ตอนที่ 1067-1068 แม่ของเขาต้องการจับคู่เขาให้เซินโย่ว
คุณผู้หญิงเซินจิบชาบนโต๊ะแล้วเชิดริมฝีปากของตนเองด้วยผ้าเช็ดหน้าก่อนจะวางถ้วยชากลับลงที่เดิม
คุณผู้หญิงไป่เหลือบขึ้นมองนาฬิกาที่แขวนบนผนังแล้วขมวดคิ้ว เธอกำลังหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาจะกดเบอร์โทรออก แต่กลับได้ยินเสียงฝีเท้าหนึ่งเดินเข้ามา
เธอหันกับมามอง และเห็นไป่ซู๋เดินเข้ามา เธอยิ้มและเดินออกไปหาเขาทันที
“ลูกห้า กลับมาแล้ว กินอะไรมารึยังลูก? ให้พ่อครัวเตรียมอาหารเย็นให้ไหม?”
ไป่ซู๋ไม่ใช่ลูกคนที่ห้า
นอกจากลูกสาวแล้ว ครอบครัวไป่มีลูกชายเพียงคนเดียว
เธอเรียกเขาว่า ลูกห้าเพราะตอนเด็ก ๆ สุขภาพของเขาไม่ดีนัก ซินแสท่านหนึ่งได้บอกให้เธอเรียกเขาแบบนี้เพื่อแก้เคล็ด แล้วหลังจากที่เธอเรียกเขาเช่นนี้ เขาก็ไม่ป่วยอีกต่อไป
เมื่อเขาโตขึ้นและหายดีแล้ว คุณผู้หญิงก็ยังเรียกเขาด้วยชื่อนั้น
“แม่ ผมทานข้าวเย็นมาแล้ว” ไป่ซู๋เหลือบมองห้องนั่งเล่นและเห็นคุณผู้หญิงเซิน เซินโย่ว และเซินซิน นั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นด้วย เขาแสร้งทำเป็นแปลกใจและพูดขึ้น
“มีแขกมาที่บ้านเหรอครับ?”
คุณผู้หญิงไป่ยิ้มและจับมือเขา ขณะที่พาเขาเดินมาที่โซฟา
“คุณผู้หญิงเซินและลูกสาวทั้งสองคนของเธอก็อยู่ด้วย มาสิ ทักทายพวกเขาหน่อย”
ไป่ซู๋พยักหน้าและกล่าวทักทาย “สวัสดีครับน้าเซิน ดีจ๊ะสาว ๆ”
คุณผู้หญิงเซินมองขึ้นมาและส่งยิ้มให้เขาด้วยท่าทางสง่างาม
“อาซู๋ เพิ่งเลิกงานเหรอจ๊ะ? ฉันกับแม่ของเธอกำลังพูดถึงเธออยู่เลย”
“ครับ?” ไป่ซู๋แสร้งทำเป็นงง “น้าเซินกับแม่กำลังพูดถึงผมเหรอครับ? คุยอะไรกันครับ? มิน่าระหว่างทางมาที่นี่ผมถึงได้รู้สึกร้อนหูแปลก ๆ ถูกพูดถึงนี่เอง”
คุณผู้หญิงเซินยิ้ม “ไม่มีอะไรหรอก พวกเราก็แค่คุยกันเฉย ๆ”
ไป่ซู๋พยักหน้าและไม่ถามอะไรต่ออีก
“สวัสดีคะพี่ไป่” เซินซินนั่งอยู่ข้าง ๆ ดูไม่ค่อยสบายใจเล็กน้อย
แตกต่างกับเซินโย่ว พี่สาว ที่ดูสบาย ๆ มากกว่า เธอพยักหน้าให้ไป่ซู๋แล้วยิ้ม “พี่ไป่”
“โย่วโย่ว มานั่งกับคนแก่อย่งเรา ๆ ไม่เบื่อรึไง? ไหน ๆ ลูกห้าก็กลับมาแล้ว ให้เขาพาไปเดินเล่นในสวนหน่อยเป็นไง? วัยเดียวกันน่าจะมีเรื่องสนุก ๆ คุยกันมากกว่า”
