ตอนที่ 15 ความฝันของสการ์เล็ต
ตอนที่ 15 ความฝันของสการ์เล็ต
ติดตามข่าวสาร/พูดคุยเสนอแนะความคิดเห็นได้ที่เพจผู้แปล FB: ND Translate นิยายแปลไทย
[เวทมนตร์ระดับเงิน: นักรบวารี]
[ผล: ทำให้ผู้ใช้อัญเชิญนักรบระดับทองแดงจากน้ำได้ จำนวนที่อัญเชิญขึ้นอยู่กับระดับเวทมนตร์ที่เชี่ยวชาญ นักรบวารีจะมีจิตสำนึกอยู่ในระดับหนึ่ง ถ้าหากนักรบวารีอยู่ไกลจากผู้อัญเชิญมากไป มันจะสลายหายไปเอง]
ข้อมูลเกี่ยวกับนักรบวารีได้ปรากฏขึ้นในใจของวัตสัน
“สมกันเป็นเวทมนตร์ระดับเงินจริงๆ ถ้าหากฉันมีพลังเวทมากพอ ฉันก็คงอัญเชิญนักรบวารีหลายหมื่นตัวได้เลยสินะ?”
เมื่อลองนึกภาพนักรบระดับทองแดงจำนวนมากปรากฏตัวทั่วทั้งพื้นที่ เพียงแค่ยืนเฉยๆ มันก็เพียงพอแล้วที่จะข่มขู่ให้ศัตรูกลัวได้
น่าเสียดายที่ความคิดของวัตสันไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นง่ายนัก
ความแข็งแกร่งของนักเวทย์จะถูกกำหนดโดยเหตุผลสำคัญสองข้อ ข้อแรกก็คือระดับของเวทมนตร์ ส่วนอีกข้อก็คือความสามารถของผู้ใช้เวทมนตร์ ระดับของเวทมนตร์ถือเป็นตัวกำหนดของขีดจำกัดพลังเวทต่ำสุดที่สามารถใช้งานได้ ในขณะที่ความสามารถของผู้ใช้เวทมนตร์จะถือเป็นตัวกำหนดขีดจำกัดสูงสุดของพลังเวทแทน
พลังเวทระดับเดียวกันอาจจะทรงพลังมากขึ้นได้ตามความแข็งแกร่งของผู้ใช้เวท ในโลกใบนี้มีนักเวทย์บางคนที่สามารถใช้เวทมนตร์ลูกบอลน้ำ เวทมนตร์ระดับเหล็กให้มีพลังรุนแรงเทียบเท่ากับพลังทำลายร้างของอุกกาบาตได้
ความสามารถของผู้ใช้เวทมนตร์คนหนึ่งจะสามารถเพิ่มขึ้นได้จากการฝึกใช้เวทมนตร์อย่างต่อเนื่อง วัตสันเป็นเพียงมือใหม่ที่กำลังเริ่มฝึกฝนเท่านั้น เพราะแบบนั้นพลังเวทมนตร์รวมไปถึงประสบการณ์จึงมีไม่มากนัก ถ้าหากวัตสันใช้พลังทั้งหมดที่มีในตอนนี้ ตัวเขาก็คงจะสามารถควบคุมนักรบวารีได้กว่าหลายร้อยตัวเพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น ถ้าหากวัตสันต้องการให้นักรบวารีคงอยู่ตลอดทั้งวัน ตัวเขาก็คงจะสามารถอัญเชิญนักรบวารีได้เพียงสิบตนเท่านั้น
เมื่อมองไปที่นักรบวารีกว่า 100 ตัวในทุ่งรกร้าง วัตสันก็อยากจะตะโกนสั่งการนักรบทุกตน แต่เมื่อเวลาผ่านไปไม่กี่นาทีเท่านั้น วัตสันก็ตระหนักได้ถึงพลังเวทมนตร์ที่เริ่มจะจางหายไป ท้ายที่สุดวัตสันก็ปล่อยให้นักรบวารีเหลือเพียงสิบตนเท่านั้น ภายใต้เมฆดำที่ปกคลุม วัตสันได้สั่งการให้นักรบทั้งหมดที่เหลืออยู่เปลี่ยนอาวุธที่มีให้กลายเป็นเคียวยาว วัตสันกำลังสั่งการให้นักรบทุกตนจัดการกับวัชพืชนั่นเอง
ฉั๊วะ!
ฉั๊วะ!
