WS บทที่ 285 ด่านที่สอง
“เจ้าผ่านการทดสอบ!”
เมอร์ลินถอนหายใจเล็กน้อย เขาผ่านด่านทดสอบในครั้งนี้เป็นเพราะเขาฉวยโอกาสจากช่องว่างของการทดสอบ เปลวไฟไม่ได้ลอกเลียนแบบดวงใจแห่งความมืดของเมอร์ลินซึ่งทำให้เมอร์ลินสามารถใช้การเสริมพลังของดวงใจแห่งความมืดบนคาถาธาตุมืดเพื่อผ่านด่านทดสอบแรกได้
สิ่งนี้ยังแสดงให้เห็นว่าความสามารถในการจำลองของด่านทดสอบแรกนั้นไม่สมบูรณ์ อย่างน้อยที่สุด ดวงใจแห่งความมืดของเมอร์ลินและคาถาที่ได้รับการปรับปรุงของเขาก็ไม่สามารถเลียนแบบได้
ดวงตาของเปลวไฟกำลังแผดเผาขณะที่เขากวาดสายตามองเมอร์ลินอย่างเข้มข้น จากนั้นเขาพูดด้วยน้ำเสียงที่สงบว่า
“มีสิ่งหนึ่งที่ข้าต้องบอกให้เจ้ารู้ ด่านทดสอบแรกไม่ได้มีไว้สำหรับนักเวทย์ทั่วไป หากข้าจำไม่ผิดสายธารแห่งความมืดของเจ้าเป็นเพียงคาถาระดับสองแต่มันมีพลังมหาศาลมากจนผิดปกติ เจ้าคงได้รับการฝึกฝนดวงใจแห่งความมืดมาใช่ไหม? พวกพลังปีศาจแพนโดร่าที่สามารถรวมเข้ากับรวมเข้ากับคาถาเท่านั้นที่ไม่เลียนแบบได้”
เมอร์ลินไม่พูดอะไร ทำให้ข้อสันนิษฐานของเปลวไฟเป็นความจริง
“เอาล่ะ ไปกันเถอะ เจ้าผ่านด่านทดสอบแรกไปแล้วแต่มีอีกสองด่านทดสอบรอเจ้าอยู่!” เปลวไฟพูดในขณะที่เขาจ้องมองเมอร์ลิน
ในขณะเดียวกัน เมอร์ลินก็เหลือบมองพ่อมดเบย์ตันที่อยู่ข้าง ๆ เขา ไม่มีทางที่จะผ่านด่านทดสอบแรกไปได้ การทิ้งเขาไว้ที่นั่นย่อมเหมือนกับส่งเขาไปสู่ความตายอย่างไม่ต้องสงสัย
หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เมอร์ลินก็เงยหน้าขึ้นมองและถามเปลวไฟว่า “ถ้าฉันผ่านด่านทดสอบทั้งสามแล้ว คุณจะปล่อยให้พ่อมดเบย์ตันออกไปได้ไหม?”
"ปล่อย? หีหี เรื่องนั้นข้าทำให้ได้แต่มันก็ขึ้นอยู่กับเจ้าว่าจะผ่านด่านทดสอบทั้งสามด่านได้รึเปล่า!”
แม้ว่าเปลงไฟไม่ได้ตอบโดยตรงแต่เขาได้เปิดเผยข้อมูลทางอ้อม ตราบใดที่เมอร์ลินผ่านด่านทั้งสาม มันก็เป็นไปได้ที่พ่อมดเบย์ตันจะจากไปอย่างปลอดภัย
ด้วยความคิดนั้น เมอร์ลินจึงหันพูดกับพ่อมดเบย์ตันว่า “พ่อมดเบย์ตัน รออยู่เงียบ ๆ ที่นี่ไปก่อนนะ อย่าพยายามผ่านด่านทดสอบเด็ดขาด”
พ่อมดเบย์ตันพยักหน้า สีหน้ามีความหวังปรากฏขึ้น เขายิ้มและกล่าวว่า “พ่อมดเมอร์ลิน ผมเชื่อว่าท่านจะสามารถผ่านด่านทดสอบทั้งสามนี้ได้อย่างแน่นอน!”
