937-938
9/10
Ep.937
เวลาค่อยๆไหลผ่านไป ระดับเทวะจากหมื่นเผ่าพันธุ์สุดท้ายไม่อาจฝืนทน ถูกทุบร่วงลงกับพื้น แขนข้างหนึ่งโดนกระชากขาด
“หลี่ชุนฉี! อาศัยเพียงเจ้าคิดต่อกรกับพวกเรา คราวนี้รู้ซึ้งแล้วหรือยัง?”
ระดับเทวะเผ่าสัตว์ร้ายมิติกล่าวด้วยใบหน้ายิ้มเยาะ ค่อยๆก้าวเข้าหาหลี่ชุนฉีอย่างช้าๆ
ผู้ฝึกตนคนอื่นๆจากฝั่งหมื่นเผ่าพันธุ์ เมื่อเห็นหลี่ชุนฉีได้รับบาดเจ็บสาหัส ในหัวใจของพวกเขาบังเกิดความรู้สึกท้อแท้สิ้นหวัง
แต่ในตอนนั้นเอง เป็นเวลาประจวบเหมาะพอดี [รถศึกอัจฉริยะ] ลอยลำมาถึงเบื้องบนเกาะลี่เจียว
การปรากฏตัวของมัน ดึงดูดความสนใจของทุกคนในทันที
สถานที่แห่งนี้คือสนามรบระหว่างผู้ฝึกตนจากหมื่นเผ่าพันธุ์และสัตว์ร้ายมิติ แต่จู่ๆกลับมียานอวกาศสีเงินปรากฏขึ้น เป็นอะไรที่เหนือความคาดหมายมาก
ทำแบบนี้ คนในยานอวกาศไม่กลัวโดนลูกหลง ถูกระเบิดกลายเป็นซากอวกาศหรือไร?
“คนข้างใน ไสหัวออกมา!”
สัตว์ร้ายมิติระดับเทวะกวาดสายตามอง [รถศึกอัจฉริยะ] ตะโกนเสียงดัง สีหน้าท่าทีของมันดูหยิ่งผยองมาก
ซูเฉินเปิดประตูรถ ก้าวลงมาอย่างสบายๆ โดยมีเซี่ยเถาตามมาติดๆ
อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับท่าทางไม่ยี่หระของซูเฉินแล้ว เวลานี้ทั้งร่างของเซี่ยเถาสั่นระริก ใบหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
“หืม? นึกว่าใคร ที่แท้ก็แค่เผ่ามนุษย์!”
สัตว์ร้ายมิติระดับเทวะเมื่อเห็นรูปลักษณ์ของซูเฉินชัดๆ ตอนแรกมันอุทานออกมาเบาๆ จากนั้นกล่าวเยาะเย้ย “เจ้าหนู แวะมาหาที่ตายหรือ?”
“เปล่า ฉันมาที่นี่เพื่อฆ่าพวกแก”
มุมปากของซูเฉินยกโค้งขึ้นเล็กน้อย ระเบิดพลังแห่งจิตวิญญาณออกไปทันที
ฆ่าข้า?
สัตว์ร้ายมิติระดับเทวะอึ้งไปครู่หนึ่ง ก่อนหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง “เจ้าหนู อาศัยเพี–”
แต่ใครจะคาดคิด ว่ายังเอ่ยไม่ทันจบประโยค พลังที่มองไม่เห็นก็ถาโถมเข้ามาจากทุกทิศทาง พันธนาการทั้งร่างของสัตว์ร้ายมิติไว้อย่างแน่นหนา
“นี่มันพลังจิต …” สีหน้าของสัตว์ร้ายมิติระดับเทวะแปรเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน รีบตะโกนอย่างกะรวนกระวายใส่สัตว์ร้ายมิติระดับเทวะอีกตัว “เขาเป็นปรมาจารย์พลังจิต รีบช่วยข้าเร็ว!”
เซี่ยเถาที่อยู่ข้างๆรู้สึกสับสน เขาจำได้ดี ว่าก่อนหน้านี้ซูเฉินระเบิดพลังในฐานะผู้วิวัฒนาการระดับเทวะออกมา แล้วไหงจู่ๆถึงกลายเป็นปรมาจารย์พลังจิตระดับเทวะไปได้?
