913-914
3/10
Ep.913
“ถ้าอย่างงั้น ข้าจะมอบให้เจ้าส่วนหนึ่ง การเดินทางครั้งนี้ของเจ้าจะได้ไม่สูญเปล่า” ว่าจบ หวูโหยวก็เริ่มคุ้ยถุงเก็บของ
‘ตาแก่นี่ค่อนข้างฉลาดทีเดียว’ ซูเฉินรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง
ผู้ทรงเกียรติหวูโหยวอาสามอบสมบัติด้วยตัวเอง แบบนี้เขาก็ไม่ต้องลงมือแล้ว
เพราะถึงอย่างไร ตัวเขาและหวูโหยวไม่ได้มีความแค้นต่อกัน จึงไม่อาจหาเหตุผลลงมือได้
กระนั้น เมื่อเห็นหวูโหยวหยิบหินต้นกำเนิดพลังงานออกมาเพียงห้าก้อน และทั้งหมดยังอยู่แค่ขั้น 9 สีหน้าของซูเฉินก็เต็มไปด้วยหมอกควัน เอ่ยเสียงเย็นว่า “ผู้อาวุโส ท่านคิดว่าหินต้นกำเนิดพลังงานขั้น 9 ห้าก้อนจะทำให้ผมพอใจได้หรือ?”
“นี่เจ้าว่าน้อยเกินไป?” หวูโหยวกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ จากนั้นก็หยิบออกมาอีกห้าก้อน
“เช่นนั้นข้าแถมให้อีกห้าก้อน คราวนี้เจ้าน่าจะพอใจแล้วกระมัง?”
ซูเฉินสูดหายใจลึก เวลานี้ เขารู้สึกว่าไอ้ผู้ทรงเกียรติหวูโหยวนี่กำลังล้อเล่นกับเขา พยายามข่มความโกรธเอาไว้
ซูเฉินกล่าวเสียงเย็นว่า “แล้วถ้าผมยังไม่พอใจล่ะ?”
ได้ยินแบบนั้น สีหน้าของหวูโหยวอึมครึมลงเล็กน้อย กล่าวเสียงขรึมว่า “ซูเฉิน มีข่าวลือว่าเจ้าโหดเหี้ยมไร้ปราณี ทุกครั้งที่ขยับตัวมักมีคนตายหรือเกิดการสังหารหมู่ อย่างไรก็ตาม เท่าที่ข้ารู้ แม้เจ้าจะเป็นคนมุทะลุ แต่ก็ยังรักษาไว้ซึ่งกฏเกณฑ์ของตัวเอง จะฆ่าเฉพาะคนที่มีปัญหาหรือล่วงเกินเจ้าเท่านั้น”
“แต่เราผู้เฒ่าไม่มีความแค้นเคืองใดๆกับเจ้า ทั้งวันนี้ยังได้พบกันเป็นครั้งแรก เจ้าคงไม่คิดปล้นข้าหรอกใช่ไหม?”
ให้ตายเถอะ!
ขณะรับฟัง ซูเฉินต้องตกตะลึง เจ้าผู้ทรงเกียรตินี่กำลังทวงถามหลักการกับเขา แถมประเด็นก็คือดันมีเหตุผลซะด้วย
ซูเฉินฆ่าคนมานับไม่ถ้วน แต่ทั้งหมดล้วนเป็นคนที่เคยล่วงเกินไป ขณะที่หวูโหยวไม่เคยทำเช่นนั้น หากลงมือปล้นชิง มันไม่ยุติธรรมเลยสักนิด
กระนั้น หินต้นกำเนิดพลังงานขั้น 9 และ 10 มีความสำคัญต่อเขามาก ไม่ว่ายังก็ต้องได้มา
ซูเฉินปั่นความคิด เอ่ยถามว่า “ผู้อาวุโสเป็นชาวเผ่าวิญญาณใช่หรือไม่?”
“ใช่” หวูโหยวพยักหน้า ไม่ได้ใส่ใจกับคำถามนี้มากนัก
แต่ใครจะคาดคิดกัน ว่าจู่ๆสีหน้าของซูเฉินพลันเปลี่ยนเป็นเย็นชา แค่นเสียงเบาๆว่า “มีสหายสนิทของผมหลายคนถูกเผ่าวิญญาณของท่านจับตัวไปขายให้เผ่าอสูร จนถึงตอนนี้ยังไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดียังไง”
“และคนเผ่าวิญญาณที่จับตัวเพื่อนผมไปก็สารภาพแล้ว ว่าได้รับคำสั่งจากระดับเทวะขั้น 3 … ในทวีปเผ่าวิญญาณ ไม่ใช่ว่ามีผู้อาวุโสแค่คนเดียวหรอกหรือที่อยู่ในระดับเทวะขั้น 3 ?”