หลังจากนั้น เมอร์ลินก็เดินตามเปลวไฟและค่อย ๆ ออกจากห้องไป เขาเข้าไปในทางเดินยาวและจากนั้นก็มาถึงห้องหินมืดอีกห้องหนึ่ง
ห้องหินนี้แห้งมากและมีกลิ่นเหม็นของฝุ่นในอากาศ ดูเหมือนว่าไม่มีใครเข้ามาเป็นเวลานาน
มีโทเท็มเพลิงอยู่ในห้องหินแห้ง โทเท็มเพลิงเหล่านี้ดูสว่างสดใสและดูเหมือนสามารถจุดไฟได้
“เอาล่ะ นี่คือด่านทดสอบที่สอง!” เปลวไฟประกาศช้า ๆ หลังจากที่เขาพาเมอร์ลินไปที่ห้องหิน
“ที่นี่คือด่านทดสอบที่สอง? แล้วผู้พิทักษ์อยู่ที่ไหน?” เมอร์ลินมองไปรอบ ๆ แต่ไม่พบผู้พิทักษ์ตนใด
“ผู้พิทักษ์? ด่านที่สองไม่มีผู้พิทักษ์ เจ้าต้องอยู่ในห้องหินนี้เพียงครึ่งชั่วโมงเท่านั้น เจ้าต้องอดทนกับไฟที่ลุกโชติช่วงจะมาจากโทเท็มเพลิงเหล่านี้ เจ้าสามารถใช้เวทย์มนตร์หรือแม้แต่พลังปีศาจแพนโดร่าได้แต่เจ้าไม่สามารถใช้อุปกรณ์เวทมนต์ประเภทป้องกันได้ ดังนั้นคุณต้องถอดเสื้อคลุมสองตัวนั้นออก” เปลวไฟแนะนำกฎของด่านทดสอบสองซึ่งเกี่ยวข้องกับการเอาชีวิตรอดจากเปลวไฟที่แผดเผาภายในห้อง
หลังจากที่เห็นกฎของด่านที่สอง เมอร์ลินก็ยิ่งมั่นใจมากขึ้นว่าเจ้าของโบราณสถานแห่งนี้จะต้องมีความเชี่ยวชาญในคาถาธาตุไฟที่สูงมาก ความอดทนของเปลวไฟที่ลุกไหม้นี้เป็นสิ่งที่บ่งบอกได้อย่างชัดเจน
แม้ว่าเมอร์ลินจะสร้างคาถาธาตุไฟและมีพลังปีศาจแพนโดร่าธาตุไฟก็ตาม แต่ก็เขาไม่รู้ว่าเขาจะทนต่อเปลวไฟที่ร้องแรงได้หรือไม่
อย่างไรก็ตาม เมื่อเขามาถึงด่านทดสอบสองแล้ว เมอร์ลินก็อยากจะลอง
“ฉันพร้อมแล้ว เริ่มด่านทดสอบที่สองได้เลย!” เมอร์ลินพูดกับเปลวไฟด้วยสีหน้าจริงจัง
เปลวไฟพยักหน้าแล้วเหวี่ยงมือออกอย่างแรงและประตูห้องหินก็ปิดสนิททันที
“โทเท็มเพลิง ทำงานได้!”
เมื่อเสียงของเปลวไฟสิ้นสุดลง อุณหภูมิของห้องหินทั้งหมดก็สูงขึ้นอย่างรวดเร็ว โทเท็มเพลิงที่เจิดจ้าบนผนังโดยรอบดูเหมือนจะ ‘มีชีวิต’ ไฟเริ่มลอยออกมาจากโทเท็มเพลิงและลามไปทั่วห้องหินทั้งหมด
เมอร์ลินสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วร่าย ม่านธรณีทันที เขาพร้อมที่จะปลดปล่อยดัชนีเยือกแข็งทุกเมื่อ
ไม่นานนัก ไฟได้มาที่ห่อหุ้มเมอร์ลินและม่านธรณีของเขาก็ถูกเจาะทันทีที่สัมผัสกับไฟเหล่านี้
ยิ่งกว่านั้น เมอร์ลินพยายามจะปล่อยน้ำค้างเยือกแข็ง แต่มันถูกไฟระเหยไปในทันทีก่อนที่มันจะกลั่นตัวเป็นผลึกน้ำแข็ง ความร้อนแรงของไฟเหล่านี้ดูน่ากลัวกว่าเพลิงวินาศของเมอร์ลิน
“พลังปีศาจแพนโดร่า ดัชนีเยือกแข็ง!”
ขณะที่เมอร์ลินปลดปล่อย ดัชนีเยือกแข็ง มันสามารถแช่แข็งเปลวไฟบางส่วนได้แต่ในไม่ช้า ไฟขนาดใหญ่ได้ละลายผลึกน้ำแข็งจนหมด
“แม้แต่ดัชนีเยือกแข็งก็ไม่ได้ผล!”
