ตอนที่แล้วบทที่ 484 - 485
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 487 อ่อนโยนที่แปลว่าอ่อนแอ

บทที่ 486 ที่ห้องสอบสวน (ตอนฟรี)  


บทที่ 486 ที่ห้องสอบสวน

“น้องสาม! จัดการธุระเสร็จแล้วเหรอ?” เมื่อเห็นจี้เฟิงและคนอื่นๆเดินออกมาจากร้าน จี้ช่าวเหลยยิ้มทักทายและเดินเข้าไปหา

หยางจี้ที่อยู่ข้างๆอึ้งไปครู่หนึ่งก่อนจะถามว่า “คุณชายจี้ คนเหล่านี้คือ...”

จี้ช่าวเหลยเบ้ปากแล้วพูดขึ้นว่า “นี่คือลูกพี่ลูกน้องฉันเอง! ส่วนนี่ก็ป้าของพวกเรา เอ่อ.. แล้วก็ หยานตงใช่มั้ย? เธอคือน้องสาวของฉัน!”

หยางจี้ตะลึงงัน เหงื่อเย็นๆไหลอาบทั้งแผ่นหลังและหน้าผาก เขาหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาซับจนตอนนี้ผ้าเช็ดหน้าก็ชุ่มไปด้วยเหงื่อ..  จางจื้อหย่วนกับพรรคพวกนี้ตาถึงจริงๆ คนอะไรช่างหาที่ตายได้แม่นยำขนาดนี้! มีผู้คนมากมายในประเทศจีน แต่พวกเขากลับไปยั่วโมโหครอบครัวของจี้ช่าวเหลย!

“ที่แท้ก็เป็นคุณชายจี้กับคุณหนูจี้ และท่านนี้.. นายหญิง!” หยางจี้รีบทักทายทันที ในใจรู้สึกโมโหคนพวกนั้นที่สร้างเรื่องเดือดร้อนเอาไว้ แต่เป็นเขาที่กลับต้องมาอยู่ชดใช้ในตอนนี้ เขาโกรธจนอยากจะฉีกเนื้อจางจื้อหย่วนกับจ้าวเถี่ยหมินทั้งเป็น

หลี่เยี่ยฉินพูดอย่างกระอักกระอ่วนว่า “ไม่ ไม่! ฉันไม่ใช่...”

ไม่ต้องพูดถึงการวางตัวขั้นพื้นฐานของผู้หญิงในประเทศจีน เพียงแค่สถานการณ์ในตอนนี้หลี่เยี่ยฉินก็รู้สึกอึดอัดมากอยู่แล้ว จี้เฟิงยืนมองอยู่ข้างๆ แม่ของเขาต่างหากที่เป็นภรรยาของจี้เจิ้นหัว เขาจะเป็นนายหญิงได้ยังไง..

“เลขาหยางใช่มั้ย? ผมมีอะไรให้ช่วย!” จี้เฟิงพูดหน้านิ่ง

หยางจี้อึ้งไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “คุณชายจี้ มีอะไรก็พูดมาได้เลย ขอแค่ผมทำได้... ตราบใดที่อยู่ภายใต้อำนาจที่ผมพอจะทำได้ ผมจะไม่อิดออด!”

ภายใต้สถานการณ์ที่คับขัน หยางจี้อดไม่ได้ที่จะพูดอย่างติดๆขัดๆ เพราะเขาต้องคอยเตือนตัวเองอยู่เสมอว่าชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าเขาในเวลานี้ไม่ใช่คนธรรมดา แต่เป็นญาติของเลขาธิการคณะกรรมการเทศบาลนครเจียงโจว และยังเป็นญาติสนิทอีกด้วย

การพูดต่อหน้าพวกเขาไม่สามารถพูดแบบสบายๆ เหมือนการพูดกับชาวบ้านได้ และยิ่งไม่สามารถพูดแบบห้วนๆเหมือนที่พูดกับผู้ใต้บังคับบัญชาได้ ไม่อย่างนั้นหากคำพูดถูกแพร่งพรายออกไป ก็เท่ากับเป็นการหาเรื่องใส่ตัวแล้ว!

