929-930
1/10
Ep.929
“ผู้อาวุโส ท่านเป็นใครกันแน่?” ซูเฉินพยายามสงบสติอารมณ์ เอ่ยปากถาม
เหตุการณ์แปลกประหลาดที่เกิดขึ้น มันต้องเป็นฝีมือของชายชราลึกลับผู้นี้อย่างแน่นอน
แต่ชายชราลึกลับผู้นี้อยู่ในระดับเทวะขั้นใดกันแน่? แล้วพาเขามาที่นี่ได้อย่างไร?
“เราผู้เฒ่าชื่อหวู่ซาง” ชายชราเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ ก่อนหัวเราะเบาๆว่า “ยังไงก็ตาม ผู้คนจากทุกหมื่นเผ่าพันธุ์เรียกขานข้าว่าผู้ปกครองโลกา!”
ผู้ปกครองโลกา!?
หางตาซูเฉินกระตุก เอ่ยด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง “งั้นท่านก็คือผู้ปกครองแห่งพันธมิตรหมื่นเผ่าพันธุ์!”
ในตอนอยู่ทวีปเผ่าวิญญาณ ซูเฉินเคยได้ยินผู้ทรงเกียรติหวูโหยว กล่าวถึงเรื่องของผู้ปกครองโลกา แต่ไม่เคยคิดว่าจะได้พบเจอกับตัวเอง
มีข่าวลือว่า ผู้ปกครองโลกาอาจเป็นขุมกำลังในขอบเขตเทพเจ้า
ซึ่งซูเฉินรู้ดี ว่าตนเองไม่มีทางต่อกรกับยอดฝีมือในขอบเขตเทพเจ้าได้ ในหัวใจเริ่มเกิดอาการกระสับกระส่าย
“ไม่นึกเลยว่าทั้งๆที่ยังไม่ทันก้าวสู่มิติภายนอก เจ้าก็ดันรู้เรื่องของข้าซะแล้ว ถือว่าไม่ธรรมดาจริงๆ” หวู่ซางหัวเราะ
“ผู้อาวุโส ทำไมท่านถึงพาผมมาที่นี่?” ซูเฉินถามหยั่งเชิง
“เจ้าไม่ต้องกังวล ข้าไม่ได้มีเจตนาร้าย เพียงอยากสนทนาเท่านั้น”
หวู่ซางหัวเราะ น้ำเสียงฟังดูอ่อนโยนมาก
อยากสนทนา?
ผู้ปกครองแห่งหมื่นเผ่าพันธุ์ ยอดฝีมืออันดับหนึ่งในมิติภายนอกแค่ต้องการสนทนากับฉัน?
ผู้ปกครองโลกาว่างขนาดนั้นเลยหรอ?
ซูเฉินถึงกับอ้าปากค้าง เอ่ยถาม “ผู้อาวุโส แล้วท่านมาที่นี่ได้อย่างไร?”
เห็ฯได้ชัดว่าเขาอยู่ระหว่างกระบวนการข้ามผ่านเขตแดน หรือว่ายอดฝีมือระดับขอบเขตเทพเจ้าจะทรงพลังถึงขนาดแทรกแซงกระบวนการนี้ สามารถย้ายคนที่กำลังข้ามไปอีกทวีปมายังอีกมิติหนึ่งได้ตามต้องการ?
“ข้าแค่สื่อสารกับเจ้าผ่านทางจิตเทวะเท่านั้น ร่างต้นของเจ้าได้เข้าสู่ทวีปเผ่าเทพแล้ว เพียงแต่อยู่ในสภาวะหลับไหลก็เท่านั้น” หวู่ซางอธิบายด้วยรอยยิ้ม
สื่อสารผ่านจิตเทวะ?
ซูเฉินถอนหายใจด้วยความโล่งอก ก่อนหันมาถามว่า “เช่นนั้นผู้อาวุโสต้องการคุยกับผมเรื่องอะไร?”