ทุกครั้งที่นักรบวารีที่สูงกว่าสามเมตรกวัดแกว่งเคียว พื้นที่โดยรอบก็เริ่มที่จะดูเรียบร้อยขึ้น
ในช่วงเวลาสั้นๆ นักรบวารีสิบตัวก็เริ่มออกเดินไปยังพื้นที่ต่อไป “ถ้าหากเคลียร์พื้นที่ด้วยความเร็วแบบนี้ได้ นักรบวารีจะต้องจัดการกับวัชพืชทั้งหมดได้ภายในครึ่งวันแน่ เมื่อถึงตอนนั้นพี่สามพี่สี่ก็คงจะกลับมาพอดี พวกเราจะต้องปลูกพืชได้อีกครั้งแน่”
ก่อนที่ซีคและซีโน่จะจากไป วัตสันได้ขอให้ผู้เป็นพี่ทั้งสองขอเมล็ดข้าวสาลีบางส่วนกลับมาด้วย ตัวเขาตั้งใจที่จะเก็บเมล็ดพืชที่มีมาฟิวชั่นกัน เมื่อถึงตอนนั้นภายในบ้านของวัตสันจะต้องมีอาหารมากขึ้นแน่
วัตสันยังคงครุ่นคิดต่อไป นักรบวารีทั้งหลายก็ยังคงทำตามคำสั่งของวัตสันอย่างขยันขันแข็งต่อ
...
เวลาสองวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว สี่วันแล้วที่ซีคและซีโน่ออกจากบ้านไป
ในช่วงเวลาสองวันมานี้ วัตสันได้ดูแลฟาร์มไก่ในตอนเช้าและได้ฝึกฝนต่อสู้กับวินเซนต์เป็นครั้งคราว
หลังจากที่วินเซนต์ได้รับเสื้อกั๊กหนามและดาบวายุไป ตัวเขาก็เริ่มรู้สึกแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น และเพราะแบบนั้นวินเซนต์จึงอยากจะฝึกฝนต่อสู้กับวัตสัน วัตสันเองก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไร ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะตัวเขาเองอยากที่จะฝึกฝนเช่นกัน
แม้ว่าจะเป็นการฝึกฝนต่อสู้กับผู้เป็นพี่ แต่วัตสันก็ยังต้องออมมืออยู่ดี วัตสันเลือกที่จะไม่ใช้ปีกฟินิกซ์ในการต่อสู้แต่ตัวเขาก็ยังชนะการต่อสู้กว่าหลายครั้ง ในที่สุดวัตสันก็เริ่มจงใจยอมแพ้ให้กับผู้เป็นพี่ บางครั้งกำลังใจและความมั่นใจก็เป็นสิ่งสำคัญที่จะให้ผู้เป็นพี่แข็งแกร่งขึ้น
ในเช้าของวันนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างยังคงเป็นเช่นเดิม ภาพของฤดูใบไม้ผลิที่ด้านนอกดูยอดเยี่ยมยิ่งกว่าวันไหนๆ วัตสันเลือกที่จะเดินไปยังฟาร์มไก่ตามปกติ แต่ในตอนนั้นเองตัวเขาก็ถูกผู้เป็นพี่สาวขวางทางไว้ซะก่อน สการ์เล็ตเป็นผู้ที่ขวางวัตสันเอาไว้
“วัตสัน นายไปล่าสัตว์กับฉันไหม?”
สการ์เล็ตมาพร้อมกับธนูไม้บนหลัง สายธนูที่มีดูเหมือนจะเป็นเส้นใหม่ มันดูโค้งงดงามมากกว่าสายธนูคันเก่ามาก ใบหน้าของสการ์เล็ตดูดีขึ้น มันเป็นผลจากการกินอาหารที่ดีในช่วงไม่กี่วันมานี้
วัตสันได้แต่ชื่นชมความสวยงามของผู้เป็นพี่ ยังไงซะเด็กสาวก็ย่อมที่จะมีพัฒนาการเร็วกว่าเด็กผู้ชาย สการ์เล็ตเพิ่งจะมีอายุได้ 11 ขวบเท่านั้น แม้ว่าอายุจะห่างจากวัตสันเพียงแค่ปีเดียว แต่พัฒนาการที่สการ์เล็ตมีมันช่างแตกต่าง ไม่ว่าจะยังไงวัตสันก็ทำได้แค่เพียงชื่นชมเท่านั้น ยังไงซะตัวเขาก็ยังเป็นน้องชายของสการ์เล็ตอยู่ดี แม้ว่าตัวเขาจะมาจากต่างโลก แต่ความจริงที่ร่างกายนี้เป็นน้องชายก็ยังไม่หายไปไหน
“ฉันต้องดูแลฟาร์มไก่น่ะ...”