จี้เฟิงไม่ได้สนใจเรื่องภาษาทางการที่อีกฝ่ายเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ เขาไม่แม้แต่จะรู้สึกอะไรกับคนประเภทนี้ เขาเพียงแค่พูดสิ่งที่เขาต้องการออกไปว่า “ข้อแรก ปัญหาเกี่ยวกับทะเบียนบ้านของป้าผม เธอจะย้ายออกจากที่นี่ รบกวนคุณช่วยจัดการให้ด้วย แล้วก็เรื่องที่สอง ช่วยตรวจสอบดูให้หน่อยว่าคนร้ายที่เป็นคู่กรณีของเราจะได้รับบทลงโทษอย่างไรบ้าง!”

เมื่อได้ยินคำขอสองข้อนี้ หยางจี้ก็พยักหน้าทันที “ได้ครับ ไม่มีปัญหา! เรื่องพวกนี้เป็นเรื่องที่ควรจะทำอยู่แล้ว! คุณชายจี้ ตอนนี้จ้าวเถี่ยหมิน จางจื้อหย่วนและคนอื่นๆ ถูกจับกุมไปสอบสวนอยู่ที่สถานีตำรวจในเขตท่องเที่ยว พวกเราสามารถไปที่นั่นได้... อ้อ จริงด้วยสิ! นายกเทศมนตรีหลัวไปจัดการแล้ว!”

“ห๊ะ?!” จี้เฟิงชักสีหน้าอย่างไม่พอใจ “ถ้าอย่างนั้นเลขาหยางก็นำทางพวกเราไปที่สถานีตำรวจเดี๋ยวนี้เลย”

เมื่อหลี่เยี่ยฉินและหลี่หยานตงได้ยินจี้เฟิงพูดประโยคนี้ออกมา พวกเธอก็ผงะไปเล็กน้อย โดยเฉพาะหลี่หยานตง เธอรู้สึกเป็นกังวลมาก คนที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาคือเลขาธิการสภาเมือง แล้วทำไมจี้เฟิงถึงกล้าพูดใช้ให้เขานำทาง แถมยังพูดห้วนๆอีก

ในสายตาของหลี่เยี่ยฉินและหลี่หยานตง คนอย่างหยางจี้นั้นสูงส่งมาก คนอย่างพวกเขาอยู่ห่างไกลจากวงจรชีวิตของพวกเธอมาก ปกติแล้วต่อให้พวกเขาพบกัน อย่างมากที่สุดพวกเธอก็จะทักทายอย่างมีมารยาทและให้เกียรติพวกเขา ไม่กล้าล่วงเกินพวกเขาอย่างเด็ดขาด

เพราะแม้แต่ผู้อำนวยการเขตท่องเที่ยวเล็กๆ ก็ยังกล้ารังแกพวกเธอโดยไม่สนกฎหมายบ้านเมือง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนใหญ่คนโตอย่างเลขาธิการสภาเมือง!

“น้องชาย อย่าพูดจาเหลวไหลแบบนั้นสิ!” หลี่หยานตงมองหยางจี้ที่อยู่ตรงหน้าอย่างประหม่า เธอค่อยๆดึงแขนเสื้อของจี้เฟิงเบาๆ “รีบขอโทษเลขาหยางเร็วเข้า!”

แต่จี้เฟิงเพียงแค่ยิ้มและมองเธอด้วยสายตาที่อบอุ่น แต่ในใจของเขากลับมีความสุขยิ่งกว่าสิ่งอื่นใด เลือดข้นกว่าน้ำ ไม่ว่าอย่างไรเลือดก็ข้นกว่าน้ำ!

หลี่หยานตงรู้สึกประหม่ามาก หลี่เยี่ยฉินเองก็รู้สึกประหม่าเช่นกัน แต่สิ่งที่เหนือความคาดหมายของพวกเธอคือหยางจี้ไม่ได้แสดงความโกรธเคืองแม้แต่น้อย เขากลับพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “โอเค! ผมจะนำทางให้พวกคุณเอง!”

หลี่เยี่ยฉินและหลี่หยานตงตะลึงงัน พวกเธอไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองเลย แม้แต่จางจื้อหย่วนผู้อำนวยการเขตการท่องเที่ยวยังต้องเชื่อฟังคำสั่งของเลขาหยาง แต่จี้เฟิงที่เป็นแค่เด็กหนุ่มคนหนึ่งพูดกับเขาแบบนี้ เขากลับไม่โกรธ?