เมอร์ลินสูดหายใจเข้าอย่างแรง เขาไม่ได้ตั้งใจผ่านด่านทดสอบในครั้งแรก เขาแค่ต้องการดูว่าการทดสอบด่านที่สองนี้ต้องทำอะไรบ้าง ดูเหมือนว่าการทดสอบนี้จะดูความเข้าใจในพลังธาตุไฟ
ตัวเขาเป็นเพียงนักเวทย์ระดับหนึ่งเท่านั้น เขาจะเข้าใจความลึกลับอันลึกซึ้งของไฟได้อย่างไร? แม้แต่นักเวทย์ระดับเจ็ดเหล่านั้นก็ยังไม่เข้าใจความลึกลับของพลังธาตุได้
บางที มีเพียงจอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่เท่านั้นที่จะเข้าใจความลึกลับของธาตุต่าง ๆ ได้
เมอร์ลินไม่เคยคิดที่จะเข้าใจ ‘ความลับ’ ของไฟ เขาแค่ต้องการดูว่าคาถาและพลังปีศาจแพนโดร่าสามารถใช้ต้านทานไฟที่ลุกโชนได้หรือไม่ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่ามันจะทำไม่ได้ เขาไม่สามารถต้านทานไฟที่แผดเผาได้ ถ้าเขาปล่อยให้เปลวไฟใกล้ตัวเขา เขาจะถูกเผาเป็นเถ้าถ่านทันที
“ฉันยอมแพ้!”
เมอร์ลินยอมรับความพ่ายแพ้อย่างไม่ลังเล เขามีโอกาสสามครั้งที่จะผ่านด่านทดสอบ ดังนั้นโดยธรรมชาติแล้ว เขาไม่อยากตายอย่างเปล่าประโยชน์
หลังจากเมอร์ลินพูดจบ ทันใดนั้น ไฟรอบ ๆ ก็หายไปอย่างรวดเร็ว และอุณหภูมิของห้องหินทั้งหมดก็ลดลงอย่างรวดเร็ว กลับสู่สภาวะปกติในเวลาไม่นาน
"ไม่ผ่านสินะ? นี่เป็นเพียงการลองครั้งแรกเท่านั้น เจ้ายังมีโอกาสอีกสองครั้ง!” เสียงของเปลวไฟดังขึ้นอีกครั้ง ดูเหมือนว่ามันจะคาดการณ์ได้ว่าเมอร์ลินจะทำไม่สำเร็จ
เมอร์ลินขมวดคิ้วและถามด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น “ไฟของด่านทอสอบที่สอง ฉันเกรงว่านั่นจะไม่ใช่แค่คาถาระดับสี่ใช่ไหม? มันแข็งแกร่งกว่าเพลิงวินาศของฉันอีก!”
พลังของเพลิงวินาศ มันเทียบได้กับคาถาระดับสี่ เช่นเดียวกับดัชนีเยือกแข็ง การที่สายลมหนาวไม่สามารถยับยั้งพลังไฟได้ก็แสดงให้เห็นว่าพลังของมันต้องมากกว่าอย่างแน่นอน
“ใช่ อย่างที่เจ้าคิด ไฟในด่านที่สองจำลองมาจากพลังแห่งาตุไฟจากคาถาระดับห้า พลังปีศาจแพนโดร่าทั้งสองของคุณ ไม่สิ พลังปีศาจแพนโดร่าทั้งสามของเจ้าไม่มีผลใดๆ เลยกับมัน”
เปลวไฟไม่ได้เก็บเป็นความลับ แถมยังอธิบายให้เมอร์ลินฟังสั้น ๆ
"อะไรนะ? การจำลองไฟจากคาถาระดับห้า? แถมยังห้ามใช้อุปกรณ์เวทมนต์อีก ใช้ได้แค่คาถาเพียงอย่างเดียว แม้จะให้ใช้พลังปีศาจแพนโดร่าแต่ของฉันอยู่ในขั้นแรกเท่านั้น อย่างดีที่สุด ฉันสามารถเทียบได้กับนักเวทย์ระดับสี่ขั้นสูงสุดเท่านั้น ฉันจะต้านทานไฟเหล่านี้ได้อย่างไร?”
เมื่อเมอร์ลินได้ยินว่าไฟทั้งหมดนี้เปรียบได้กับคาถาระดับห้า เขารู้ว่าเขาไม่สามารถต้านทานได้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ไม่เพียงแต่เขาเท่านั้นแต่เขามั่นใจว่านักเวทย์ส่วนใหญ่ไม่สามารถต้านทานมันได้เช่นกัน
ทางด้านเปลวไฟดูสงบในขณะที่เขาพูดช้า ๆ ว่า “ความแข็งแกร่งของเจ้าเทียบได้กับนักเวทย์ระดับสี่ ดังนั้นเปลวไฟของด่านทดสอบที่สองจึงเป็นคาถาระดับห้า หากเจ้ามีความแข็งแกร่งของนักเวทย์ระดับสาม ไฟจะมีเพียงพลังเทียบเท่าระดับสี่
นักเวทย์ระดับสี่บางคนมีที่มีพลังปีศาจแพนโดร่าและสามารถฝึกฝนได้จนถึงขั้นที่สอง ดังนั้นด่านทดสอบที่สองจึงค่อนข้างง่ายสำหรับพวกเขา อย่างไรก็ตาม จนถึงตอนนี้ มีเพียงสามคนเท่านั้นที่สามารถผ่านด่านที่สองไปได้!”