ผู้ปกครองแห่งหมื่นเผ่าพันธุ์ต้องการสนทนา ย่อมไม่ใช่เรื่องไร้สาระอย่างแน่นอน ซูเฉินตระหนักดีถึงประเด็นนี้
“เนื้อหาสนทนาก็ง่ายมาก ข้าต้องการให้เจ้ายอมรามือ หยุดไล่ล่าผู้คนต่างเผ่าอีกต่อไป” หวู่ซางกล่าวด้วยใบหน้าเที่ยงธรรม
ยอมรามือ?
ซูเฉินไม่คิดว่าหวู่ซางจะเอ่ยเรื่องนี้กับเขา อย่างไรก็ตาม ปรารถนาให้เขายอมปล่อยมือจากพวกต่างเผ่า ไม่ใช่อะไรที่จะขอกันได้ง่ายๆแบบนั้น ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องความบาดหมางระหว่างแต่ละฝ่ายที่ไม่อาจแก้ไขได้
กุญแจสำคัญเลยก็คือการสังหารพวกมัน เท่ากับดรอปชิ้นส่วน หากไม่มีชิ้นส่วน แล้วเขาจะพัฒนาความแข็งแกร่งของตัวเองอย่างรวดเร็วได้อย่างไร?
“ผู้อาวุโส พวกต่างเผ่าสามารถสังหารผู้ฝึกตนเผ่ามนุษย์ของผมได้ แล้วทำไมผมถึงฆ่าพวกมันไม่ได้?”
ซูเฉินไม่ยินดีประนีประนอม ใช้เหตุผลเข้าโต้เถียง
หวู่ซางส่ายหัว ถอนหายใจ “การต่อสู้ระหว่างเผ่าพันธุ์อื่นๆและเผ่าพันธุ์มนุษย์ ถือว่าเป็นการต่อสู้เล็กๆน้อยๆเท่านั้น มันไม่มากพอให้เจ้าถึงขั้นต้องเลาะเอ็นเฉือนกระดูกพวกเขา เจ้าน่ะขยับตัวแต่ละที เอะอะก็จะล้างเผ่าพันธุ์คนอื่นไปซะหมด!”
ซูเฉินถูจมูกแก้เขิน กล่าวเสียงขรึมว่า “ที่ผู้อาวุโสต้องการจะสื่อก็คือ พวกต่างเผ่ารังแกผมได้ แต่ห้ามผมตอบโต้กลับ?”
อันที่จริง คำพูดของหวู่ซางก็ไม่ถือว่าผิดซะทีเดียว แต่ซูเฉินก็ยังไม่อยากยอมรับอยู่ดี
ต่อให้เป็นยอดฝีมือขอบเขตเทพเจ้าแล้วยังไง? เป็นขอบเขตเทพเจ้าแล้วจะสั่งเขาตามอำเภอใจ แบบนี้ได้หรอ?ไ
หวู่ซางยิ้มขม กล่าวว่า “สิ่งที่เจ้าพูด ราวกับว่าเผ่าพันธุ์อื่นสร้างความคับข้องใจแก่เจ้ามาก ทั้งๆที่เวลาเผ่าพันธุ์อื่นเจอเจ้า พวกเขาม่ต่างจากหนูที่เจอแมว จะหลบซ่อนจากเจ้าก็ทำไม่ได้ เจ้าโหดร้ายถึงเพียงนี้ ยังมีใครกล้าล่วงเกินเจ้าอีก?”