กล่าวถึงจุดนี้ ทั่วร่างของซูเฉินปลดปล่อยจิตสังหารออกมา
ความหมายนั้นชัดเจน หากหวูโหยวไม่ชี้แจง วันนี้เกรงว่าคงจบกันด้วยดียาก
“…”
หวูโหยวพอได้ฟังต้องตกตะลึง เขาไม่เคยทำอะไรแบบนั้นมาก่อน ซูเฉินใช่กำลังหาหลักฐานมาใส่ร้ายเขาหรือไม่?
ฉีมู่เฟิงที่อยู่ข้างๆกลืนน้ำลายอึกใหญ่
หานคุนและคนอื่นๆถูกลักพาตัวไป เรื่องนี้เขาทราบ แต่เห็นได้ชัดว่าเรื่องราวช่วงท้ายไม่ได้ตรงกับที่ซูเฉินเล่า พี่น้องร่วมสาบานผู้นี้ของเขากำลังใส่ร้ายผู้ทรงเกียรติหวูโหยว จงใจหาเรื่องกันชัดๆ อ๊าาา!
‘เจ้ามันโจรขนานแท้!’ ฉีมู่เสวี่ยบน [รถศึกอัจฉริยะ] ลอบด่าทอ
ก่อนหน้านี้ตอนอยู่ในทวีปเอลฟ์ พวกเธอชิงนกสำรวจมาจากยักษ์ไททัน แต่สุดท้ายก็ถูกซูเฉินมอบความอัปยศ สาดเสียเทเสียว่าสมาชิกตระกูลฉีของพวกเธอทั้งหมดเป็นโจร
แต่สิ่งที่ซูเฉินกำลังทำอยู่ตอนนี้ มันไม่ได้เรียกว่าโจรหรอกหรือ? ก็แค่หาข้ออ้างไปเรื่อย เพื่อดำเนินแผนปล้นในขั้นต่อไปเท่านั้นเอง!
คนแบบนี้ ยังกล้ามาว่าตระกูลฉีเป็นโจรอีกหรือ?
ช่างหน้าไม่อาย!
“ต่อให้เจ้าเอ่ยเช่นนั้น แล้วมีหลักฐานหรือไม่?”
ผู้ทรงเกียรติหวูโหยวกล่าวอย่างขุ่นเคือง ไม่มีเหตุผลเลยที่เขาถูกตราหน้าเป็นคนผิด เขาจะไม่ยอมรับมันเด็ดขาด
“แน่นอนว่ามี” ซูเฉินเตรียมการไว้แล้ว เขาชี้ไปทาง [รถศึกอัจฉริยะ] ข้างหลัง แล้วประกาศว่า “ทุกคนในรถล้วนเป็นพยาน พวกเขาสามารถยืนยันให้ผมได้”
4/10
Ep.914
“ให้ตายเถอะ!”
หวูโหยวลอบคร่ำครวญในใจ คนบนรถล้วนเป็นสหายของซูเฉิน แน่นอนว่าซูเฉินพูดอะไรย่อมคล้อยตาม คนพวกนั้นใช้เป็นพยานได้หรือ?
ซูเฉินจะหน้าด้านเกินไปแล้ว!
“ฉีมู่เฟิง เจ้าเล่าว่าอย่างไร เป็นเช่นนั้นจริงหรือไม่?” หวูโหยวสูดหายใจเข้าลึกๆ ระงับความโกรธในใจ หันไปถามฉีมู่เฟิง
เขาเคยพบฉีมู่เฟิงมาก่อน ค่อนข้างรู้จักอุปนิสัยอีกฝ่าย เขาไม่เชื่อว่าฉีมู่เฟิงจะโกหก
“พี่ฉี พูดตามความจริงได้เลย”
ซูเฉินขยิบตาให้ฉีมู่เฟิง กล่าวอย่างชัดถ้อยชัดคำ
“…”
ฉีมู่เฟิงพูดไม่ออกไปพักหนึ่ง ข้างในตัวรู้สึกราวกับมีพายุกรรโชกกำลังอาละวาด ภายใต้สายตาของหวูโหยวกับซูเฉิน เจ้าตัวก้มศีรษะลง เอ่ยเสียงเบาราวกระซิบ
“เป็นเช่นนั้น”
ถึงอย่างไรซูเฉินคือพี่น้องร่วมสาบานของเขา แม้ขัดต่อหลักการแต่ก็ต้องช่วยซูเฉิน ต่อให้รู้ว่าโกหก ก็ไม่มีทางเลือก
“ช่างไร้ยางอาย!”
ผู้ทรงเกียรติหวูโหยวโกรธจนขนลุกชัน เขาไม่คิดมาก่อนเลย ว่าฉีมู่เฟิงผู้ซึ่งมักให้เกียรติตนเอง วางตัวอย่างเปิดเผยและซื่อตรงตลอดมา วันนี้จะเริ่มโกหกแล้วจริงๆ!
