ๆ ถูกระเบิดจนไม่เหลือ และซากของสุนัขตัวใหญ่ที่ตอนนี้กระจัดกระจายจนดูไม่ออกว่ามันเคยมีรูปร่างเหมือนสุนัขมาก่อน รวมไปถึงชิ้นส่วนต่าง ๆ ของร่างกายของสัตว์อสูรตัวอื่น ๆ ก็เกลื่อนไปทั่วเช่นกัน
โอ้โฮ!
เจียงเหออ้าปากค้างและพูดงึมงำ “นี่แค่ถั่วเดิม ๆ นะเว้ย? นี่ขนาดอยู่ห่างตั้งเป็นยี่สิบเมตร แรงระเบิดมันยังเจาทะลุกายาวัชระคงกระพันของตูได้ ทำเอาภายในตูปั่นป่วนจนต้องกระอักเลือดซะขนาดนี้! แล้วถ้าเป็นไอ้ถั่วเวอร์ชันปรับปรุงที่มีสรรพคุณห้าเท่าล่ะวะ… ถ้าปาไปตูไม่ตายห่านไปด้วยเลยเรอะ?”
เขาหยุดมองไปรอบ ๆ “เดี๋ยวดิ๊… แล้วไอ้เตี้ยมันไปอยู่ไหนแล้ววะ”
ใบหน้าของเจียงเหอหมองลงในทันที เขาหันไปทันทีเมื่อเงาดำพุ่งเข้ามาพร้อมกับพระจันทร์เสี้ยว ใบมีดในมือของเงาดำนั่นฟาดลงมาที่เจียงเหอด้วยแววตาที่ดุร้าย คมมีดนั้นฟันโดนหน้าอกของเจียงเหอเต็ม ๆ
เขาผงะถอยออกไปสองก้าว โดยสายตายังคงจับจ้องไปที่เงาดำและถามว่า “ยังไม่ตายอีกเหรอวะ ไอ้เตี้ย?”
"หา?"
คอร์โดถูกยั่วยุเพราะคำด่า
มันกำลังจะกดดันต่อ แต่ดันถอยหลังทันทีแม้ในขณะที่กำลังก้าวเท้าข้างหนึ่ง มันยังร้องออกมาโดยไม่ตั้งใจว่า “ไม่มีทาง! แกไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธระดับห้าแท้ ๆ ไม่มีทางที่จะโดนคมมีดของข้าแล้วจะไม่เป็นอะไรเลย!”
“ไม่เป็นอะไรเลย?”
นิ้วมือของเจียงเหอสัมผัสหน้าอกและพบเลือดหยดหนึ่ง
“เอ็งมาหลอนอะไรวะหา ไอ้เตี้ย? มีดของเอ็งทรงพลังพอที่จะเฉือนกายาวัชระคงกระพันของตูจนทะลุ… ถลอกขนาดนี้ เอ็งยังหาว่าไม่เป็นไรอีกเหรอวะ?” เขาตอบหน้าบึ้ง
เจ้าคอร์โดที่รู้สึกว่าตนเองกำลังโดนดูถูกจึงตะคอกออกมา “ข้ายอมตายดีกว่าทนรับความอัปยศอดสูนี้! เข้ามาสิวะไอ้เด็กนรก! คอร์โดผู้นี้จะฆ่าแกเพื่อขจัดอุปสรรคของนิกายศักดิ์สิทธิ์เอง!”
มันเงื้อมีดพร้อมกับพุ่งเข้าใส่เจียงเหออีกครั้ง แต่มันพึ่งเคลื่อนที่ไปข้างหน้าได้ไม่เท่าไหร่ มันกลับได้ยินเสียงมังกรคำรามดังสนั่นลั่นทุ่ง และมีเงาของมังกรทองตัวหนึ่งพุ่งเข้าใส่ ทลวงหน้าอกของมันเต็ม ๆ
***
“มังกรผยองได้สำนึก ทรงพลังเบอร์นี้เลยเหรอวะเนี่ย?”
เจียงเหอหันไปทางร่างไร้ชีวิตของชายร่างเตี้ยที่ลอยกระเด็นออกไปไกลกว่ายี่สิบเมตร
“ซวยละ” เขาบ่น “ตูมัวแต่คิดว่าจะต้องป้องกันภัยคุกคามก็เลยใส่เต็มเหนี่ยว แต่ดันลืมสนิทไปเลยว่าต้องเหลือชีวิตพวกมันไว้บ้าง จะได้เอาไว้สอบปากคำเพื่อเปิดโปงว่าใครมันอยู่เบื้องหลัง!”