ในตอนนั้นเอง สัตว์ร้ายมิติระดับเทวะอีกตัวพุ่งเข้าหาซูเฉินอย่างเดือดดาล
“รนหาที่ตาย!” ซูเฉินยิ้มดูแคลน อันดับแรกควบคุมพลังจิตบดขยี้สัตว์ร้ายมิติระดับเทวะตัวแรก จากนั้นหันมาชกสวนไปทางสัตว์ร้ายมิติระดับเทวะตัวที่กำลังพุ่งเข้ามา
บังเกิดเสียงปัง! ดังกึกก้อง
ร่างของสัตว์ร้ายมิติระดับเทวะถูกชุดหมัดป่นเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
ได้เป็นสักขีพยานของฉากนี้ ตลอดทั้งเกาะลี่เจียวตกอยู่ในความเงียบงันยากจะหายใจ
ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายสัตว์ร้ายมิติ หรือผู้ฝึกตนจากหมื่นเผ่าพันธุ์ ทุกคนตะลึงงันอ้าปากค้าง
ซูเฉินสังหารสัตว์ร้ายมิติระดับเทวะ 2 ตัวได้อย่างง่ายดาย สะท้อนให้เป็นถึงกำลังรบอันแข็งแกร่งของเขาอย่างชัดเจน
ผ่านไปพักหนึ่ง บางคนก็เริ่มระบุได้ ว่าซูเฉินน่าจะเป็นผู้แข็งแกร่งระดับเทวะขั้น 2 นอกจากนี้ยังมีถึงสองอาชีพด้วยกัน
“เขาแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ …”
เซี่ยเถามองไปยังแผ่นหลังของซูเฉิน พึมพำด้วยอาการเหม่อลอย
เห็นสัตว์ร้ายมิติระดับเทวะสองตัวถูกฆ่าตาย สัตว์ร้ายมิติที่เหลือเริ่มตื่นตระหนก หลังจากชำเลืองมองกัน พวกมันก็พากันเตลิดหนีออกจากเกาะลี่เจียวทันที
ซูเฉินเปิด [มิติสันโดษ] และ [พื้นที่เลี้ยงสัตว์] เรียกพวกหลีกุยหยางและเหล่าสัตว์เลี้ยงวิญญาณออกมา ปล่อยให้ไล่ตามเหล่าสัตว์ร้ายมิติไป
ซูเฉินเองก็ได้เข้าร่วมการล่าเช่นกัน
“มีผู้แข็งแกร่งมากมายถึงเพียงนี้ …”
เซี่ยเถาเห็นซูเฉินเรียกผู้แข็งแกร่งมากมายออกมาในคราเดียว เป็นอีกครั้งที่เขาต้องตกใจ
“เซี่ยเถา”
ในตอนนั้นเอง เสียงเรียกของหลี่ชุนฉีดังเข้ามาในหูเซี่ยเถา
“ท่านเจ้าของเกาะ ท่านเป็นอย่างไรบ้าง?” เซี่ยเถาได้สติกลับมา วิ่งเหยาะๆมาข้างกายหลี่ชุนฉี
“เซี่ยเถา ผู้อาวุโสท่านนั้นเป็นใครกัน?”
หลีชุนฉีมองซูเฉินที่อยู่ไกลออกไป เอ่ยถามเสียงสั่น
10/10
Ep.938
“เขาไม่ได้บอกชื่อข้า และข้าก็ไม่กล้าถามเช่นกัน” เซี่ยเถาก้มศีรษะแล้วกล่าว
“แล้วเจ้าไปเจอเขาได้อย่างไร?” หลี่ชุนฉีถามต่อ
เซี่ยเถาค่อยๆเล่าถึงเหตุการณ์ที่ได้พบกับซูเฉิน
“ยังไงก็แล้วแต่ เขาช่วยพวกเราไว้ พวกเราต้องไปขอบคุณเขา” หลี่ชุนฉีใคร่ครวญ
สามารถคาดการณ์ได้เลยว่า หากซูเฉินไม่ก้าวออกมา วันนี้เกาะลี่เจียวคงถูกทำลายไปแล้ว ซูเฉินถือเป็นผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตพวกเขาเอาไว้
สิบนาทีต่อมา ซูเฉินนำเหล่ายอดฝีมือออกเข่นฆ่ากองทัพสัตว์ร้ายมิติจนหมด หลังจากรวบรวมชิ้นส่วน และขุดหินพลังงานมิติ ก็กลับมา
“ผู้อาวุโส ขอบพระคุณสำหรับความช่วยเหลือ” เซี่ยเถาช่วยพยุงหลี่ชุนฉี เดินมาเบื้องหน้าซูเฉิน โค้งคำนับเขา
“ฉันไม่ได้มาที่นี่เพราะต้องการช่วยพวกคุณ” ซูเฉินกล่าวอย่างเฉยเมย หากไม่ได้อยู่ใกล้ บวกกับการฆ่าสัตว์ร้ายมิติสามารถดรอปชิ้นส่วนได้ เขาจะไม่เสียเวลามาทีนี่เด็ดขาด
“จะยังไงก็แล้วแต่ ข้ายังต้องขอบคุณผู้อาวุโสอยู่ดี”
แม้ซูเฉินจะพูดไม่ค่อยดี แต่หลี่ชุนฉียังคงให้ความเคารพเขาอย่างมาก
ซูเฉินพยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นเอ่ยถามว่า “มีสัตว์ร้ายมิติอยู่แถวนี้อีกรึเปล่า”
“สถานที่แห่งนี้ถือว่าเป็นดินแดนแห้งแล้งในมิติภายนอก แทบไม่มีสัตว์ร้ายมิติอาศัยอยู่รอบๆ”
“ส่วนพวกที่บุกมายังเกาะลี่เจียวคือสัตว์ร้ายมิติเร่ร่อน พวกมันไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ท่องไปในมิติ แล้วบังเอิญพบเกาะลี่เจียวเข้า เลยเกิดความคิดปล้นชิง” หลี่ชุนฉีอธิบาย
“ที่แท้ก็เป็นแบบนี้” ซูเฉินพึมพำ ถามต่อว่า “แล้วคุณเคยได้ยินเรื่องป้อมปราการมิติมาบ้างรึเปล่า?”