ในความเป็นจริงพวกเธอย่อมไม่รู้ว่าหยางจี้จะกล้าโกรธเคืองได้อย่างไร! เพราะหากเป็นคนธรรมดาทั่วไปมาพูดกับเลขาธิการสภาเมืองอย่างเขาแบบนี้ เขาคงโกรธไปแล้ว ใครกันที่กล้าพูดให้เลขาธิการสภาเมืองนำทาง? แต่จี้เฟิงกลับไม่เหมือนกัน ไม่ต้องพูดถึงว่าก่อนหน้านี้เขาทำให้จี้เฟิงและคนอื่นๆโกรธเคือง เพราะต่อให้เป็นสถานการณ์ปกติ หยางจี้ก็ไม่กล้าโกรธจี้เฟิงอยู่ดี!

พ่อของจี้ช่าวเหลยคือใคร? เขาคือจี้เจิ้นกั๋ว! จี้เจิ้นกั๋วเลขาธิการคณะกรรมการเทศบาลนครเจียงโจว! เขาคือผู้นำระดับประเทศ!

แม้ว่าจี้ช่าวเหลยจะไม่ได้มีสิทธิ์มีเสียงอะไรในทางนั้นเลยแม้แต่น้อย แต่ในประเทศจีน ความสัมพันธ์ในตระกูลนั้นสำคัญมาก โดยเฉพาะเครือญาติสนิทในครอบครัว เรื่องนี้ทุกคนต่างรู้ดี ไม่จำเป็นต้องอยู่ในเส้นทางข้าราชการก็รู้ นอกเสียจากว่าคนๆนั้นจะปัญญาอ่อน ถึงจะไม่รู้!

ในสถานการณ์เช่นนี้ หยางจี้ไม่ต้องถึงขนาดพูดจาประจบสอพลอจี้เฟิงและจี้ช่าวเหลย แต่อย่างน้อยก็ต้องรักษาความสัมพันธ์ที่เป็นมิตรกับพวกเขาไว้!

สิ่งที่สำคัญที่สุดคือตอนนี้เขาต้องสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับจี้เฟิงและจี้ช่าวเหลย

“โปรดตามผมมา!”

หยางจี้ยิ้มอย่างมีมารยาทและเดินตรงไปยังรถหมายเลขหนึ่งของเขาอย่างรวดเร็ว

หลี่เยี่ยฉินและหลี่หยานตงอดไม่ได้ที่จะตกตะลึง พวกเธอไม่ได้คาดหวังว่าเลขาหยางจะมีท่าทีเช่นนี้

แต่หลี่เยี่ยฉินยังพอจะทำความเข้าใจได้บ้าง เพราะเธอรู้ดีว่าตระกูลจี้มีอิทธิพลมากแค่ไหนในหยานจิง แม้ว่าเธอจะรู้สึกประหลาดใจที่เห็นหยางจี้ทำตัวสุภาพกับจี้เฟิงและจี้ช่าวเหลย แต่ก็ไม่ได้ตกใจจนมากเกินไป

แต่หลี่หยานตงนั้นไม่เหมือนกัน เธอไม่รู้ถึงพลังอำนาจของตระกูลจี้เลยสักนิด ตอนนี้พอเห็นจี้เฟิงที่พูดสบายๆและเลขาธิการสภาเมืองกลับไม่โกรธแถมยังคงพูดจาสุภาพกับเขา เธอจึงตกใจมาก

“ไปกันเถอะ!” จี้เฟิงส่ายหัวและยิ้ม

...................

ที่ห้องสอบสวน สถานีตำรวจเขตท่องเที่ยวหยุนซาน

ใบหน้าของจางจื้อหย่วนซีดเผือด แขนทั้งสองข้างถูกใส่กุญแจมือไขว้ไว้หลังเก้าอี้ที่เขานั่งอยู่ ท่าทางของเขาดูไร้เรี่ยวแรงหมดสภาพ หน้าผากของเขามีเหงื่อเย็นๆผุดออกมาไม่หยุด

“เป็นไปไม่ได้.. เป็นไปไม่ได้...” ปากของเขาก็บ่นพึมพำกับตัวเองเหมือนคนเสียสติ

ตำรวจสองคนที่นั่งอยู่หลังโต๊ะฝั่งตรงข้ามมองเขาอย่างเวทนา ตำรวจทั้งสองเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจของสถานีตำรวจเขตท่องเที่ยวหยุนซาน พวกเขาย่อมรู้จักผู้อำนวยการเขตท่องเที่ยวคนนี้ว่าปกติแล้วเขาเป็นคนยังไงและมีอิทธิพลมากแค่ไหนในพื้นที่ท่องเที่ยว แต่สภาพของเขาตอนนี้คงต้องเรียกว่าจากหน้ามือเป็นหลังเท้าเลยก็ว่าได้!

