ตอนที่ 34 นอนไม่หลับ
เรื่องดีในอีกแง่หนึ่งของการเรียนที่มหาวิทยาลัยแพทย์หนานเจียง คือเวินเสวี่ยฮุ่ย เพื่อนที่ดีที่สุดของเธอ พวกเขาไม่เพียงแค่เป็นเพื่อนเรียนกันเท่านั้น ยังเป็นเพื่อนที่อยู่ห้องพักเดียวกันด้วย พวกเขาสนิทสนมและรักใคร่กันอย่างเป็นอย่างดีตลอดการเรียน
เมื่อนึกถึงความรักที่ล้มเหลวของเวินเสวี่ยฮุ่ย ในชีวิตก่อนหน้า เจียงเหยาตัดสินใจว่าเธอจะทำให้เวินเสวี่ยอึ่ยไม่ทำผิดพลาดซ้ำทางเดิมอีก
แม้ว่าจะเป็นวันหยุดฤดูร้อน ทว่าโรงเรียนต่าง ๆ ยังเปิดสอนภาคเรียนฤดูร้อน ทำให้พ่อและแม่สามีของเธอต้องไปทำงาน ทำให้สี่ทุ่มครึ่ง ทุกคนต่างแยกย้ายกันกลับห้องนอนของตนเองเพื่อพักผ่อน
ลู่ชิงสีเปิดประตูและเข้ามาในห้องนอน เขาเห็นเจียงเหยาถือหนังสืออยู่ในมือ ราวกับเธอจมอยู่ในอีกดลกขณะที่อ่านหนังสือ
“คุณเพิ่งจะหายไข้ อย่าอ่านหนังสือให้มากเกินไปเลย รีบพักผ่อนเถอะ พรุ่งนี้เราจะเข้าไปในเมืองตอนแปดโมงเช้า” ลู่ชิงสีรอเสียงตอบรับจากเธอ ทว่าเขาไม่ได้รับคำตอบอะไรจากเจียงเหยา เขาจึงเดินเข้าไปหยิบหนังสือออกจากมือของเธอ เธออ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจและมองกลับมาที่เขา ดวงตาเบิกกว้าง เขาคงแน่ใจแล้วล่ะว่าเธอกำลังตกอยู่ความงุนงง
เขาตั้งนาฬิกาปลุกบนโต๊ะตอนเจ็ดโมงครึ่งแล้ววางไว้หน้าเจียงเหยา ชี้ไปที่เวลาที่ตนเองตั้ง ก่อนจะลุกไปหยิบเสื้อผ้าจากตู้ แล้วเดินเข้าไปในห้องน้ำ โดยไม่พูดอะไรอีก
หลังจากได้สติคืนกลับมาแล้ว เจียงเหยามองตามลู่ชิงสีจนกระทั่งเขาลับหายเข้าไปในห้องน้ำ เธอหันกลับมามองนาฬิกาบนโต๊ะ รับรู้ถึงคำพูดของเขาทั้งหมด
เจียงเหยาวางหนังสือลงแล้วกลับไปนอนบนเตียง เตียงของบ้านลู่ เป็นเตียงไม้สีขาวสไตล์ยุโรป ที่นอนนุ่มสบาย ผ้าปู่ที่นอนทำจากผ้าไหมนำเข้า ครอบครัวลู่ถือว่ายอมใช้จ่ายไปกับของใช้ในบ้านที่มีคุณภาพสูงและใช้ประโยชน์ได้อย่างดีเสมอ
เมื่อได้ยินเสียงเปิดประตูห้องน้ำ เจียงเหยารีบดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มและปิดเปลือกตาลง เธอแกล้งทำเป็นหลับ แม้ว่าดวงตาจะปิดลงแล้ว ทว่าความรู้สึกกลับหวั่นไหวอย่างบอกไม่ถูก
เธอได้ยินเสียงฝีเท้าของลู่ชิงสีดังและชัดเจนภายในห้องที่เงียบสนิท จากเสียงฝีเท้าของเขาทำให้เธอจินตนาการว่าเขาได้เดินออกจากห้องน้ำ เดินไปดึงปิดผ้าม่าน แล้วหยุดยืนอยู่หน้าตู้เสื้อผ้า ราวกับกำลังหาชุดสวมใส่ ไม่นานเสียงฝีเท้าของเขาก็ดังขึ้นอีกครั้ง
หลังจากนั้น เธอรู้สึกว่าฟูกนอนอีกด้านหนึ่งจมลงนิดหน่อย เสียงสวิตช์ข้างเตียงดังขึ้นและไฟในห้องก็หรี่ลง
หลังจากที่เขานอนลง เขาไม่ได้เอื้อมมือไปหยิบผ้าห่มขึ้นมาห่มให้กับตัวเอง เจียงเหยารู้สึกถึงการพลิกตัวและหันหล้าเข้ามาทางเธอ กลิ่นเลม่อนจาง ๆ ของครีมอาบน้ำโชยมาจากร่างกายที่เพิ่งอาบน้ำมาใหม่
ประมาณห้านาที เจียงเหยาได้ยินเสียงหายใจเป็นจังหวะของลู่ชิงสี พร้อมกับเสียงกรนเบา ๆ ที่บ่งบอกว่าเขาหลับไปแล้ว
ตอนนี้เจียงเหยาลืมตาขึ้นอย่างเงียบ ๆ ภายใต้ความมืดและพลิกตัวกลับมาอย่างระมัดระวังราวกับเป็นหัวขโมย ในที่สุดเธอก้หันหน้าเข้าหาเขาและจ้องไปที่ใบหน้าของเขา
แม้ว่าเธอจะไม่สนใจในการแต่งงาน แต่สิ่งที่เจียงเหยาต้องยอมรับอย่างหนึ่งก็คือ ลู่ชิงสีเป็นผู้ชายที่หล่อเหลาและมีเสน่ห์ตั้งแต่แรกพบ
ดวงตาของเขาเฉียบคมและมีเสน่ห์ จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากบาง ช่างเป็นการผสมผสานที่ลงตัวเสียเหลือเกิน
อาจเป็นเพราะการฝึกร่างกายของเขาที่ฐานทัพเกือบตลอดเวลา ทำให้ร่างกายของเขาดูกำยำล่ำสันกว่าผู้ชายในวันเดียวกัน เขามีผิวสีแทน ทว่าดูสุขภาพดี ดูดีกว่าทหารส่วนใหญ่ที่เธอเคยพบเจอ
เขาสวมเสื้อกล้ามสีดำ กางเกงหลวม ๆ สำหรับใส่นอน เพราะไม่ได้ห่มผ้า ทำให้เธอเห็นกล้ามหน้าอกเป็นมัด ๆ ของเขาได้อย่างชัดเจน
“นี่น่ะเหรอคือ ลู่ชิงสีที่กำลังมีชีวิต” เจียงเหยากระซิบเบา ๆ ในความเงียบ
เมื่อมองไปที่ลู่ชิงสี และได้ยินเสียงลมหายใจที่สม่ำเสมอของเขา ความรู้สึกนี้ทำให้น้ำตาคลอ