งานประลองระดับดวงดาวกำลังจะเริ่มขึ้นในอีกไม่ถึงครึ่งปี เรื่องสำคัญที่สุดในตอนนี้คือการเดินทางไปยังป้อมปราการมิติเพื่อหาฉีมู่เฟิง
กระนั้น ลูกปัดสื่อสารที่ฉีมู่เฟิงมอบให้มีเพียงฟังก์ชั่นนำทางเท่านั้น ไม่ได้บ่งชี้ชัดๆว่าพวกเขาอยู่ห่างกันแค่ไหน
เพื่อไม่ให้พลาดงานใหญ่ ซูเฉินจำเป็นต้องสอบถามเรื่องนี้
“ป้อมปราการมิติ …” หลี่ชุนฉีครุ่นคิดครู่หนึ่ง ก่อนเลียบเคียงถาม “ผู้อาวุโส สถานที่ที่ท่านเรียกว่าป้อมปราการมิติ ใช่ที่อยู่ของตระกูลฉีหรือไม่?”
“ใช่แล้ว”
ดวงตาของซูเฉินเป็นประกาย ในเมื่อหลี่ชุนฉีรู้ว่านั่นคือที่ตั้งของตระกูลฉี เขาก็น่าจะรู้ว่าป้อมปราการมิติอยู่ที่ไหน
หลี่ชุนฉีผ่อนลมหายใจอย่างช้าๆ กล่าวว่า “ป้อมปราการมิติอยู่ห่างจากที่นี่ไม่รู้กี่หมื่นไมล์ ถ้าท่านเดินทางโดยยานอวกาศ โดยระหว่างทางไม่เจอจุดมิติโกลาหลคอยขวางกั้น ข้าคิดว่าน่าจะใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งปี”
หนึ่งปี?
คิ้วของซูเฉินขมวดเข้าหากัน
หากยาวนานถึงหนึ่งปี งานประลองระดับดวงดาวก็จบแล้วน่ะสิ ถึงเวลานั้นไม่ต้องกล่าวถึงเนื้อ กระทั่งน้ำแกงก็ยังไม่ได้ดื่ม การเดินทางในครั้งนี้คงเปล่าประโยชน์
แต่แล้วซูเฉินก็ฉุกคิดได้ทันที ว่าฉีมู่เฟิงเข้าสู่มิติภายนอกเร็วกว่าเขาแค่เดือนเดียวเท่านั้น หากอีกฝ่ายนั่งยานอวกาศ เป็นไปไม่ได้ที่จะกลับไปยังตระกูลฉีในระยะเวลาครึ่งปี
นี่หมายความว่า จะต้องมีทางลัดแน่ๆ
คิดได้แบบนี้ ซูเฉินถามทันที “มีวิธีเดินทางไปยังป้อมปราการมิติที่เร็วกว่านี้ไหม?”
หลี่ชุนฉีตอบ “ผู้อาวุโส ท่ามกลางมิติภายนอก มีสถานที่มากมายที่ตกอยู่ในความครอบครองของหมื่นเผ่าพันธุ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกขุมกำลังใหญ่บางแห่งมีค่ายกลเคลื่อนย้าย แต่ข้าไม่รู้ว่าค่ายกลเหล่านั้นจะสามารถเดินทางไปยังป้อมปราการมิติได้รึเปล่า”
ค่ายกลเคลื่อนย้ายสามารถย่นเวลาเดินทางได้มาก ต่อให้อยู่ไกลกัน แต่ตราบใดที่ผ่านค่ายกลเคลื่อนย้าย ก็จะใช้เวลาแค่พริบตาเดียวเท่านั้น
ซูเฉินสามารถคาดเดาได้ ว่าฉีมู่เฟิงต้องกลับไปยังตระกูลฉีโดยผ่านทางค่ายกลเคลื่อนย้ายแน่ๆ
“แถวนี้มีค่ายกลเคลื่อนย้ายอยู่ที่ไหนบ้าง?” ซูเฉินถาม
“มีค่ายกลเคลื่อนย้ายตั้งอยู่ในป่าหยานเย่” หลี่ชุนฉีตอบ
ป่า?
ซูเฉินเอ่ยถามด้วยความงุนงง “ยังมีป่าอยู่ท่ามกลางมิติภายนอกด้วยหรอ?”
หลี่ชุนฉีอธิบาย “ป่าหยานเย่ตั้งอยู่บนแผ่นดินเล็กๆที่กระจัดกระจาย แต่เพราะมีต้นหยานเย่เพียงชนิดเดียวเท่านั้นที่เติบโตได้ มันเลยได้ชื่อนี้มา”