จากผู้อำนวยการเขตผู้หยิ่งยโสและยิ่งใหญ่ในเขตนี้ แต่ตอนนี้เขากลับกลายเป็นผู้ต้องหาที่หมดสภาพ แม้กระทั่งสติก็ไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ช่างน่าสงสารจริงๆ....

“พวกเราควรทำยังไงดี?” ตำรวจหนึ่งในสองคนถามขึ้น

ตำรวจอีกคนหนึ่งเบ้ปาก “ดูท่าแล้วพวกเราคงไม่สามารถจัดการได้ เราคงต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของโรงพยาบาลจิตเวช!”

“พูดผิดพูดใหม่ได้นะ!” ตำรวจคนแรกแค่นเสียงเย็นชา “ที่โรงพยาบาลจิตเวชมันจะไม่ดีเกินไปสำหรับเขาเหรอ? กินฟรี อยู่ฟรี สถานที่พักผ่อนหย่อนใจก็มี แต่เรื่องที่จางจื้อหย่วนทำ ต่อให้ถูกขังเดี่ยวซักสิบวันก็ยังน้อยไปด้วยซ้ำ นายคิดว่าอย่างเขาจะได้ไปอยู่โรงพยาบาลจิตเวชเหรอ? ฉันว่า 80 % อย่างเขานี่น่าจะได้ไปอยู่โรงพยาบาลจิตเวชในคุก...”

ทั้งสองคนมองจางจื้อหย่วนด้วยสายตาเวทนาพลางส่ายหัวเบาๆ พวกเขาแอบเบ้ปาก เกิดเป็นมนุษย์ที่เป็นสัตว์ประเสริฐทั้งที ก็ไม่ควรจะทำตัวเลวร้ายจนเกินไป โดยเฉพาะมนุษย์ที่มีอำนาจแล้วทำตัวอวดดีหยิ่งยโสไม่เห็นหัวคนอื่น เพราะเมื่อสูญเสียอำนาจไปแล้ว แม้อยากจะเป็นคนธรรมดาก็ยังทำไม่ได้ จนต้องมีจุดจบที่น่าอนาถแบบนี้!

ในห้องสอบสวนอีกห้องหนึ่ง สีหน้าของจ้าวเถี่ยหมินก็ไม่ได้ดีไปกว่าจางจื้อหย่วนมากนัก สีหน้าของเขาซีดเผือดยิ่งกว่าไก่ที่ต้มไว้เจ็ดวัน แต่โชคดีที่สติของเขายังปกติดีอยู่ ที่ฝั่งตรงข้ามกับเขา มีนายกเทศมนตรีหลัวตงนั่งอยู่

“จ้าวเถี่ยหมิน นายรู้ตัวใช่มั้ยว่านายทำอะไรลงไป?” หลัวตงพูดด้วยสีหน้าเย็นชา “นายควรบอกไปตามตรงว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับคนอื่น ไม่อย่างนั้นมันจะส่งผลกระทบกันไปหมด นายว่างั้นมั้ย?”

จ้าวเถี่ยหมินยิ้มเยาะ “ไม่เกี่ยวกับคนอื่นงั้นเหรอ? นายกหลัว ที่นายรีบมาปิดปากฉัน เพราะนายก็รู้ตัวเหมือนกันไม่ใช่เหรอว่าได้ไปล่วงเกินคนที่ไม่ควรล่วงเกิน? ฉันไม่รู้หรอกนะว่ามันจะส่งผลกระทบไปถึงแค่ไหน แต่ถึงแม้ฉันจะเป็นคนสั่งยิง แต่นายกับหยางจี้ก็เห็นด้วยกับแผนนี้ไม่ใช่เหรอ? ฮ่าๆๆๆ!”