“ใช่ ใช่ โย่วดย่วไปเดินเล่นกับอาซู๋เถอะ ส่วนซินซินอยู่กับแม่นี่ล่ะ สองคนนั้นเขาอายุมากกว่าลูกหลายปี ลูกคงไม่มีอะไรจะคุยกับพวกเขา อยู่กับพวกเราดีกว่า”
เห็นได้อย่างชัดเจนว่าคุณผู้หญิงไป่และคุณผู้หญิงเซินพยายามจะพวกเขาทำความรู้จักกันอย่างออกนอกหน้า
เดิมไป่ซู๋คิดว่าคำพูดของพ่อบ้านไม่น่าเชื่อสักเท่าไหร่
ตอนนี้เขาเชื่อแล้ว
แม่ของเขาต้องการจับคู่เขากับเซินโย่ว
และดูเหมือนว่าคุณผู้หญิงเซินก็ด้วยอีกคน
หากดูจากสถานะทางสังคมแล้วก็ถือว่า ครอบครัวไป่และครอบครัวเซิน
เซินโย่วเป็นทายาทที่มีสิทธิ์ในครอบครัวเซินมากที่สุด
หากคุณผู้หญิงเซินคิดเช่นนั้นจริง ๆ แม่ของเขาก็คงไม่มีทางปฏิเสธเธออย่างแน่นอน
แต่ไป่ซู๋ไม่เคยคิดอะไรกับเซินโย่ว อีกอย่างเขาจะคิดอะไรกับคนที่มีอีกคนอยู่ภายในใจอยู่แล้วได้ยังไงกัน
ไป่ซู๋ไม่ได้แสดงท่าทีปฏิเสธ
เขาต้องรักษาภาพลักษณ์ของตนเองเอาไว้
ไม่มีใครบังคับเขาให้ทำในสิ่งที่เขาไม่อยากทำได้
เขาอยากฟังเรื่องราวต่าง ๆ จากปากของเซินโย่ว และอยากถามเธอด้วยว่าเธอคิดอะไรอยู่
ทำให้เขายิ้มและพยักหน้า “ได้สิครับ ผมจะพาคุณเซินออกไปเดินเล่นก็แล้วกัน คุณเซินให้ผมพาไปเดินเล่นในสวนดีไหมครับ”
เซินโย่วยิ้มและพยักหน้า “ขอบคุณคะพี่ไป่”
ไป่ซู๋ยิ้ม “ไม่ต้องพูดสุภาพขนาดนั้นก้ได้ ปะ ไปกันเถอะ”
“ค่ะ”
เซินโย่วจัดเสื้อผ้าของตัวเองให้เข้าที่ และหันไปพูดกับคุณผู้หญิงเซิน “แม่คะ ฉันออกไปกับพี่ไป่นะคะ แม่กับคุณป้าอยู่คุยไปก่อนเถอะค่ะ เดี๋ยวหนูมาค่ะ”
“ไปเถอะลูก สองคนยังเด็ก อย่ามาอยู่คุยกับพวกแม่ ๆ เลย”
ขณะที่คุณผู้หญิงเซินพูด เธอเหลือบมองขึ้นที่ไป่ซู๋อีกครั้ง เขาเลื่อนสายตามองขึ้นลง ด้วยความพึงพอใจ
ลูกชายของตระกูลไป่คนนี้ค่อนข้างหน้าตาดี
เขาเข้ากันได้กับโย่วโย่วมาก ทั้งด้านหน้าตาและด้านอื่น ๆ
ถ้าเธอต้องเลือกระหว่างทายาทตระกูลกง กับทายาทตระกูลไป่ เธอหวังให้โย่วโย่วได้แต่งงานกับลูกชายตระกูลไป่คนนี้มากกว่า
คนในตระกูลกงแม้จะมีภูมิหลังที่ดีและเข้ากับครอบครัวเซินได้เป็นอย่างดีก็เถอะ
แต่ด้วยอาการป่วยของลูกชายตระกูลกงแล้วล่ะก็...
แม้เขาจะดูปกติ หากอาการไม่กำเริบก็เถอะ
แล้วถ้าอาการกำเริบเล่า...
โย่วโย่วลูกสาวของเธอมีค่ามากขนาดไหน จะทนให้เธอแต่งงานกับคนป่วยแบบนั้นได้ยังไง
อันตรายเกินไป?
ใครจะรู้บ้างว่าเขาจะทำอะไรกับโย่วโย่วบ้าง หากอาการกำเริบ
ดังนั้น หลังจากพิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้ว เธอคิดว่าชายหนุ่มจากตระกูลไป่คนนี้เหมาะสมกับโย่วโย่วของเธอมากกว่า ยิ่งไปกว่านั้น ไม่มีใครเหมาะสมกับเธออีกแล้ว
ตระกูลใหญ่ ๆ ในเมืองหยุนเฉิงก็มี
ตระกูลไป่ ตระกูลกง ตระกูลเหมา ตระกูลหยาง...
จริงอยู่ว่าเธอชอบตระกูลเหมามากที่สุด ทว่าลูกชายคนที่สองของตระกูลเหมาดูเหมือนจะไม่ชอบโย่วโย่ว เธอเคยพูดเป็นนัยถึงการแต่งงานระหว่างสองตระกูล แต่คำตอบจากตระกูลเหมาคือพวกเขาไม่อยากตัดสินใจเรื่องการแต่งงานเองได้ จะแต่งหรือไม่แต่งก็ล้วนแล้วแต่ลูก ๆ ของพวกเขา
คุณผู้หญิงเซินก็รอแล้วรอเล่า
หลังจากผ่านไปหลายปี ตระกูลเหมาก็ไม่มีความติดที่จะแต่งงาน
ตอนนี้เซินโย่วก็โตขึ้นมากแล้ว คุณผู้หญิงเซินรู้สึกว่าเธอไม่อาจรอได้อีกต่อไป
เด็กสาวที่อยู่ในช่วงเวลานี้แหละที่ดีที่สุด
หากยังรอต่อไป โย่วโย่วคงได้ขึ้นคานกันพอดี
แม้ว่าด้วยคุณสมบัติของตระกูลเซินแล้ว ไม่ต้องกังวลว่าจะหาครอบครัวที่ดีแต่งด้วยไม่ได้ แต่หากโตกว่านี้ ก็ไม่ง่ายเลยที่จะหาได้อีก
หากกงเซลีไม่ป่วย คุณผู้หญิงเซินคงคิดว่าเขาเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด
ส่วนตระกูลหยาง...
คุณผู้หญิงเซินไม่ค่อยชอบเท่าไหร่
ไม่ใช่เพราะภูมิหลังของพวกเขา ทว่าลูกชายคนสุดท้องของตระกูลหยางเป็นหนุ่มเพลย์บอย เขาจะเหมาะสมกับลูกสาวที่โดดเด่นของเธอได้อย่างไร!
ดังนั้น เธอถึงเลือกตระกูลไป่
เธอมาที่บ้านตระกูลไป่ ในครั้งนี้ ก็เพื่อจะหาข้อมูลเกี่ยวกับพวกเขา
เท่าที่ดูแล้ว จากทัศนคติของคุณผู้หญิงไป่ ดูเหมือนว่าเธอจะชอบโย่วโย่ว
เธอรู้ดูว่าโย่วโย่วของเธอโดดเด่นมากจนใคร ๆ ก็ต้องเลือกเธอ
ลูกชายทั้งสองในตระกูลเหมาจองหองเกินไปที่ไม่เคยนึกถึงผู้หญิงที่โดดเด่นอย่างลูกสาวของเธอ เธอต้องการจะเห็นนักว่าในอนาคตพวกเขาจะเลือกแต่งงานกับผู้หญิงแบบไหน
เธอไม่เชื่อหรอกว่าจะมีผู้หญิงคนไหนที่ดีไปกว่าโย่วโย่ว
...
ไป่ซู๋พาเซินโย่วเดินมายังสวนหลังบ้าน
บ้านของตระกูลไป่อยู่ในเขตชานเมือง ส่วนหนึ่งของพื้นที่ภายในบ้านเป็นภูเขา