“นั่นมันตอนนี้ ในอดีตพวกมันรังแกผมไว้มาก!” ซูเฉินกล่าวอย่างเฉยชา
แม้ในอดีต พวกต่างเผ่าก็เคยถูกเขาแก้แค้น ประสบความสูญเสียอย่างใหญ่หลวงไปแล้วก็จริง แต่ที่พูดออกไป ก็เพื่อหักล้างเหตุผลของหวู่ซาง
หวู่ซางครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง ก่อนกล่าวว่า “เช่นนั้นแล้วต้องทำอย่างไรเจ้าถึงจะยอมปล่อยพวกเขาไป? ตราบใดที่คำขอเจ้าไม่มากเกินไป ข้าในฐานะผู้ปกครองโลกายินดีให้สัญญาแทนพวกเขาได้”
2/10
Ep.930
“ผู้อาวุโส ทำไมท่านถึงต้องช่วยพวกต่างเผ่าพวกนั้นด้วย?” ซูเฉินถามด้วยความสงสัย
เมื่อไปถึงขอบเขตเทพเจ้า หวู่ซางสมควรละทางโลก และมุ่งมั่นไปกับการฝึกตนเท่านั้นไม่ใช่หรอกหรอ?
“เรื่องบางเรื่อง จำเป็นต้องมาอยู่ในจุดเดียวกับข้าเท่านั้นจึงจะรู้ได้” หวู่ซางกล่าวด้วยน้ำเสียงที่แฝงความหมายลึกล้ำ ก่อนหัวเราะอีกครั้ง “ศัตรูของหมื่นเผ่าพันธุ์ของพวกเราคือสัตว์ร้ายมิติ หากเจ้าสังหารพรรคพวกจากหมื่นเผ่าพันธุ์จนหมดสิ้น แล้วใครจะช่วยเจ้ารับมือกับพวกมัน?”
“ขอแค่มีท่าน สัตว์ร้ายมิติยังกล้ากำเริบเสิบสานอีกหรือ?” ซูเฉินกล่าวตามตรง
ยอดฝีมือในขอบเขตเทพเจ้าสามารถพลิกฟ้าถมทะเล แล้วใครจะกล้าต่อกรกับขอบเขตเทพเจ้าอีก?
“เจ้ารู้เพียงหนึ่ง แต่ยังไม่รู้อีกหนึ่ง” หวู่ซางอธิบาย “ทางสัตว์ร้ายมิติเองก็มียอดฝีมือในขอบเขตเทพเจ้าเช่นกัน พวกเราได้ทำข้อตกลงกันมานานแล้ว ว่าจะไม่ลงมือตามใจชอบ”
ซูเฉินครุ่นคิดครู่หนึ่ง ก่อนกล่าวว่า “ผู้อาวุโส ต่อให้ท่านปกป้องขยะพวกนั้นไป พวกมันก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของสัตว์ร้ายมิติอยู่ดี แบบนี้มันจะไม่เป็นการสิ้นเปลืองทรัพยากรฝึกฝนหรือ?”
หวู่ซางยอมเอ่ยถึงจุดนี้ หากเปลี่ยนเป็นคนอื่นคงยอมตอบตกลงเขาไปนานแล้ว แต่ซูเฉินยังคงไม่มีความคิดจะปล่อยพวกต่างเผ่าไปง่ายๆ
“พวกเขาเป็นขยะในสายตาเจ้า แต่ขยะก็ยังมีโอกาสเติบโต หากโดนเจ้ากุดหัว แล้วพวกเขาจะยังหาโอกาสได้จากที่ไหนอีก?” หวู่ซางอธิบาย
“ผู้อาวุโส มีเรื่องหนึ่งที่ผมไม่เข้าใจ”
ในสมองของซูเฉินเริ่มปั่นความคิด กล่าวอย่างช้าๆว่า “ด้วยความแข็งแกร่งของท่าน มันง่ายมากหากคิดจัดการกับผม แล้วทำไมท่านถึงไม่ใช้กำลังหยุดผมซะเลยล่ะ?”
เผชิญหน้ากับขอบเขตเทพเจ้า ซูเฉินไม่เหลือที่ว่างให้ต่อต้าน
“จัดการกับเจ้า?” หวู่ซางหัวเราะ “เจ้าสำคัญกับข้ามาก แล้วจะให้ข้าจัดการเจ้าได้อย่างไร?”
สำคัญกับท่าน?