สีหน้าของหลัวตงมืดครึ้มลงทันที เขาแค่นเสียงเย็นชา “จ้าวเถี่ยหมิน! ทางที่ดีนายควรรู้สถานการณ์ในตอนนี้ไว้บ้างก็ดีนะ ลำพังแค่หลักฐานที่อยู่ในรายงาน นายกับลูกชายของนาย ก็เตรียมตัวไปใช้ชีวิตอยู่ในคุกจนแก่เฒ่าเถอะ! แต่เอ๊ะ! ฉันจำได้ว่านายยังมีลูกสาวกับภรรยาอยู่นี่นา! ใช่มั้ย?!”

สีหน้าของจ้าวเถี่ยหมินเปลี่ยนไปทันที “หลัวตง! ถ้านายกล้าทำอะไรบุ่มบ่าม ต่อให้ฉันจะต้องติดคุกตลอดชีวิต ฉันก็จะลากนายไปด้วย!”

“มันขึ้นอยู่กับว่านายจะให้ความร่วมมือในคำให้การว่ายังไงบ้าง!” หลัวตงยิ้มอย่างชั่วร้าย

สีหน้าของจ้าวเถี่ยหมินกลับมาซีดเผือดอีกครั้ง เขากัดฟันพูด “คนอย่างนายนี่มันน่ารังเกียจจริงๆ!”

“หึหึ!” หลัวตงหัวเราะในลำคอ “แล้วคนอย่างนายไม่น่ารังเกียจหรือยังไง? ทุกคนก็ข้อเสียกันทั้งนั้นแหละน่า ไม่มีใครดีร้อยเปอร์เซ็นต์หรอก แต่มันอยู่ที่ว่าใครฉลาดกว่าก็เท่านั้น!”

“พูดได้ดี!”

ทันใดนั้นเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น

หลัวตงโกรธจัด เขาหันขวับไปตะคอกเสียงดัง “ไม่ใช่ว่าฉันสั่งไว้แล้วหรือไงว่าไม่ให้ใครเข้ามา?! ออกไปเดี๋ยวนี้!”

แต่เมื่อเขาหันกลับมา สีหน้าที่โกรธเคืองก็พลันแข็งค้าง ขาของเขาเริ่มสั่น หัวใจดิ่งวูบ เขาพูดด้วยริมฝีปากที่สั่นระริก “ละ เลขา.. เลขาซั่ว?!”

หลัวตงทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ด้วยความตื่นตระหนก “ท่านเลขาซั่ว ท่านมาที่นี่ได้ยังไงครับ?”

“ทำไม? ฉันมาที่นี่ไม่ได้งั้นหรือ?” ซั่วหย่งจุนยืนอยู่ที่ประตูและถามอย่างเย็นชา ข้างๆเขามีเลขาส่วนตัวกำลังแสดงสีหน้าโกรธเคืองออกมา ก่อนหน้านี้เขาได้โทรมาเตือนหลัวตงแล้ว แต่ใครจะคิดว่าฝ่ายหลังจะทำตัวโง่เง่าแบบนี้

เขาสบถอย่างโกรธเคืองอยู่ในใจ ถ้าไม่ใช่เพราะหลัวตงให้ประโยชน์มากมายแก่เขา เขาคงไม่มีทางส่งข่าวมาเตือนแต่แรก แต่คราวนี้หลัวตงถูกจับได้คาหนังคาเขาแบบนี้ เลขาซั่วจึงรู้ถึงการกระทำของเขา...

“โชคดีที่ฉันตรงมาที่นี่เลย ไม่อย่างนั้นฉันก็นึกภาพไม่ออกจริงๆว่านายกเทศมนตรีผู้ทรงเกียรติอย่างคุณ จะกล้าพูดเรื่องที่น่าขยะแขยงแบบนี้ออกมา!” ซั่วหย่งจุนพูดอย่างไม่พอใจ

ริมฝีปากของหลัวตงสั่นระริก แต่เขาไม่สามารถพูดอะไรได้

“เลขาซั่ว เรื่องนี้ผมก็มีส่วนผิดเช่นกัน ผมจะทำการตรวจสอบให้ชัดเจน...”

เมื่อได้ยินประโยคนี้ หลัวตงก็ถึงกับช็อก เพราะเขาพบว่าที่หน้าประตูห้องสอบสวน หยางจี้และหลานชายสองคนของเลขาซั่วก็อยู่ที่นี่ทั้งหมด

มันจบแล้ว...

หลัวตงรู้สึกเพียงว่าด้านหน้าที่เขาเห็นค่อยๆดำมืดลง และเขาก็ล้มลงจากเก้าอี้

....จบบทที่ 486

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด