921-922
1/8
EP.921
ณ จุดนี้ ซูเฉินรู้สึกลำบากใจเล็กน้อย เดิมเขานึกว่าจะได้ฆ่าล้างเผ่าอสูร แต่ทุนเถียนดันมีไหวพริบ เป็นฝ่ายคิดให้ความร่วมมือกับเขา หากยังยืนกรานที่จะลงมือ มันค่อนข้างไม่สมเหตุสมผล
กระนั้น หากให้อ้าแขนรับแค่พวกหานคุนมา ก็เท่ากับว่าซูเฉินไม่ได้รับผลประโยช์ใดๆ ซึ่งเขาไม่ยินดีที่จะเป็นเช่นนั้น
ในตอนนั้นเอง ทุนเถียนก้าวออกมาข้างหน้า หยิบถุงเก็บสมบัติขึ้น แล้วส่งมันให้กับซูเฉินกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “เรื่องราวที่เกิดขึ้นในอดีต ทั้งหมดล้วนเป็นความผิดของพวกเราเผ่าอสูร นี่ถือเป็นสินไหมชดใช้เล็กๆน้อยๆ”
ตอนแรก ซูเฉินไม่ได้ให้ความสนใจพวกมันมากนัก แต่หลังจากเห็นสิ่งที่อยู่ในถุงเก็บสมบัติแล้ว เขาก็ตื่นเต้นขึ้นมาทันที
ข้างในถุงเก็บสมบัติไม่เพียงมีหินพลังงานระดับสูงหลายร้อยก้อน หรือศิลาวิญญาณวายุอีกสองก้อนเท่านั้น แต่ยังมีหัวใจจักรกลอีกด้วย
คุณค่าของหัวใจจักรกลนั้นชัดเจนในตัวมันเอง มันคือสมบัติที่เขาต้องการเป็นอย่างยิ่ง
ในถุงเก็บของของซูเฉินยังมีหุ่นเชิดระดับเทวะอีกตัวที่ขาดหัวใจจักรกล หากใช้สิ่งนี้ติดตั้งลงไป แล้วประกอบลงบนร่างหุ่นเชิดทองคำ ก็จะสามารถยกระดับขึ้นเป็นเทวะขั้น 3 ได้ในคราเดียว
วันหน้าหากเข้าสู่มิติภายนอก มันจะกลายเป็นกำลังเสริมที่แข็งแกร่งอย่างแน่นอน
“ของข้างในยกให้ฉันหมดเลยหรอ?” ซูเฉินสูดหายใจลึก เลียบเคียงถาม
“แค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น น้องซูโปรดรับมันไว้” ทุนเถียนกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ครั้งนี้นับว่าเขากรีดเลือดไปมากพอตัว แต่นี่ก็เพื่อวิงวอนให้ได้รับการอภัยจากซูเฉิน
หากซูเฉินไม่ยอมรับ คงเป็นเขาที่ไม่สบายใจแทน
“ถ้างั้นไม่ขอเกรงใจแล้ว” มุมปากของซูเฉินยกโค้งเล็กน้อย เริ่มคุยกันดีๆว่า “เหล่าทุน คุณเป็นคนดีจริงๆ เป็นคนฉลาดเข้าใจอะไรง่าย ในอนาคตถ้าเจอปัญหาอะไร ขอให้เอ่ยชื่อผม ผมจะคุ้มครองคุณเอง!”
“เช่นนั้นคงต้องรบกวนน้องซูแล้ว!”
ทุนเถียนรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง อย่ามองว่าซูเฉินเพียงให้คำสัญญาง่ายๆ เพราะคำพูดนี้เป็นอะไรที่ล้ำค่ามาก
ด้วยพรสวรรค์อันยอดเยี่ยมและกำลังรบอันเหนือชั้นของซูเฉิน ไม่ช้าก็เร็วเขาจะกลายเป็นผู้แข็งแกร่งที่สุดในมิติภายนอก
และสักวันหนึ่ง เป็นไปได้ว่าจะไปยืนอยู่ในจุดเดียวกับผู้ปกครองโลกา
มียอดฝีมือเช่นนี้ให้ความคุ้มครอง เผ่าอสูรจะเจริญรุ่งเรืองยิ่งขึ้น!
ซูเฉินเก็บข้าวของใส่ลงในถุงเก็บของ ก่อนหันมาถามว่า “เหล่าทุน คุณไปได้หัวใจจักรกลมาจากไหน?”
หัวใจจักรกลคือสมบัติชั้นเลิศที่หาไม่ได้ ซูเฉินจึงอยากได้ข้อมูลเพิ่มเติมจากทุนเถียน เผื่อโชคดีได้รับมาอีกหลายชิ้น
ทุนเถียนลังเลเล็กน้อย กล่าวว่า “ข้าได้รับมันมาจากสัตว์ร้ายมิติ”
พอพูดจบ คล้ายกังวลว่าซูเฉินจะโกรธเพราะเรื่องนี้ อธิบายต่อว่า “ยังไงก็ตาม ข้ากับอีกฝ่ายเพียงแลกเปลี่ยนกันอย่างบริสุทธิ์ใจเท่านั้น ไม่ได้ทำอะไรที่เป็นอันตรายต่อพันธมิตรหมื่นเผ่าพันธุ์”
ซูเฉินไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้ ในความคิดเขา สัตว์ร้ายมิติกับพวกต่างเผ่าไม่มีความแตกต่างกัน ขอแค่ไม่มากวนประสาทเขา ประเด็นอื่นไม่ใช่เรื่องสำคัญ
“เอาล่ะ ในเมื่อไม่มีอะไรแล้ว งั้นผมคงต้องขอตัวลา”
เมื่อทราบถึงแหล่งที่มาของหัวใจจักรกล ซูเฉินก็ตั้งใจจะออกจากทวีปอสูร
“ซูเฉิน มีทางเข้าสู่มิติภายนอกที่นี่ พวกเราขอตัวกลับไปตระกูลฉีก่อน” ฉีมู่เฟิงพาฉีมู่เสวี่ยและฉีมู่อวี้ลงจากรถ เดินมาหน้าซูเฉิน
“โอ้” ซูเฉินพยักหน้าว่าเข้าใจแล้ว
ก่อนจะเข้าสู่ทวีปอสูร ฉีมู่เฟิงเคยกล่าวว่าจะขอกลับไปยังมิติภายนอกแล้วก็จริง แต่พอถึงเวลาต้องแยกจากกันจริงๆ ซูเฉินกลับรู้สึกเศร้าเล็กน้อย
เพราะท้ายที่สุดแล้วต่างฝ่ายเคยต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กันมาระยะหนึ่ง แล้วอีกอย่างนิสัยก็เข้ากันได้ดี
ทุนเถียนที่อยู่ข้างๆ เมื่อได้ยินว่าฉีมู่เฟิงกำลังจะกลับสู่มิติภายนอก หัวใจเขาเริ่มเต้นแรง เอ่ยถามฉีมู่เฟิงว่า “ขออนุญาตถามหน่อยจะได้ไหม ไม่ทราบสหายผู้นี้มาจากตระกูลใดในมิติภายนอก?”
ตระกูลที่สามารถอาศัยอยู่ในมิติได้ ย่อมไม่ใช่ตัวตนเล็กจ้อยแน่นอน เรื่องนี้มากพอที่จะดึงดูดความสนใจของเขา
“ป้อมปราการมิติ –ตระกูลฉี!”
ฉีมู่เฟิงยอมเฉลยตรงๆ
2/8
Ep.922
ตระกูลฉี!?
ทุนเถียนตกใจมาก เพราะตระกูลฉีคือหนึ่งในสิบตระกูลชั้นนำในมิติภายนอก มีกระทั่งบรรพชนระดับเทวะขั้น 5 คอยดูแลอยู่ ถือเป็นหนึ่งในตระกูลใหญ่ที่สุดในมิติอย่างแน่นอน
“ที่แท้ก็เป็นน้องฉีนี่เอง ข้าได้ยินเรื่องราวของเจ้ามานานแล้ว”
เมื่อรู้ฐานะของฉีมู่เฟิง ทุนเถียนก็แสดงท่าดีนอบน้อมยิ่งกว่าเดิม
“ท่านสุภาพเกินไปแล้ว” ฉีมู่เฟิงตอบกลับอย่างรวดเร็ว
“เหล่าทุน ในเมื่อพี่ฉีต้องการเข้าสู่มิติภายนอกผ่านทางเผ่าอสูรของคุณ งั้นคงต้องรบกวนให้คุณช่วยแล้ว” ซูเฉินกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“วางใจได้เลย ทั้งหมดปล่อยให้เป็นหน้าที่ข้าเอง!” ทุนเถียนกล่าวด้วยความมั่นใจ
สามารถผูกมิตรกับตระกูลฉี ต่อให้ต้องคอยปรนนิบัติเป็นร้อยปี เขาก็ยังยินดี
หลังจากนั้น ซูเฉินกับฉีมู่เฟิงคุยกันซักพัก ก่อนแยกย้าย ฝ่ายแรกจะมอบเมล็ดพืชให้ฝ่ายหลัง
รอจนสามพี่น้องตระกูลฉีและทุนเถียนจากไป ซูเฉินก็พาหานคุนและคนอื่นๆขึ้นรถ
“เสี่ยวจือ ค้นหาจุดเขตแดนที่เชื่อมกับเผ่าคนแคระ”