ช่างน่าสะอิดสะเอียนนัก!
“ผู้อาวุโส ระวังคำพูดด้วย” ซูเฉินแค่นเสียงฮึ่ม ตำหนิชายชรา “อย่าคิดว่าตัวเองอายุมากแล้วจะใช้จุดนั้นข่มคนอื่นได้ ถ้ายังไม่รู้จักยับยั้งอารมณ์ ระวังจะถูกทุบตีเอา!”
ฉีมู่เฟิงกลืนน้ำลาย เหลียวมองซูเฉินอย่างเหม่อลอย ลอบพึมพำในว่า “ซูเฉินจะปากร้ายเกินไปแล้ว อีกฝ่ายเป็นถึงผู้ทรงเกียรติเชียวนะ อ๊าาาา!”
เป็นอย่างที่คิด หน้าอกของหวูโหยวกระเพื่อมขึ้นลงอย่างรุนแรง เห็นได้ชัดว่าความโกรธได้มาถึงจุดเดือดแล้ว
กระนั้น เขาก็ยังฝืนทนไว้ มองไปทางซูเฉิน กล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “ซูเฉิน ว่ามาเถอะ เจ้าต้องการอะไรกันแน่?”
“ขอผู้อาวุโสมอบหินต้นกำเนิดพลังงานบางส่วนเป็นการชดใช้ แล้วผมจะยอมปล่อยเรื่องนี้ไป” ซูเฉินยิ้มบาง
“เป็นแบบนี้เองสินะ” หวูโหยวตระหนักได้ทันที กัดฟันด้วยความโกรธ
ซูเฉินเอ่ยทั้งหมดออกมา กลับกลายเป็นว่าก็เพื่อหินต้นกำเนิดพลังงาน!
“เจ้าต้องการเท่าไหร่?” หวูโหยวถามด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง
“หินต้นกำเนิดพลังงานขั้น 9 และ 10 อย่างละร้อยก้อน” ซูเฉินกล่าวอย่างชัดถ้อยชัดคำ
น้ำเสียงยามเอ่ยมันออกมา ราวกับว่าหินต้นกำเนิดพลังงานขั้น 9 และ 10 เป็นเหมือนกะหล่ำปลีที่พบเจอได้ตามรายทางทั่วไป
อย่างละร้อยก้อน?
ฉีมู่เฟิงเผยอปาก สีหน้าท่าทีกลายเป็นแข็งทื่อ
เขาเดาได้นานแล้วว่าซูเฉินคิดรีดไถเป็นสมบัติก้อนโต แต่ไม่นึกเลยว่าจะก้อนโตถึงขนาดนี้!
หินต้นกำเนิดพลังงานสองร้อยก้อน อีกทั้งต้องเป็นขั้น 9 และ 10 ! นี่มิใช่ปอกลอกจนผู้ทรงเกียรติหวูโหยวยากจนเลยหรือ?
“ซูเฉิน แล้วถ้าข้าไม่ให้ล่ะ?”
น้ำเสียงของหวูโหยวเย็นชาผิดปกติ ในฐานะระดับเทวะขั้น 3 ต่อให้เป็นในมิติภายนอก เขาก็ยังเป็นตัวตนที่ผู้คนให้การเคารพนับถือ แต่ในสายตาซูเฉิน ราวกับไม่นับเป็นตัวอะไรเลย
ความบ้าบิ่นของซูเฉิน ทำให้เขาโกรธอย่างสมบูรณ์แล้ว และไม่คิดจะระงับมันอีกต่อไป
“ถ้าไม่ให้ก็ต้องสู้กัน!”
ซูเฉินมุ่ยปาก กล่าวอย่างเฉยเมย
“เจ้าคิดจริงๆหรือว่าเจ้าไร้เทียมทานไม่มีผู้ใดเทียบ?” หวูโหยวกัดฟันเอ่ย
“บนแผ่นดินใหญ่ ผมคือตัวตนคงกระพันไร้เทียมทาน!”
สีหน้าของซูเฉินจริงจัง ประกาศกร้าว ไม่มีทีท่าว่าจะยอมอ่อนข้อแม้แต่น้อย
หวูโหยวถึงกับอ้าปากค้าง
“ก็ได้ข้ายอมรับ ว่าบนแผ่นดินใหญ่เจ้าแข็งแกร่งจริงๆ ข้าไม่สามารถเอาชนะเจ้าได้ แต่หากเจ้าหมายเอาชนะข้า –ก็ไม่มีทางเป็นไปได้เช่นกัน!”
“มั่นใจขนาดนั้นเลยหรอ?” ซูเฉินหรี่ตาลง อุทานออกมาเบาๆ
บนแผ่นดินใหญ่ คนที่กล้าพูดแบบนี้ต่อหน้าเขา มีหวูโหยวเป็นคนแรก
“ถ้าเจ้าไม่เชื่อ –ก็ลองดู!”