"สามคน?"
ใบหน้าของเมอร์ลินเคร่งขรึมและอารมณ์ของเขาก็ค่อย ๆ สงบลง ถ้าด่านที่สองง่ายกว่าด่านแรก มันจะเรียกว่าด่านที่สองได้อย่างไร
ดังที่เปลวไฟกล่าว ด่านที่สองนี้ไม่ถือว่ายาก หากมีนักเวทย์ระดับสี่ที่บังเอิญได้ฝึกฝนพลังปีศาจแพนโดร่าประเภทป้องกันระดับสอง การอยู่ในห้องเป็นเวลาครึ่งชั่วโมงคงจะเป็นเรื่องง่าย ๆ
อย่างไรก็ตาม นักเวทย์ที่ว่านั้นหายากเกินไป และมีเพียงสามคนที่ผ่านด่านที่สองได้
แม้ว่าจะมีเพียงไม่กี่คนแต่อย่างน้อยก็มีคนผ่านด่าน
หากใครต้องการเข้าใจความลึกลับของไฟ มันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย เมอร์ลินยังเชื่อด้วยว่าสามคนที่ผ่านด่านทดสอบที่สองไม่ได้ทำอย่างนั้นโดยเข้าใจปริศนาของไฟแต่ใช้วิธีการอื่นแทน
เมอร์ลินครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วถามเปลวไฟ “เคยมีนักเวทย์ระดับเจ็ดมาที่นี่หรือไม่? พวกเขาผ่านด่านทดสอบที่หนึ่งและที่สองได้อย่างไร?”
เปลวไฟมองอย่างสงบที่เมอร์ลินแล้วตอบว่า “ไม่เลวที่เจ้าคิดเรื่องนี้ได้ เจ้าฉลาดกว่าคนอื่น ๆ มาก ในบรรดาผู้ที่ผ่านด่านทดสอบที่สอง มีนักเวทย์ระดับเจ็ดอยู่หนึ่งคนแต่ด่านที่หนึ่งและที่สองสำหรับนักเวทย์ระดับเจ็ดคนนั้นแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง”
แม้ว่าเปลวไฟจะไม่ได้อธิบายอย่างชัดเจน แต่เมอร์ลินก็เดาได้คร่าวๆ ว่าสถานที่แห่งนี้อาจจะเหมือนกับพื้นที่มิติของเบลล์ที่มีข้อจำกัดเช่นกัน
ขีดจำกัดคงจะเป็นนักเวทย์ระดับเจ็ด สำหรับด่านแรก มันคงจะยากที่จะเลียนแบบนักเวทย์ระดับเจ็ด บางทีมันอาจจะไม่สามารถจำแลงได้ เพราะทุกคาถาระดับเจ็ดถูกสร้างขึ้นโดยนักเวทย์ มันมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว การเลียนแบบนั้นจะยากเกินไป
“ถ้าเจ้าถามคำถามเพียงพอแล้ว ข้าจะขอบอกอะไรเจ้าเพิ่มเติมอีกอย่าง ด่านทดสอบที่สองนี้ขัดขวางพวกนักเวทย์ส่วนใหญ่ไว้ หากเจ้าไม่สามารถผ่านมันไปได้ เจ้าจะอยู่ที่นี่ได้ตลอดไป ดูสิ โครงกระดูกพวกนั้นเป็นของนักเวทย์ที่เคยติดอยู่ในด่านที่สองนี้”
เปลวไฟชี้ไปที่มุมด้านนอกห้องหินซึ่งมีโครงกระดูกมากมายนับไม่ถ้วน พวกมันดูน่ากลัว พวกเขาทั้งหมดเป็นนักเวทย์ที่ติดอยู่ในด่านทดสอบที่สอง
เมอร์ลินเหลือบมองที่เปลวไฟ จากนั้นเขาหายใจเข้าลึก ๆ และพูดด้วยเสียงต่ำว่า “จริงๆ แล้ว มันก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เลยที่ฉันจะผ่านด่านทดสองที่สองไม่ได้!”
เมอร์ลินกล่าวพร้อมรอยยิ้มที่ผ่อนคลายปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขาและสีหน้าของเขาดูเหมือนจะเผยให้เห็นถึงความมั่นใจ