ซูเฉินรู้สึกสับสนเล็กน้อย ก็ในเมื่อเขาสำคัญ งั้นไม่ใช่ว่าอีกฝ่ายต้องสนับสนุนเขาทุกเรื่องหรอกหรือ เหตุใดต้องห้ามไม่ให้เขาฆ่าพวกต่างเผ่าด้วย?
“ผู้อาวุโส ท่านหมายความว่ายังไงกันแน่? ช่วยอธิบายให้มันชัดเจนกว่านี้หน่อยจะได้ไหม” ซูเฉินเอ่ยถาม
“ยังคงเป็นประโยคเดิม รอเจ้ามาอยู่ในจุดเดียวกับข้าเมื่อไหร่ แล้วเจ้าจะเข้าใจเอง ตอนนี้ถึงพูดไปก็ไม่มีประโยชน์” หวู่ซางหัวเราะฮะฮ่า
หวู่ซางกำลังเก็บงำความลับอะไรบางอย่าง นี่ทำให้ซูเฉินรู้สึกอึดอัดมาก แต่เขาไม่สามารถทำอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ หลังจากครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง ก็เอ่ยว่า
“ผู้อาวุโส ถึงบนทวีปแผ่นดินใหญ่ผมจะฆ่าพวกต่างเผ่าไม่ได้ แต่ถ้าเป็นในมิติภายนอก คงไม่มีปัญหาใช่ไหม”
เหล่าระดับเทวะจากเผ่ามนุษย์และพวกต่างเผ่า ล้วนกำลังพยายามกำจัดเขา ซูเฉินลอบสาบานมานานแล้ว ว่าจะขุดรากถอนโคนพวกมันให้หมด เรื่องนี้ไม่มีทางยอมเลิกราได้ ต่อให้ต้องกระตุกหนวดหวู่ซางก็ตามที
“ถ้าเข้าสู่มิติภายนอกแล้ว อยากทำอะไรก็ตามใจเจ้าเถอะ หากพวกเขาตายด้วยน้ำมือเจ้า ก็ได้แต่โทษตัวเองว่าไม่แกร่งพอ ข้าจะไม่เข้าไปวุ่นวาย” หวู่ซางรับประกัน กล่าวต่อว่า “แต่แน่นอน ในกรณีที่เจ้าตกอยู่ในอันตราย ข้าก็จะไม่เข้าไปช่วยเหลือเช่นกัน”
ซูเฉินพยักหน้า “ในเมื่อพวกเราตกลงกันได้แล้ว ถึงเวลาพูดถึงค่าชดเชยซักที”
“เจ้าว่ามาสิ” หวู่ซางกล่าวอย่างเฉยเมย
“เห็นแก่หน้าผู้อาวุโส ผมคงไม่ขออะไรมากมาย แค่ให้พวกต่างเผ่าที่เคยล่วงเกินผม โดยเฉพาะอย่างยิ่งสุดยอดห้าเผ่าพันธุ์ ส่งมอบหัวใจจักรกลหนึ่งร้อยดวง และแร่ที่สามารถใช้ยกระดับมหาเพลิงเอกลักษณ์ร้อยก้อนมาให้ก็พอ”
สิ่งที่พอมีประโยชน์ต่อเขา นอกจากชิ้นส่วนแล้วก็มีสองสิ่งนี้
แน่นอน ว่าที่จำนวนมากขนาดนี้ ซูเฉินเพียงเอ่ยอย่างลวกๆ รอให้หวู่ซางต่อรอง
หวู่ซางถึงกับอ้าปากค้าง เขารู้อยู่แล้วว่าซูเฉินจะถือโอกาสนี้ทำตัวเป็นสิงโตปากกว้าง แต่ไม่นึกเลยว่าจะโหดเหี้ยมขนาดนี้
“หัวใจจักรกล 20 ดวง แร่สำหรับยกระดับมหาเพลิงเอกลักษณ์ 20 ก้อน ส่วนที่เหลือข้าจะชดใช้ให้เจ้าด้วยสมบัติอื่น” หวู่ซางกล่าว