เมื่อขึ้นมาบนรถ ซูเฉินสั่ง [รถศึกอัจฉริยะ] ทันที แล้วค่อยหันไปถามหานคุนและคนอื่นๆว่า “ในช่วงที่ผ่านมา พวกคุณใช้ชีวิตกันเป็นยังไงบ้างในเผ่าอสูร”
“ก็ดีเลยล่ะ พวกเรามีทั้งน้ำและอาหาร ติดอย่างเดียวคือไม่สามารถไปไหนได้” หานคุนกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ซูเฉินพยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นเบนสายตาไปทาจี๋อู๋ซวง “ท่านลุง พวกเรามีวาสนาต่อกันอีกแล้ว”
“ผู้อาวุโส ขอบคุณท่านที่ช่วยชีวิตผู้น้อยเอาไว้!” จี๋อู๋ซวงกล่าวขอบคุณจากใจจริง
เขายังคงจดจำเหตุการณ์ที่พบกับซูเฉินได้ ทุกแห่งหนที่ซูเฉินไป มักเกิดพายุนองเลือดขึ้นตามมา
ในตอนแรก เขายกซูเฉินคือปีศาจหายนะ เป็นเทพสังหาร เมื่อได้เจอกัน แทบทนไม่ไหว ต้องรีบออกห่างให้เร็วที่สุด
แต่ภายหลังเขากลับพบว่า ซูเฉินไม่ได้เป็นเพียงเทพสังหารเท่านั้น แต่ยังเป็นพระผู้ช่วยชีวิตเขาไว้อีกด้วย บวกกับครั้งนี้ นับว่าซูเฉินได้ช่วยเหลือเขาไว้สองครั้งแล้ว
นั่นเป็นเหตุผลที่ว่า เขาบังเกิดความรู้สึกซาบซึ้งที่มีต่อซูเฉินจากก้นบึ้งของหัวใจ
ซูเฉินโบกมือ บอกว่าไม่เป็นไร
“ซูเฉิน ตอนนี้ระดับฐานฝึกตนของนายอยู่ขั้นไหน?” หานคุนเลียบเคียงถามดู เขาสงสัยว่าซูเฉินอาจเลื่อนขั้นสู่ระดับเทวะ แต่เมื่อคิดอีกทีมันก็น่าเหลือเชื่อเกินไป
“ผมเพิ่งเลื่อนขั้นเป็นระดับเทวะขั้น 1” ซูเฉินไม่ได้ปิดบัง สารภาพตามตรง
ซู๊ดดดดด
หานคุนกับเหล่าสมาชิกใหม่มองหน้ากัน ตกอยู่ในอาการตกตะลึงอย่างสุดซึ้ง
…
หลังจากนั้น [รถศึกอัจฉริยะ] บินมาได้สองวัน ก็พบจุดเขตแดนที่เชื่อมกับเผ่าคนแคระ และข้ามเขตสู่ทวีปคนแคระได้สำเร็จ
ทวีปแผ่นดินใหญ่ของคนแคระ ให้ความรู้สึกอ้างว้างเป็นอย่างยิ่ง ภายในช่วงระยะตรวจจับหมื่นกิโลเมตรของ [รถศึกอัจฉริยะ] เขาพบคนแคระเพียงไม่กี่คนเท่านั้น
เพื่อระบุตำแหน่งของจี้ชางจื่อ ซูเฉินเรียกอู๋หยาจื่อออกมาจาก [มิติสันโดษ]
“ผู้อาวุโส พวกเราได้เข้าสู่ทวีปคนแคระแล้ว ไม่ทราบว่าจี้ชางจื่ออยู่ที่ไหน?” ซูเฉินถาม
อู๋หยาจื่อรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา เขาจากทวีปคนแคระไปหลายร้อยปี ในหัวใจเต็มไปด้วยความเกลียดชัง แต่ในที่สุดก็มีโอกาสล้างแค้นเสียที
“หากไม่อยู่ในมิติภายนอก ก็สมควรอยู่ที่ปากทางสู่สวรรค์” อู๋หยาจื่อระบายลมหายใจอย่างช้าๆ
“เสี่ยวจือ ค้นหาปากทางสู่สวรรค์ แล้วไปที่นั่น” ซูเฉินออกคำสั่ง
“เจ้านาย ปากทางสู่สวรรค์ไม่ได้อยู่ในรัศมีการค้นหา” [รถศึกอัจฉริยะ] ตอบทันที
ซูเฉินกล่าวว่า “ผู้อาวุโส ถ้างั้นคงต้องรบกวนให้ท่านนำทางแล้ว”
อู๋หยาจื่อพยักหน้า ชี้ทางให้ [รถศึกอัจฉริยะ]
หนึ่งวันต่อมา [รถศึกอัจฉริยะ] มาถึงเชิงเขาใหญ่ ยอดเขานี้สูงหลายร้อยจั้ง ทะลุขึ้นไปถึงก้อนเมฆบนท้องฟ้า
สถานที่นี้จะเป็นที่ไหนไปได้อีก หากไม่ใช่ปากทางสู่สวรรค์
“ซูเฉิน จี้ชางจื่อเป็นคนรอบคอบมาก หากรู้สึกได้ถึงอันตราย เขาจะหนีไปทันที พวกเราต้องไม่ผลีผลาม”
อู๋หยาจื่อเตือน