ก่อนที่วัตสันจะพูดจบ สการ์เล็ตได้เดินมาหาด้วยความไม่พอใจก่อนที่จะคว้าหูของวัตสันเอาไว้ “พี่ใหญ่จะดูแลฟาร์มไก่แทนนายเอง นายน่ะไม่จำเป็นเลยที่จะต้องอยู่ที่นั่น พี่ใหญ่ก็เพิ่งจะได้อุปกรณ์ระดับทองแดงมา เขาจะต้องขยันขันแข็งมากกว่าเดิมแน่ แล้วเมื่อไหร่นายจะสร้างอุปกรณ์ให้ฉันบ้างล่ะ?” สการ์เล็ตเหลือบมองธนูไม้ที่อยู่ด้านหลัง
ไม่แปลกเลยที่สการ์เล็ตจะไม่พอใจ สการ์เล็ตเป็นเพียงคนเดียวที่คอยพาวัตสันออกไปล่าสัตว์ คอยดูแลวัตสันมาเป็นอย่างดี แต่เมื่อผู้เป็นพี่ใหญ่กลับมา วินเซนต์ก็ได้รับอุปกรณ์ระดับทองแดงไป ไม่แปลกเลยที่สการ์เล็ตจะไม่พอใจแบบนี้ มันเป็นเหมือนกับเรื่องไม่ยุติธรรมสำหรับเธอ
“ฉันไม่ค่อยมีเวลาน่ะ” วัตสันไม่ได้มีวัตถุดิบเพียงพอ เพราะแบบนั้นตัวเขาจึงไม่อาจฟิวชั่นของให้กับผู้เป็นพี่สาวได้
“หืม? นายน่ะก็แค่ลำเอียง ฉันจะถามนายอีกครั้ง นายจะไปล่าสัตว์กับฉันไหม?”
วัตสันที่ได้ฟังแบบนั้นมีท่าทีลำบากใจ หูของวัตสันเริ่มเปลี่ยนสีมากยิ่งขึ้น ตัวเขาที่รู้สึกเจ็บปวดจนไม่สามารถที่จะปฏิเสธอะไรได้อีก “ฉันจะไปล่าสัตว์ด้วย หยุดดึงได้แล้ว”
...
“วัตสัน ดูนั่นเร็วเข้า! ฉันยิงกระต่ายไปแล้วสองตัวน่ะ” สการ์เล็ตรีบวิ่งเข้าไปในป่าก่อนที่จะอุ้มกระต่ายสีขาวราวกับหิมะสองตัวออกมา กระต่ายแต่ละตัวถูกลูกธนูปักอยู่ที่หัว
ในอดีตการล่าสัตว์ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แต่ก็เพราะไข่หลากสี ไข่ของไก่หอมหวนห้าสีที่สการ์เล็ตได้กินไปจึงทำให้เธอสามารถล่าสัตว์ได้มากยิ่งขึ้น มันเป็นผลของพละกำลังที่ได้มานั่นเอง
ทั้งสองคนอยู่ในสถานที่ที่เรียกว่าป่าหมอก มันเป็นสถานที่ที่อยู่ไม่ไกลจากบ้านของวัตสันมากนัก ภายในป่ามักจะมีหมอกจางๆ ลอยอยู่เสมอ นอกจากนี้ก็ยังมีสัตว์ป่าขนาดเล็กปรากฏตัวอยู่บ่อยครั้ง มันเป็นสถานที่สาธารณะสำหรับล่าสัตว์ของฟาร์มใกล้เคียง ว่ากันว่าที่ส่วนลึกของป่ามีสัตว์วิเศษทรงพลังอาศัยอยู่ เป็นเพราะม่านหมอกที่หนาจนเกินไปจึงมีนักผจญภัยไม่กี่คนเท่านั้นที่กล้าเข้าไป
วัตสันและสการ์เล็ตอยู่ที่เนินเขาเล็กๆ ใกล้ๆ กับด้านนอกป่า
วัตสันที่แอบอยู่หลังต้นไม้ใหญ่ได้แต่พูดชมเชยผู้เป็นพี่ “เยี่ยมมาก พี่นี่สุดยอดจริงๆ”
แม้ว่าจะพูดแบบนั้นแต่สีหน้าของวัตสันก็ไม่ได้ตื่นเต้นแต่อย่างใด ยังไงซะจิตวิญญาณที่วัตสันมีก็เคยเป็นผู้ใหญ่มาก่อน สการ์เล็ตเป็นเพียงแค่เด็กในสายตาของเขา วัตสันมักจะใช้เวลาที่มีไปกับการทำสมาธิ การทำสมาธิเป็นวิธีการที่จะช่วยเพิ่มความสามารถในการใช้เวทมนตร์ การจะทำสมาธิได้เบื้องต้นผู้ทำสมาธิจะต้องไม่ปลดปล่อยเวทมนตร์อะไรออกมา รายละเอียดในการทำสมาธิทุกอย่างถูกบันทึกไว้ในสารานุกรมเวทมนตร์พื้นฐานที่วัตสันเคยอ่านมาแล้ว
เมื่อได้ยินคำชื่นชมของวัตสัน สการ์เล็ตก็รู้สึกมีความสุขมากยิ่งขึ้น “นายน่ะพูดถูกแล้ว แม้แต่ท่านพ่อเองก็ยังชื่นชมฝีมือการยิงธนูของฉัน นายอยากจะเรียนไหมล่ะวัตสัน?”
“ไม่ดีกว่า” วัตสันรีบปฏิเสธไป
“ฉันรู้ว่านายกำลังฝึกฝนใช้เวทมนตร์อยู่ แต่นายน่ะอย่าคิดดูถูกการยิงธนูจะดีกว่า แม้ว่าเวทมนตร์จะทรงพลังแต่มันก็ไม่ใช่ของที่จะใช้จัดการกับเหยื่อที่อยู่ไกลกว่าพันเมตรได้หรอกนะ”
ความฝันของสการ์เล็ตคือการเป็นนักธนูผู้ยิ่งใหญ่ ในการที่จะเป็นนักธนูได้คนคนนั้นจะต้องทำสัญญากับเหล่าเอลฟ์ มันเป็นวิธีการที่จะต้องใช้เงิน ในอดีตครอบครัวของสการ์เล็ตไม่มีเงินมาก่อน แต่ก็เพราะไก่หอมหวนห้าสีจึงทำให้ความฝันของสการ์เล็ตดูเป็นไปได้ขึ้นมาอีกครั้ง สการ์เล็ตที่เปี่ยมไปด้วยไฟจึงรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมากเมื่อเห็นวัตสันไม่สนใจการยิงธนู
“การยิงธนูน่ะทำทุกอย่างเหมือนกับที่เวทมนตร์ทำได้ทั้งนั้นแหละ”
เพื่อไม่ให้ผู้เป็นพี่สาวคนนี้พูดด้อยค่าเวทมนตร์ต่อไป วัตสันจึงตัดสินใจชูมือขึ้น เพียงแค่ชั่วพริบตาเดียวเท่านั้นเมฆดำก็ได้มารวมตัวกัน ในที่สุดน้ำจำนวนมากก็ได้เทมาจากเมฆดำ น้ำที่ถูกเทลงมาได้กลายเป็นนักรบวารีผู้ถือหอกแทน
การกำเนิดของนักรบวารีดูยิ่งใหญ่ราวกับเทพเจ้าลงมาจุติ
นักรบวารีที่ถือกำเนิดขึ้นรีบพุ่งเข้าไปในป่า มันได้ใช้หอกในมือกวัดแกว่งไปมาอย่างรวดเร็ว ในเวลาอันสั้นนักรบวารีก็ได้กลับมาพร้อมกับกระต่ายกว่าสิบตัว
สการ์เล็ตที่เห็นแบบนั้นก็ได้แต่อ้าปากค้าง สการ์เล็ตจะต้องใช้ความพยายามอย่างหนักก็เพื่อที่จะจับกระต่ายเพียงแค่ตัวเดียว เธอไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าเวทมนตร์จะทำให้ล่ากระต่ายได้มากขนาดนี้
สการ์เล็ตเหลือบมองธนูที่อยู่ในมือ เมื่อได้เห็นเวทมนตร์ธนูในมือของเธอก็ไม่มีประโยชน์อะไรอีกต่อไป สุดท้ายแล้วสการ์เล็ตตัดสินใจโยนคันธนูที่มีทิ้งก่อนจะเดินไปหาวัตสัน “วัตสัน ช่วยสอนเวทมนตร์ให้ฉันที”
สการ์เล็ตเคยใฝ่ฝันที่จะกลายเป็นนักธนูมาโดยตลอด แต่แล้วความฝันของเธอก็ได้เปลี่ยนแปลงไปเมื่อได้พบกับเวทมนตร์
ติดตามข่าวสาร/พูดคุยเสนอแนะความคิดเห็นได้ที่เพจผู้แปล FB: ND Translate นิยายแปลไทย